วัดโทไดจิ (Todaiji)

ความหมายตามตัวอักษรคือ วัดใหญ่แห่งทิศตะวันออก ตั้งอยู่ที่เมืองนารา ภูมิภาคคันไซ ถือเป็นโบราณสถานที่มีความเก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นและยังถือว่าเป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในนาราเลยก็ว่าได้

วัดโทไดจิ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 752 ในช่วงที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด สิ่งก่อสร้างที่สำคัญของวัดนี้ คือ วิหารไม้หลังใหญ่ ไดบุตสึเดน (大仏殿) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อโต (ไดบุตสึ) ว่ากันว่าเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความสูง 157 ฟุต ความยาว 187 ฟุต แม้ว่าวิหารไม้ที่เห็นในปัจจุบันนี้มีขนาดเพียงแค่ 2 ใน 3 ของวิหารหลังเดิมที่เคยถูกไฟไหม้ไปจากภัยสงคราม แต่ก็ยังคงมีความยิ่งใหญ่จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

วัดโทไดจิ (Todaiji) เมืองนารา สักการะหลวงพ่อโต (ไดบุทสุ) ในวิหารไม้ใหญ่ที่สุดในโลก

 

บริเวณทางเดินเข้าสู่ประตูใหญ่ของวัดโทไดจิเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกมากมายและมักจะคึกคักไปด้วยผู้คนนักท่องเที่ยวรวมถึงนักเรียนที่มาทัศนศึกษา ภาพที่เห็นจนชินตาระหว่างทางเดินเข้าสู่วัดก็คือ ฝูงกวางที่เดินปะปนไปกับกลุ่มนักท่องเที่ยว บ้างก็กำลังป้อนขนมเซมเบ้ให้กับฝูงกวาง บางคนก็ถูกกวางแย่งสิ่งของที่อยู่ในมือด้วยคิดว่าเป็นของกิน เป็นที่ตื่นเต้นและสนุกสนานสำหรับพวกเด็กๆ

วัดโทไดจิ (Todaiji) เมืองนารา สักการะหลวงพ่อโต (ไดบุทสุ) ในวิหารไม้ใหญ่ที่สุดในโลก

วัดโทไดจิ (Todaiji) เมืองนารา สักการะหลวงพ่อโต (ไดบุทสุ) ในวิหารไม้ใหญ่ที่สุดในโลก

 

ก่อนจะเดินทางเข้าสู่ตัววัด เราต้องผ่าน ซุ้มประตูไม้ขนาดใหญ่ นันไดมง (南大門) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 962 มีสถาปัตยกรรมแบบจีนในสมัยราชวงศ์ซ่ง สร้างด้วยไม้ซุงขนาดยักษ์ถึง 18 ต้น ด้านหน้าของวิหารหลวงพ่อโต จะมีตะเกียงสำริด 8 เหลี่ยมตั้งอยู่โดดเด่นกลางลานหน้าวิหาร ตะเกียงนี้มีอายุใกล้เคียงกันหรือเท่ากับอายุของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ลวดลายสลักที่ตะเกียงเป็นรูปของเหล่าคนธรรพ์ขับกล่อมดนตรีอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเครื่องดนตรีในยุคเมื่อ 1,200 ปีก่อน

วัดโทไดจิ (Todaiji) เมืองนารา สักการะหลวงพ่อโต (ไดบุทสุ) ในวิหารไม้ใหญ่ที่สุดในโลก

วัดโทไดจิ (Todaiji) เมืองนารา สักการะหลวงพ่อโต (ไดบุทสุ) ในวิหารไม้ใหญ่ที่สุดในโลก

 

ภายในวิหารไดบุตสึเดน เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ “ไดบุตสึ” (Daibutsu 大仏) หรือองค์พระไวโรจนะพุทธเจ้า (หมายถึงพระพุทธเจ้าที่มี รัศมีส่องสว่างไปทั่วจักรวาลดุจดังพระอาทิตย์ มีการนับถือกันมากในจีน เกาหลี และญี่ปุ่น) องค์พระสร้างด้วยบรอนซ์ ประทับอยู่ในปางนั่งขัดสมาธิเพชร แสดงธรรม พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระพาหา พระหัตถ์ขวาอยู่ในท่ามุทรา องค์พระมีความสูง 14.98 เมตร หนักประมาณ 500 ตัน สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 752 นอกจากพระพุทธรูปองค์ใหญ่ องค์พระไวยโรจนะแล้ว ที่เบื้องขวามีพระอากาศครรภ์โพธิสัตว์(虚空蔵菩薩) และที่เบื้องซ้ายมีพระจินดามณีอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (如意輪観音菩薩) ประดิษฐานอยู่เป็นพระอันดับ ทั้ง 2 องค์นี้ เป็นพระพุทธรูปไม้ที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ

วัดโทไดจิ (Todaiji) เมืองนารา สักการะหลวงพ่อโต (ไดบุทสุ) ในวิหารไม้ใหญ่ที่สุดในโลก

วัดโทไดจิ (Todaiji) เมืองนารา สักการะหลวงพ่อโต (ไดบุทสุ) ในวิหารไม้ใหญ่ที่สุดในโลก

วัดโทไดจิ (Todaiji) เมืองนารา สักการะหลวงพ่อโต (ไดบุตสึ) ในวิหารไม้ใหญ่ที่สุดในโลก
[info-t”8:00 – 17:00 น.”]
[info-f”ค่าเข้าวิหารหลวงพ่อโต 500 เยน ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์วัดโทไดจิ 500 เยน หรือซื้อตั๋วรวม 800 เยน”]
[info-d”เดิน 20 นาทีจากสถานี Kintetsu Nara หรือนั่งรถบัสจากหน้าสถานี (มีรถผ่านหลายสาย) ใช้เวลาประมาณ 5 นาที”]
(เมืองนาราตั้งอยู่ห่างจากโอซาก้าไปทางตะวันออกเพียง 30 กม. ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟเพียง 40 นาทีจากโอซาก้า สามารถเดินเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ ที่เมืองนารามีสถานีรถไฟใหญ่ที่เป็นชุมทางหลักๆ อยู่ 2 สถานีด้วยกันคือ สถานี Nara ซึ่งเป็นสถานีของรถไฟ JR ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมือง ส่วนอีกสถานีคือ Kintetsu Nara ซึ่งเป็นสถานีหลักของรถไฟคินเต็ทสึ สถานี Kintetsu Nara จะอยู่ใกล้กับวัดโทไดจิ มากกว่าสถานี Nara จึงแนะนำว่า เวลาเดินทางจากโอซาก้าเพื่อมาเที่ยวนารา ควรนั่งรถไฟของคินเต็ทสึ มาลงที่สถานี Kintetsu Nara จะสะดวกที่สุด เพราะสามารถเดินไปเที่ยวต่อได้ทันที ที่สำคัญคือสามารถใช้บัตร Kansai Thru Pass ขึ้นได้ฟรีด้วย แต่ถ้าใครจะมาด้วยรถไฟของ JR ไปลงสถานี Nara ก็ได้เช่นกันเพียงแต่ต้องต่อรถเมล์เพื่อไปยังสถานที่เที่ยว ซึ่งอาจไม่ค่อยสะดวก)
[info-g”34.688998,135.839949″]

[codespacing_progress_map]

ข้อมูลจาก : หนังสือ Japan Kansai เที่ยวญี่ปุ่น ฉบับตะลุยคันไซ
เรื่องและภาพ: ตะวัน พันธ์แก้ว

เราเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่นเกือบทุกภูมิภาคในหลากหลายฤดู และประเทศอื่น ๆ เช่น เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น รวมทั้งประเทศในโซนยุโรป เพื่อถ่ายภาพรวบรวมข้อมูล ออกมาเป็นผลงานในรูปแบบหนังสือ และสื่อสาระด้านท่องเที่ยว & ไลฟ์สไตล์ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ และภาคภูมิใจของพวกเรา DPlus Guide Team