กิจกรรมที่น่าสนใจในฤดูหนาวที่เมืองอะบาชิริ (Abashiri) ตะวันออกเฉียงเหนือไกลโพ้นของเกาะฮอกไกโด นอกจากจะลงเรือตัดน้ำแข็ง Aurora เที่ยวชมแพน้ำแข็งที่เกิดจากก้อนน้ำแข็งจำนวนมากไหลมากองรวมกัน (drifted ice) ที่ชายฝั่งบริเวณเมืองอะบาชิริแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งในการชม drift ice ก็คือนั่งรถไฟขบวน Ryohyo Norokko ที่วิ่งเลียบชายฝั่ง จากสถานีอะบาชิริไปสุดที่สถานี Shiretoko Shari (สุดทางรถไฟ)

ซึ่งนอกจากจะมีทิวทัศน์งดงามแล้ว หลายๆช่วงที่วิ่งเลียบชายฝั่ง เราจะได้เห็นแพน้ำแข็งไหลจากฝั่งรัสเซียมาทับถมกันตามแนวชายฝั่งญี่ปุ่น มากน้อยแล้วแต่สภาพอากาศ ว่าจะเย็นจนทำให้แพน้ำแข็งคงสภาพไว้ได้นานแค่ไหนก่อนจะละลายหายไปในทะเล นอกจากนี้ในระหว่างทางสามารถแวะชมทะเลสาบที่หงส์จากไซบีเรียอพยพหนีหนาว มาอยู่ที่บริเวณนี้อีกด้วย

 

หัวขบวน Ryuho Norokko
หัวขบวน Ryuhyo Norokko (บางขบวนอาจต่างจากนี้)
โบกี้ไม้ หน้าต่างสูงสำหรับชมวิว
โบกี้ไม้ หน้าต่างสูงสำหรับชมวิว

 

รถไฟขบวนนี้ใช้ตูรถไฟโบราณ ซึ่งทำด้วยไม้และมีเตาผิงสำหรับใส่ถ่านหิน เพื่อจุดไฟให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว โดยมีไฟจากเตาผิงทะลุหลังคาเพื่อระบายควันออกไปด้านนอก ส่วนหน้าต่างที่เป็นบานไม้ สามารถเปิดเป็นมุมกว้างเพื่อชมวิวได้รอบทิศ บนรถไฟนี้จะมีการขายอาหารว่างและขนมด้วย ที่ขึ้นชื่อก็เช่น พุดดิ้งนมสด กับปลาหมึกย่าง ที่ต้องเอามาย่างเองกับตะแกรงที่เตาผิงในรถนั่นเอง

ขบวนรถไฟแบบนี้จะมีวันละ 2 เที่ยวคือช่วงเช้าและบ่าย โดยจะมีเฉพาะในฤดูหนาวเท่านั้น เวลาที่ใช้ขาไปประมาณ 50 นาที กลับอีกพอๆกัน ตลอดเส้นทางมีเพียง 8 สถานี โดยพอไปถึงปลายทางจะหยุดเพียงครู่เดียวก็วิ่งกลับเลย ดังนั้นหากจะแวะดูทะเลสาบหงส์ระหว่างทาง ก็ต้องรอรถไฟธรรมดาขบวนถัดไป ซึ่งแต่ละขบวนจะห่างกันประมาณ 1 ชั่วโมง หรือเปลี่ยนเป็นแวะขากลับแทน

 

มีเตาผิงแบบใช้ถ่านหิน
มีเตาผิงแบบใช้ถ่านหิน
...แต่ตอนนี้ใช้ย่างปลาหมึกแทน
…แต่ตอนนี้ใช้ย่างปลาหมึกแทน
บรรยากาศในรถ
บรรยากาศในรถ
มีขายของกิน มีเจ้าหน้าที่คอยบรรยายวิวข้างทางด้วยว่าถึงไหนแล้ว
มีขายของกิน มีเจ้าหน้าที่คอยบรรยายวิวข้างทางด้วยว่าถึงไหนแล้ว
รถวิ่งเลียบทะเลเป็นส่วนใหญ่
รถวิ่งเลียบทะเลเป็นส่วนใหญ่
บางช่วงก็จะเห็นแผ่นน้ำแข็ง (drift ice) ลอยมาติดฝั่งแบบนี้
บางช่วงก็จะเห็นแผ่นน้ำแข็ง (drift ice) ลอยมาติดฝั่งแบบนี้

 

Shiretoko Shari สถานีสุดท้ายปลายทาง

ขบวนรถไฟพิเศษ Ryuhyo Norokko นี้ มีวันละ 2 เที่ยวเช้าและบ่ายเท่านั้น จะวิ่งไปสุดที่สถานี JR Shiretoko Shari (ที่ต้องตั้งชื่อยาวเพราะมีสถานีรถไฟชื่อ Shari ซ้ำกันหลายแห่งในญี่ปุ่น) ที่เมือง Shari ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ทางตะวันตกสุดของรถไฟสายอะบาชิริ Senmo Main Line รถไฟจะหยุดพักเพียงไม่กี่นาทีก่อนจะวิ่งกลับสถานี JR Abashiri (ส่วนที่เลยจากนั้นทางรถไฟจะวกลงใต้ไปยังเมือง Kushiro แทน) ดังนั้นใครจะนั่งขบวนพิเศษนี้ ก็ต้องซื้อตั๋วไปหนึ่งเที่ยว กลับอีกหนึ่งเที่ยว หรือถ้าจะแวะลงเดินเล่นที่สถานี Shiretoko Shari นานหน่อย ก็ต้องขึ้นขบวนรถไฟธรรมดากลับแทน

ในทางกลับกัน หากรถไฟขาไปเต็ม อาจขึ้นรถไฟธรรมดาจากสถานีอะบาชิริก่อน แล้วมาดักรอนั่งรถ Ryuhyo Norokko เฉพาะขากลับที่สถานีนี้ก็ได้ (ในฤดูหนาวบางวันขบวนอาจโดนจองเต็มได้ ถ้ามีโอกาสแนะนำให้จองที่นั่งล่วงหน้าไว้ก่อน) จากสถานี Shiretoko Shari นี้สามารถจะนั่งรถบัสต่อไปยังเมือง Utoro ที่อยู่ใกล้ทางเข้าอุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะได้ แต่ต้องเช็กเวลาให้ดี เพราะถ้าเป็นหน้าหนาวอาจมีน้อยเที่ยว และระยะค่อนข้างไกลเกินกว่าจะเรียกแท็กซี่ (ประมาณ 40 กม.)

 

สถานี Kitahama และ Lake Tofutsu ทะเลสาบหงส์ขาว

ระหว่างทางจะมีจุดที่รถจอดค่อนข้างนาน คือที่ สถานี Kitahama ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลโอคอทสก์ (Okhotsk Sea) ที่สุด เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถลงมาเดินชมวิวรอบสถานี หรือจะขึ้นไปบนหอคอยไม้ข้างทางที่สร้างไม่สูงนัก เพื่อชมวิวก้อนน้ำแข็งก็ได้

สถานี Kitahama ใกล้ทะเลที่สุด เป็นจุดแวะดูทะเลสาบหงส์ขาวด้วย
สถานี Kitahama ใกล้ทะเลที่สุด เป็นจุดแวะดูทะเลสาบหงส์ขาวด้วย
หอคอยชมวิวที่สถานี Kitahama
หอคอยชมวิวที่สถานี Kitahama

ที่สถานี Kitahama นี้ ตัวสถานีเล็กมากๆ (แต่ยังอุตส่าห์มีเคาน์เตอร์กาแฟเล็กๆน่ารัก) นอกจากรถจะจอดให้ลงมาเดินชมวิวนานหน่อยแล้ว ยังเป็นจุดแวะเพื่อจะไปชม ทะเลสาบ Tofutsu ซึ่งเฉพาะในฤดูหนาวจะมีฝูงหงส์ขาวอพยพจากไซบีเรีย มาหากินอยู่ที่ทะเลสาบนี้เป็นจำนวนมาก (ย้ำอีกทีว่าเฉพาะหน้าหนาวนะครับ ไปหน้าอื่นมีแต่วิวทะเลสาบเฉยๆ) จนมีการสร้างลานจอดรถ ศูนย์ข้อมูลและศาลานั่งพักของนักท่องเที่ยวจำนวนมากไว้ริมทะเลสาบ โดยเฉพาะตากล้องซูมยาวประเภทบ้องข้าวหลามทั้งหลายที่พากันมาปักหลักถ่ายรูปหงส์ขาวในบริเวณนี้ จนกลายเป็นจุดถ่ายรูปที่สำคัญ

ทางเดินไปทะเลสาบหงส์ขาว มีป้ายอยู่อันเดียวเท่าที่เห็น
ทางเดินไปทะเลสาบหงส์ขาว มีป้ายอยู่อันเดียวเท่าที่เห็น
ถึงแล้ว จุดถ่ายรูปหงส์
ถึงแล้ว จุดถ่ายรูปหงส์
ตากล้องซูมยาวมารอกันตรึม
ตากล้องซูมยาวมารอกันตรึม

บริเวณจุดถ่ายรูปนี้จะต้องเดินจากสถานีไปประมาณ 15 – 20 นาที หรือราวเกือบ 1 กม. ดังนั้นถ้าใครจะแวะลง ที่ทะเลสาบนี้จะต้องเผื่อเวลาและดูตารางรถไฟให้ดี ถ้าจะให้ขึ้นทันรถไฟ (ธรรมดา) ขบวนถัดไปซึ่งห่างกันอาจจะประมาณชั่วโมงหนึ่ง หรือไม่ถึงหรือเกินกว่านั้นแล้วแต่ช่วงเวลา เช่นใช้เวลาเดินไปเดินกลับราวครึ่งชั่วโมง (อย่าลืมว่าหน้าหนาวหิมะตกทับถมกัน ทางเดินเท้าอาจค่อนข้างลื่น เดินเร็วหรือวิ่งไม่ได้ ต้องค่อยๆเดินเท่านั้น) มีเวลาถ่ายรูปประมาณครึ่งชั่วโมง อะไรทำนองนั้น แนะนำให้แวะตอนนั่งขบวนธรรมดา เช่นถ้าขาไปเราโดยสารขบวนชมวิว Ryuhyo Norokko อยู่แล้ว ก็อาจแวะขากลับแทน หรือถ้าขาไปนั่งขบวนธรรมดาเพื่อไปดักรอนั่งขบวน Ryuhyo Norokko ขากลับ ก็อาจเผื่อเวลามากหน่อยแล้วแวะทะเลสาบตอนขาไปเลย

หงส์มาเฉพาะหน้าหนาว
หงส์มาเฉพาะหน้าหนาว
ใครใคร่ถ่ายรูป ก็ถ่ายไป
ใครใคร่ถ่ายรูป ก็ถ่ายไป
หงส์ก็เล่นน้ำไป
หงส์ก็เล่นน้ำไป
ถ่ายกันจนแสงหมดถึงจะเลิก
ถ่ายกันจนแสงหมดถึงจะเลิก

ที่ร้านกาแฟตรงสถานีเค้าถ่ายเอกสารแผนที่ทางไปดูหงส์ไว้แจกเลย คงเบื่อที่จะต้องตอบคำถามเดิมๆ ของนักท่องเที่ยว เพราะมันไม่มีป้ายบอกทางอะไรที่เป็นป้ายถาวรเลย แถมสถานีก็เงียบมากจนเราไม่แน่ใจว่าลงถูกที่หรือเปล่า

เสียดายที่เรามีเวลาน้อยมาก ขาไปพอลงจากรถไฟ ถามหาแผนที่ได้ก็รีบเดินไป เพราะต้องกลับมาให้ทันรถไฟขบวนถัดไปในอีก 1 ชั่วโมง (ที่เกือบเป็นขบวนสุดท้าย) ตอนกลับก็รีบจ้ำมาขึ้นรถไฟ ร้านก็ปิดไปเสียก่อนเพราะลูกค้าคงหมดพอดี เลยไม่มีโอกาสแวะซื้อกาแฟเพื่อตอบแทน รีบจนเหนื่อยมาก แต่ก็คุ้มที่ได้เห็นฝูงหงส์ครับ เสียดายกล้องใหญ่ที่มีซูมเกิดแบตหมด (อาจเพราะโดนอากาศเย็นจัดหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ไปเที่ยวหน้าหนาวเผื่อแบตกล้องไว้หลายก้อนกว่าฤดูอื่นก็ดีนะครับ และต้องเก็บไว้กับตัวในที่อุ่นๆด้วย)

 

เที่ยวฮอกไกโด นั่งรถไฟ Ryuhyo Norokko ชม Drift ice ไป Shiretoko แวะทะเลสาบหงส์ที่ Abashiri
[info-t ]มีวิ่งเฉพาะฤดูหนาว วันละ 2 ขบวน (ดูตารางเวลาที่สถานี หรือแอพ Hyperdia หรือตามลิงค์ข้างล่าง)
[info-f]เที่ยวเดียว 840 เยน
[info-d]นั่งจากสถานี Abashiri ถึงสถานี Shiretoko Shari ใช้เวลาประมาณ 40 นาที)
[info-w] ดูตารางเวลาที่ http://www2.jrhokkaido.co.jp/global/english/ttable/07.pdf
[info-g]43.910925, 144.661649

ข้อมูล เรื่อง และภาพ: DPlus Guide Team / วศิน เพิ่มทรัพย์

ผู้ก่อตั้ง และบรรณาธิการอำนวยการ สำนักพิมพ์ ​DPlus เรียนมาทางวิศวะ แต่มาเอาดีทางเขียนหนังสือ ทำหนังสือและ content ชอบเดินทาง ถ่ายรูป สนใจอยากรู้ไปทุกเรื่อง ตั้งแต่ประวัติศาสตร์​ ภูมิศาสตร์ แผนที่ จนถึงเทคโนโลยีและ Gadget :-)