เที่ยวญี่ปุ่น เมือง Beppu เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของจังหวัด Oita สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเมืองนี้คือ ทัวร์บ่อนรก Beppu Jigoku Meguri หรือ Hell Tour ชื่อเรียกอาจจะฟังดูน่ากลัวหน่อยๆ แต่บ่อนรกที่เรียกกันนี้ แท้จริงก็คือ “บ่อน้ำพุร้อน” นั่นเอง

บ่อนรก Beppu Jigoku Meguri มีทั้งหมด 8 บ่อหลักๆ (บางบ่อหลัก จะมีหลายบ่อเล็กๆ ในบริเวณนั้น) แบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ โซน Kannawa และ โซน Shibaseki ซึ่งบ่อน้ำพุแต่ละบ่อก็จะมีลักษณะและจุดเด่นแตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ด้วยแร่ธาตุที่แตกต่างกันจึงทำให้น้ำพุร้อนในแต่ละบ่อมีสีที่แตกต่างกันออกไป

โซน Kannawa  จะมีทั้งหมด 6 บ่อหลัก

1. Umi Jigoku (Sea Hell)

Umi Jigoku (Sea Hell) Umi Jigoku (Sea Hell)

บ่อนี้เป็นไฮไลท์ของโซน Kannawa น้ำพุในบ่อจะมีสีฟ้าซึ่งจะมีโคบอลต์เป็นส่วนประกอบ ทำให้บ่อนี้มีชื่อเรียกว่า Umi (อุมิ) แปลว่า ทะเล บ่อมีความลึกประมาณ 200 เมตร อุณหภูมิสูงถึง 98 องศาเซลเซียส บริเวณเดียวกันยังมีบ่อน้ำพุร้อนเล็กๆ เป็นบ่อสีส้มซึ่งเต็มไปด้วยเหล็กและแมกนีเซียม รอบๆบ่อยังออกแบบให้มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม

2. Oniishibouzu Jigoku (Oniishi shaven head hell)

Oniishibouzu Jigoku (Oniishi shaven head hell) Oniishibouzu Jigoku (Oniishi shaven head hell)

บ่อโคลนสีเทาเดือดปุดๆ ตลอดเวลา อุณหภูมิ 99 องศาเซลเซียส เต็มไปด้วยแร่โซเดียม และฟองโคลนทั้งเล็กและใหญ่ที่ผุดขึ้นมา บริเวณเดียวกันยังมีบ่อน้ำพุร้อนให้แช่เท้าผ่อนคลายอีกด้วย

3. Yama Jigoku (Mountain hell)

Yama Jigoku (Mountain hell) Yama Jigoku (Mountain hell)

บ่อขนาดเล็กที่มีไอน้ำพุแทรกผ่านโขดหินออกมาเนื่องจากความร้อนจากใต้ดิน เกิดเป็นกลุ่มควันปกคลุมไปทั่วบริเวณ รอบๆ น้ำพุมีสัตว์ขนาดเล็กมากกว่า 20 ชนิด มาให้ชมความน่ารัก เช่น ฮิปโป นกฟลามิงโก เป็นต้น

4. Kamado Jigoku (Oven hell) หรือ Cooking pot Hell

Kamada Jigoku

Kamado Jigoku (Oven hell) หรือ Cooking pot Hell Kamado Jigoku (Oven hell) หรือ Cooking pot Hell

สัญลักษณ์ของบ่อแห่งนี้คือ รูปปั้นปีศาจสีแดงตัวใหญ่ยืนอยู่บนเตาทำอาหาร ตามตำนานเล่าว่าบ่อแห่งนี้เคยใช้เป็นที่สำหรับปรุงอาหารให้เทพเจ้า และเป็นอีกจุดหนึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก  ด้านในจะแบ่งเป็นบ่อย่อยๆ เช่นบ่อโคลนสีส้มอิฐเกิดจากความร้อนใต้ดินดันตัวดินเหนียวขึ้นมา อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส เดินเข้าไปด้านในสุดจะพบบ่อน้ำพุร้อนสีฟ้าขนาดใหญ่ ติดกันจะเป็นบ่อสีส้มกำลังเดือดปุดๆ ให้ชมอีก

5. Oniyama Jigoku (Crocodile hell)

Oniyama

Oniyama Jigoku (Crocodile hell) Oniyama Jigoku (Crocodile hell)

มีรูปปั้นปีศาจสีแดงยืนหน้าทะมึนรอต้อนรับอยู่ด้านหน้าทางเข้า จะพบกับจระเข้ซึ่งเป็นที่จดจำว่ามาถึงบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้แล้ว บ่อน้ำพุร้อนที่นี่มีอุณหภูมิ 99.1 องศาเซลเซียส เกิดควันโขมงมองแทบไม่เห็นบ่อน้ำพุทำให้อากาศบริเวณนี้อบอุ่น กำลังดี จุดนี้ยังมีแหล่งเพาะพันธุ์จระเข้อยู่หลายบ่อ

6. Shiraike Jigoku (White pond hell)

Shiraike Jigoku (White pond hell)

Shiraike Jigoku (White pond hell)

บ่อนี้จะมีลักษณะเป็นสีขาวขุ่นๆ มีแคลเซียมคลอไรด์และแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นส่วนประกอบ อุณหภูมิ 95 องศาเซลเซียส บริเวณรอบๆ จัดเป็นสวนญี่ปุ่นสวยงาม และมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ปลาปิรันย่า ปลาพิรารูคู เป็นต้น

โซน Shibaseki  จะมี 2 บ่อ

1. Chinoike Jigoku

Chinoike Jigoku Chinoike Jigoku

เป็นไฮไลท์ของโซนนี้ น้ำในบ่อมีสีส้ม อุณหภูมิ 78 องศาเซลเซียส บ่อนี้มีอายุเก่าแก่มากที่สุด มากกว่า 1,300 ปี จุดนี้มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติด้วย

2. Tatsumaki Jigoku

Tatsumaki Jigoku Tatsumaki Jigoku

น้ำพุของบ่อแห่งนี้พุ่งขึ้นจากใต้ดินที่มีอุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นจุดเด่นของบ่อแห่งนี้ น้ำพุที่พุ่งขึ้นมามีอุณหภูมิ 105 องศาเซลเซียส น้ำพุร้อนพุ่งจากใต้ดินขึ้นมาทุกๆ 30-40 นาที นานครั้งละ 6-10 นาที สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

เรียบเรียง: nottokaofang DPlus Guide Team | ที่มาข้อมูลและภาพ : หนังสือ Unseen&Amazing Japan