ลาก่อน มัณฑะเลย์

จากตอนล่าสุดของ รากนครา ซีรีส์ละครไทยที่ได้รับความนิยมถึงขีดสุด และกำลังออนแอร์อยู่ ณ ขณะนี้ เราได้เห็นการเสียกรุงของเมืองมัณฑ์ ซึ่งมีต้นแบบมาจากเหตุการณ์เสียกรุงของ “มัณฑะเลย์” อดีตเมืองหลวงของพม่าในประวัติศาสตร์จริง

ในโอกาสนี้ DPlus Guide จึงขอหยิบยกบทความจากคุณ BAS นักเขียนเจ้าของผลงาน เที่ยวพม่า ซ่าอย่างอินดี้ ของเรามาแบ่งปันให้อ่านกันค่ะ เหตุการณ์เสียกรุงของมัณฑะเลย์แห่งเมียนม่าร์ จะสะเทือนใจเท่าในละครหรือไม่ มาติดตามกันเลยค่ะ

ลาก่อน มัณฑะเลย์

ลาก่อน มัณฑะเลย์

ชื่อหัวข้อเศร้าไปหน่อยแต่ก็เป็นเรื่องจริง มัณฑะเลย์เป็นราชธานีสุดท้ายของพม่า เป็นจุดจบของราชวงศ์คองบอง ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์ดูจะรู้ว่า พม่าย้ายเมืองหลวงบ่อยเป็นที่สุด เป็นประเทศที่บาสรู้สึกว่า มีเมืองหลวงเก่ากระจายอยู่ทุกมุมทั่วประเทศเลย

ก่อนหน้ามัณฑะเลย์ พระเจ้าปดุงทรงย้ายเมืองหลวงจากกรุงอังวะมาที่อมรปุระก่อน ต่อมาในสมัยพระเจ้ามินดง ก็ย้ายอีกครั้งมาที่ มัณฑะเลย์ ซึ่งอยู่ห่างจากอมรปุระไปทางเหนือแค่ 12 กิโลเมตร มีการสร้าง พระราชวังมัณฑะเลย์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพระราชวังที่อลังการที่สุด แต่มัณฑะเลย์นั้นอายุสั้น อยู่ได้แค่ 28 ปีก็ถึงจุดจบ จากรุ่นพระเจ้ามินดงสู่พระเจ้าธีบอ กษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า

ลาก่อน มัณฑะเลย์

 

ในสมัยพระเจ้าธีบอนั้นมีการทำสงครามกับอังกฤษครั้งที่ 3 และผลจากความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ทำให้พม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ส่วนพระเจ้าธีบอก็ถูกเนรเทศไปอินเดียจนกระทั่งสวรรคต

เคราะห์ของมัณฑะเลย์ยังไม่หมดแค่นั้น ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พระราชวังมัณฑะเลย์เป็นฐานของพวกญี่ปุ่น ฝ่ายสัมพันธมิตรก็เลยทิ้งบอมบ์ซะจนพระราชวังกระจุย …น่าสงสารจริงๆ เกิดมาเป็นมัณฑะเลย์

เมืองมัณฑะเลย์
เมืองมัณฑะเลย์

พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) ที่สร้างสมัยพระเจ้ามินดงนั้น ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับต้นๆ ของเอเชีย คิดดูสิคะว่ามันน่าเสียดายแค่ไหนที่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สถาปัตยกรรมทรงคุณค่าขนาดนั้น ถูกระเบิดตูม ตูม ตูม จนเหลือแต่กำแพง ป้อมปราการและคูน้ำรอบๆ พระราชวัง

กำแพงวังคือสิ่งที่เหลือจากระเบิดสงคราม มัณฑะเลย์
กำแพงวังคือสิ่งที่เหลือจากระเบิดสงคราม มัณฑะเลย์

ส่วนที่เห็นอยู่ตอนนี้คือของที่สร้างใหม่ รัฐบาลพม่าพยายามทำให้คล้ายของเก่าที่สุด โดยนำผังมาจากภาพถ่ายของ
อังกฤษ แต่ต้องยอมรับว่ามันไม่เนี้ยบเท่าไหร่เลย

ถ้าจะพูดถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระราชวังแห่งนี้ก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยพระเจ้ามินดง (เตือนไว้ก่อนเลยว่าดราม่ามาก มีการเอาเค้านี้เรื่องจากบทประพันธ์อิงประวัติศาสตร์เรื่อง “พม่าเสียเมือง” ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มาทำเป็นละคร “เพลิงพระนาง” ..คุ้นๆ มั้ยคะ)

ในบรรดามเหสีกว่า 50 คน ของ พระเจ้ามินดง มีมเหสีอยู่คนหนึ่งที่มีความมักใหญ่ใฝสู่ง ชื่อว่า พระนางอเลนันดอ ปาดหน้ามเหสีเอก จนกลายเป็นคนโปรดของพระเจ้ามินดง มีอำนาจในราชสำนักมาก ช่วงปลายๆ รัชกาล พระเจ้ามินดงไม่ใส่ใจบริหารบ้านเมือง เอาแต่นั่งสมาธิเข้าทางศาสนา สุดท้ายก็ป่วยจนสิ้นพระชนม์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทรงเบื่อหน่ายการชิงอำนาจกันในวัง (เดาได้เลยใช่มั้ยล่ะว่าใครเป็นใหญ่)

พอสิ้นพระเจ้ามินดงแล้ว ปัญหาก็เกิด พระเจ้ามินดงนั้นมีมเหสีตั้งเยอะ ลูกก็ต้องเยอะด้วย คราวนี้ใครจะเป็นคนครองบัลลังก์ต่อล่ะ? ไม่ใช่ว่าพระองค์ไม่ได้ตั้งรัชทายาทไว้ แต่พอตั้งแล้วคนคนนั้นก็จะถูกฆ่า น่าเห็นใจๆ

รูปปั้นพระเจ้าธีบอกับพระนางศุภยาลัตที่พระราชวังมัณฑะเลย์
ที่พระราชวังมัณฑะเลย์ มีรูปปั้นพระเจ้าธีบอกับพระนางศุภยาลัตด้วยค่ะ

…เวลานั้น พระนางอเลนันดอซึ่งควบคุมทุกอย่างไว้อยู่ ก็เลยผลักดัน เจ้าชายธีบอ (สีป่อ) ขึ้นครองบัลลังก์ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ควรจะได้เพราะคุณสมบัติไม่ถึงแถมเป็นลูกที่เกิดจากมเหสีชาวไทใหญ่ แต่นางสนับสนุนก็เพราะเจ้าชายธีบอเป็นคนหัวอ่อน แล้วนางก็ให้ลูกสาว 2 คนของนางอภิเษกเป็นมเหสีเอกและมเหสีรองไปซะเลย

..เริ่มดราม่าแล้วใช่มั้ยล่ะ..

มเหสีเอก (คนพี่) นั้นนิสัยดีค่ะ แต่มเหสีรอง (คนน้อง) คือนางร้ายตัวแม่ พระนางชื่อ ศุภยาลัต ผู้ซึ่งได้ฉายาว่า “ซูสีไทเฮาแห่งอิระวดี” ..โอ้..แม่เจ้า มาดูความน่ากลัวของนางกันค่ะ.. เริ่มต้นเลย นางฆ่ามเหสีเอกซึ่งเป็นพี่สาวตนเองให้พ้นทาง เรื่องนี้ทำให้พระนางอเลนันดอเสียใจมาก ส่วนใครที่ได้ยินเรื่องนี้ก็จะพูดว่ามันเป็นกรรม เพราะพระนางอเลนันดอก็ทำอะไรๆ ไว้ไม่ใช่น้อยล่ะ..

พระนางศุภยาลัตนั้นได้กุมอำนาจทั้งหมด พระเจ้าธีบอมีก็แต่ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ และด้วยความที่ในสมองของนางมีแต่เรื่องอยากเป็นใหญ่ ก็เลยคิดแผนกำจัดพวกในราชวงศ์ที่มีโอกาสจะแย่งชิงอำนาจนั้น (ฆ่าพี่ฆ่าน้องของตัวเองอีกล่ะ) วิธีการแสนจะเหี้ยมโหด นางให้คนขุดหลุมใหญ่มากๆ เอาไว้ในพระราชวังนั่นล่ะ (หยึย..อยู่ตรงไหนอ่ะ..เค้ากลัววว) แล้วนางก็จัดให้มีการเล่นละครข้ามวันข้ามคืนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของพระเจ้าธีบอและคนอื่นๆ โดยให้ประโคมดนตรีดังๆ เพื่อกลบเสียงร้องโหยหวนของคนที่กำลังถูกฆ่า

พวกที่ถูกฆ่านั้นถูกทุบด้วยท่อนจันทน์แล้วโยนลงหลุมไป ลูกเล็กเด็กแดงโดนหมด ว่ากันว่าฆ่ากัน 3 วัน 3 คืน กว่าจะครบ ศพเป็นร้อยๆ ค่ะ การกระทำของพระนางนั้นพูดได้สั้นๆ ว่า ‘เสื่อม!’ เรื่องนี้แพร่ออกไปมีแต่คนสาปแช่ง ในเวลานั้นบ้านเมืองวุ่นวาย ข้าวยากหมากแพงเพราะผู้นำไม่คิดถึงอะไรนอกจากความสุขของตัวเอง

และแล้วอังกฤษก็คืบคลานเข้ามาพระนางศุภยาลัตยังหยิ่งผยองคิดว่าอังกฤษทำอะไรตนไม่ได้ สุดท้ายนางถึงกับตีอกชกหัวร้องไห้คร่ำครวญเมื่อขึ้นไปบนหอคอยแล้วเห็นกองทัพอังกฤษยกมาประชิดแล้ว ทั้งพระเจ้าธีบอและพระนางถูกเนรเทศออกไปทางประตูผี (ประตูทางทิศตะวันตก) แบบเสียเกียรติสุดๆ งานนี้ให้ผู้อ่านคิดกันเอาเองค่ะว่าที่เป็นแบบนี้ เพราะใคร?

หอคอยไม้บันไดเวียน เมืองมัณฑะเลย์
หอคอยไม้บันไดเวียน เป็นหอคอยที่ใช้มองเมืองมัณฑะเลย์ หอคอยนี้เป็นหอคอยที่พระนางศุภยาลัต ขึ้นมาดูด้วยความไม่เชื่อว่ากองทัพอังกฤษได้ยกทัพมาแล้ว ปัจจุบันยังขึ้นชมได้อยู่ค่ะ

มาดูจุดจบกันค่ะ ทั้ง พระเจ้าธีบอ, พระนางศุภยาลัต (มเหสีผู้โหดร้าย) และพระนางอเลนันดอ (พระพันปี..ว่างั้น) ถูกเนรเทศไปอยู่อินเดียทั้งหมด ต่อมาพระนางอเลนันดอทะเลาะรุนแรงกับพระนางศุภยาลัต จึงขออังกฤษกลับมาพม่า ส่วนพระเจ้าธีบออยู่ที่นั่นจนสิ้นพระชนม์ หลังจากสิ้นพระเจ้าธีบอแล้วพระนางศุภยาลัตถูกส่งตัวกลับมาอยู่ที่ย่างกุ้งและสิ้นพระชนม์ในอีก 10 ปีต่อมา

.. จบบริบูรณ์ ..

พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace)
[info-t] 7:00-17:00 น.
[info-d] แท็กซี่หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างจะไปจอดที่ประตูทางทิศตะวันออก ให้ซื้อหรือแสดง บัตรเข้าชมที่ป้อมก่อน จากนั้นเดินเข้าไป จะมีคิวรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างและรถสามล้อรอบริการ สำหรับคนที่ต้องการนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ค่าบริการไป-กลับ (กลับมาส่งที่ประตูด้านทิศตะวันออกเหมือนเดิม) ประมาณ 1,000 จั๊ตค่ะ

ถ้าไม่ต้องการใช้บริการสามารถเดินไปเรื่อยๆ จนถึงตัววังด้วยระยะทาง 1 กม.

เรื่องและภาพ : เที่ยวพม่า ซ่าอย่างอินดี้ โดย อรวินท์ เมฆพิรุณ (BAS)