ออร์ทิเซ่ เป็นเมืองรีสอร์ทเล็กๆ ในจังหวัด South Tyrol ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือสุดของอิตาลี ติดกับออสเตรียและสวิส เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในอ้อมกอดของเทือกเขาโดโลไมทส์อันเป็นกิ่งเล็กๆ กิ่งหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนตลอดทั้งปี ในฤดูหนาวกิจกรรมหลักก็หนีไม่พ้นการเล่นสกี ส่วนในฤดูร้อนก็เป็นการขี่จักรยาน เดินป่า และปีนเขากัน

ผู้คนในแถบนี้ของอิตาลีส่วนใหญ่เค้าพูดเยอรมันกันเกินครึ่ง มากกว่าภาษาอิตาลีเองเสียอีก แล้วยังมีภาษาท้องถิ่นอย่าง Ladin ด้วย ป้ายต่างๆ จึงมีตั้ง 2-3 ภาษาชวนให้สับสนยิ่งนัก เช่นชื่อเมืองก็มีถึง 3 ชื่อคือ St. Ulrich in Gröden (เยอรมัน), Ortisei (ภาษาอิตาลี) และ Urtijëi (ภาษาละดิน)

* ละดิน เป็นภาษาที่สืบทอดมาจากภาษาละตินอีกที เป็นภาษาท้องถิ่นในแถบภาคเหนือของอิตาลี

ที่พักของผู้เขียนและคณะในเมืองนี้คือ Sule Hof Agriturismo รีวิวดี ราคาไม่แพง และก็ไม่ผิดหวัง เจ้าของบ้านอัธยาศัยดี น่ารักมาก ห้องพักสะอาดเอี่ยม อุปกรณ์ต่างๆ พร้อมสรรพ

ที่สำคัญคือวิวดี บ้านอยู่นอกตัวเมืองออกมาหน่อย บนเนินที่มองลงไปเห็นหุบเขาและชุมชนด้านล่าง แต่ถ้าไม่ได้ขับรถเองจะเดินทางลำบากหน่อย

มุมนี้สวย ขออีกแชะนึง

ช่วงที่ผู้เขียนไปคือต้นเดือนเมษายน เพิ่งผ่านฤดูหนาวมาหมาดๆ ยังมีหิมะให้เห็นอยู่ทั่วไปในหุบเขา

พอเข้ามาในตัวเมืองก็จะดูพลุกพล่านหน่อย สิ่งแรกที่สุดดุดตาก็คือแท่งน้ำแข็งที่อยู่ตรงกลางลำธารระหว่างถนน 2 ฝั่ง ดูราวกับเป็นประติมากรรมอะไรสักอย่าง

มันน่าสนใจดีเลยขอเข้าไปดูใกล้ๆ หน่อย คาดว่าน่าจะเป็นหิมะที่ถูกกวาดมากองรวมกันไว้ในฤดูหนาว แล้วพอมันค่อยๆ ละลายก็เลยกลายเป็นรูปทรงประหลาดแบบนี้ (มั้ง?)

ตามแผนแล้ว จุดหมายแรกของผู้เขียนและคณะคือขึ้นกระเช้าไปจุดชมวิวบนที่ราบสูง Seiser Alm/Alpe di Siusi/Mont Sëuc (เยอรมัน/อิตาลี/ละดิน) แต่เจ้าหน้าที่ใจดีบอกว่าอากาศยังปิดอยู่ เราจึงจอดรถไว้ที่สถานีกระเช้าแล้วไปเดินชมเมืองกันก่อน

จากสถานีกระเช้าจะมีสะพานคนเดินสำหรับข้ามไปยังตัวเมืองอีกฝั่ง ตึกสีชมพูขนาดใหญ่ที่เห็นโดดเด่นคือโรงแรม Cavallino Bianco

ถัดเข้ามาอีกหน่อยตรงหัวมุมถนน Strada Rezia ตึกสีเหลืองนี้คือโรงแรม Adler

ถนน Strada Rezia ช่วงต้น ตั้งแต่โรงแรม Adler ไปจนถึงโบสถ์ St. Anthony เป็นถนนคนเดินช้อปปิ้งที่มีร้านค้าเรียงรายให้เดินชม

นอกจากธรรมชาติอันงดงามแล้ว เมืองออร์ทิเซ่ยังขึ้นชื่อในเรื่องงานฝีมือจากไม้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 โดยเฉพาะรูปสลักที่เกี่ยวข้องกับทางศาสนาจากถิ่นนี้ซึ่งเป็นของฝากของสะสมที่นิยมไปทั่วโลก อย่างรูปสลักที่จำหน่ายในร้านนี้ ถ้าเพ่งดูอย่างละเอียดก็จะเห็นว่างานละเอียดจริงสวยจริง ร้านที่ขายสินค้าประเภทนี้มีหลายร้าน สังเกตได้จากป้ายที่เขียนว่า Holzschnitzereien/Sculpture in Legno (เยอรมัน/อิตาลี) ซึ่งแปลว่ารูปสลักไม้

จัตุรัสด้านหน้าโบสถ์ St. Anthony

มุมด้านหลังของโบสถ์ St. Anthony เป็นป้ายรถบัส Antoniusplatz/Piazza S. Antonio ซึ่งเป็นป้ายหลักสำหรับการเดินทางระหว่างออร์ทิเซ่กับเมืองอื่นๆ ในแถบนี้ ถ้าใครเดินทางด้วยรถไฟ แล้วต่อรถบัสมายังเมืองนี้ ก็จะมาลงที่ป้ายนี้

จาก Antoniusplatz ถ้าเดินแยกไปทางถนนใหญ่ก็จะเจอหนุ่มคนนี้ยืนทักทายอยู่หน้าร้าน ANRI Shop ซึ่งจำหน่ายรูปสลัก/ตุ๊กตาไม้ของแบรนด์ ANRI ที่คนนิยมสะสมกัน ถ้าสนใจงานศิลปะประเภทนี้ก็ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.anri-woodcarvings.com

แม้จะสุดส่วนที่เป็นเส้นทางเฉพาะของคนเดินแล้ว ถนน Strada Rezia ก็ยังมีร้านค้าและอาคารสวยๆ ให้เดินชมไปได้อีกระยะนึง

พอได้เวลาอันควรเราก็จะไปขึ้นกระเช้ากัน แต่ดูสภาพอากาศข้างบนแล้วก็ยังไม่น่าไว้วางใจเท่าไร

แต่พอขึ้นมาถึงปลายทาง ที่ระดับความสูง 2,000 เมตร วิวที่เห็นถึงกับทำให้เราหยุดหายใจ แอบคิดในใจว่านี่มันโลกมนุษย์หรือสรวงสวรรค์กันแน่

พื้นที่ Seiser Alm/Alpe di Siusi/Mont Sëuc นี้เป็นที่ราบสูงแบบอัลไพน์ที่กว้างใหญ่ที่สุดในยุโรป มีระดับความสูงตั้งแต่ 1,680 ถึง 2,350 เมตร และทอดตัวยาวเหยียดถึง 52 กิโลเมตร ทิวทัศน์ที่เราเห็นจึงเป็นเพียงส่วนเสี้ยวเดียวเท่านั้น

ซูมเข้ามาอีกนิดให้เห็นยอดเขากันชัดๆ แม้ว่าบางส่วนจะยังมีเมฆบดบังอยู่แต่ก็งดงามสุดจะบรรยาย เราถ่ายรูปกันอย่างไม่ยั้งมือ เหมือนจะสังหรณ์ใจว่าสภาพอากาศดีๆ จะอยู่กับเราได้ไม่นาน

ที่เห็นโดดเด่นอยู่เบื้องหน้าคือกลุ่มยอดเขา Langkofel ซึ่งประกอบด้วยทั้งหมด 6 ยอดเรียงติดๆ กันเป็นวงโค้งล้อมรอบภูขาน้อยที่อยู่กึ่งกลางเอาไว้ ราวกับว่าภูเขาน้อยลูกนั้นแทงทะลุจากใต้แผ่นดินขึ้นมา จนทำให้ภูเขาลูกใหญ่แตกออกเป็น 6 เสี่ยง เป็นลักษณะที่แปลกแตกต่างจากภูเขาอื่นๆ ที่เคยเห็นมา ยอดเขาที่สูงที่สุดในกลุ่มนี้คือยอดซ้ายสุดที่ชื่อ Langkofel/Sassolungo (เยอรมัน/อิตาลี) ซึ่งมีความสูง 3,181 เมตร

คณะของเราถ่ายรูปกันไปเยอะ ทั้งเซลฟี่และไม่ใช่เซลฟี่ แม้ผู้เขียนจะนิยมถ่ายวิวมากกว่า แต่ก็อดจะแชะภาพนางแบบรับเชิญไว้บ้างไม่ได้

ส่วนคนนี้เป็นนางแบบที่แอบๆ เชิญ

บนนี้ยังมีแชร์ลิฟท์สำหรับนักเล่นสกีเพื่อขึ้นจากด้านล่างกลับขึ้นมาบนเนิน

และมีร้านอาหารอยู่บริเวณสถานีรถกระเช้า สังเกตว่าจะมีเลขบอกระดับความสูงของจุดนี้อยู่ที่ 2,005 เมตร

เราดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์อันสุดแสนจะอลังการนี้อยู่นาน ก่อนที่เป้าหมายถัดไปจะเรียกร้องให้เราต้องออกเดินทางต่อ เราร่ำลาออร์ทิเซ่และโดโลไมทส์อย่างอาลัยอาวรณ์ เพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกครั้งหรือไม่ รู้แต่ว่าเราจะไม่ลืมเธอ และจะเก็บเธอไว้ในความทรงจำตลอดไป

GPS : 46.572921, 11.671336

การเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะมายัง Ortisei
– มีรถไฟหรือรถบัส (FlixBus) ตรงจากทางเมือง Munich ประเทศเยอรมัน ผ่านมาทาง Innsbruck ประเทศออสเตรีย เข้าสู่อิตาลี แล้วมาสิ้นสุดที่เมือง Bozen/Bolzano ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัด South Tyrol วันละหลายเที่ยว
– จากภายในอิตาลี ต้องมาต่อรถไฟที่เมือง Verona ซึ่งจะมีขบวนรถมายัง Bozen/Bolzano ทุกๆ 1-2 ชั่วโมง

จากเมือง Bozen/Bolzano สามารถต่อรถบัสท้องถิ่นมายังป้าย Antoniusplatz/Piazza S. Antonio ของเมือง Ortisei ซึ่งจะมีรถทุกครึ่งถึง 1 ชั่วโมง ดูรายละเอียดและตารางเวลารถได้ที่ www.sii.bz.it/en

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมือง Ortisei จะดูได้ที่ www.valgardena.it/en/ortisei