แหลมต้องห้ามแห่งอิสตรี Kamui Misaki

แหลมต้องห้ามแห่งอิสตรี Kamui Misaki ตั้งอยู่ในคาบสมุทรชาโคตัง (Shakotan Peninsula) ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกของเกาะฮอกไกโด ห่างจากเมืองโอตารุ (Otaru) ประมาณ 35.5 กิโลเมตรและห่างจากเมืองหลักซัปโปโรราว 100 กม. เป็นแหลมที่ยื่นออกไปในทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ประมาณ 770 เมตรโดยมีทางเดินอย่างดียาวไปจนถึงปลายแหลมอันเป็นที่ตั้งของประภาคารสีขาวดำตั้งเด่นสง่า ระหว่างทางจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายทะเล และทิวทัศน์อันงดงามของเวิ้งทะเลทั้งสองฝั่งเป็นธรรมชาติอันพิสุทธิ์

แหลมต้องห้ามแห่งอิสตรี Kamui Misaki

แหลมคามุอิ เป็นแหลมที่สามารถชมวิวทะเลได้เพียงแห่งเดียวในจังหวัดฮอกไกโด มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 80 เมตร จากลานจอดรถจะอยู่ใกล้กันกับซุ้ม Golden age (สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1850) เป็นประตูต้องห้ามสำหรับอิสตรีในอดีต (ปัจจุบันสามารถเข้า-ออกได้) ตามตำนานไอนุได้กล่าวไว้ว่า MINAMOTO no Yoshitsune ขุนพลตระกูลดังของญี่ปุ่นในยุคปลายเฮอัน ได้เคยมาอาศัยอยู่กับ Biratori ผู้นำเผ่าไอนุอยู่ช่วงหนึ่ง ด้วยความใกล้ชิดลูกสาวของผู้นำเผ่า นามว่า Charenka ได้เกิดความรักที่มั่นคงกับขุนพล Yoshitsune แต่หลังจากนั้นขุนพลและพวกพ้องต้องออกเดินทางโดยล่องเรือออกไป Charenka

แหลมต้องห้ามแห่งอิสตรี Kamui Misakiจึงได้ออกเดินทางตามหาทุกหนทุกแห่ง จนกระทั่งถึงแหลมคามุอิ นางได้พบเรือของขุนพล Yoshitsune แล่นอยู่ จึงได้ร้องตะโกนเรียก พร้อมร้องไห้คร่ำครวญ แต่เนื่องจากบริเวณนี้มีลมทะเลรุนแรง พัดกลบเสียงตะโกนนางจนหมดสิ้น บรรดาลูกเรือ รวมถึงขุนพล Yoshitsune ไม่ได้ยินเสียงของ Charenka พร้อมแล่นเรือห่างออกไปเรื่อยๆสร้างความเศร้าโศกเสียใจปนความโกรธแค้นให้นางเป็นอย่างมาก นางจึงได้สาปแช่งว่า “หากเรือลำไหนที่มีผู้หญิงอยู่บนเรือแล่นผ่านมาที่จุดนี้ ขอให้เรือลำนั้นจมเสียสิ้น” จากนั้นนางก็ได้ก็กระโดดลงทะเลตาย แล้วร่างของนางได้กลายเป็นหิน Kamui ซึ่งมีรูปทรงคล้ายหญิงสาวตั้งอยู่ติดกับปลายแหลมพอดี

แหลมต้องห้ามแห่งอิสตรี Kamui Misaki

จุดเริ่มต้นจากซุ้มประตูไปยังสุดปลายแหลมมีความยาวเกือบ 800 เมตร เส้นทางนี้ถูกเรียกว่า the path of Charenka หรือทางเดินของชาเรนกะ ซึ่งทางจะมีลักษณะเป็นทางเดินแคบๆ จะต้องเดินตามเส้นทางคดโค้งบนสันเขาบ้าง เลียบเขาบ้าง คล้ายเขาช้างเผือกในบ้านเรา แต่มีความหวาดเสียวน้อยกว่าเนื่องจากทางเดินมีรั้วกั้นอย่างดี เมื่อมองออกไปไกลๆ ทางเดินจะมีลักษณะเหมือนลำตัวของมังกรกรที่พาดผ่านเนินเขาอย่างน่าทึ่งระหว่างทางจะมีจุดสำหรับชมวิวเป็นระยะ สามารถมองเห็นทัศนียภาพแบบ 360 องศา ไปพร้อมๆ กับเสียงคลื่นทะเลที่กระทบเข้าหาฝั่ง รวมถึงดอกไม้ป่าตามฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนในกลางเดือนมิถุนายน – สิงหาคม รอบๆ แหลมคามุอิจะเต็มไปด้วยดอกลิลล่าป่าสีเหลืองบานอยู่ทั่วบริเวณตัดกับสีเข้มของน้ำทะเล

แหลมต้องห้ามแห่งอิสตรี Kamui Misaki
[info-p] ฟรี
[info-t] 08:00 – 18:00 น. (ฤดูหนาวจะปิดเร็วกว่าประมาณ 1 ชั่วโมง)
[info-d] จากเมือง Otaru นั่งรถบัสสาย Hokkaido Chuo bus จากป้าย Otarueki-mae bus terminal ลงที่ป้าย Kamui misaki ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที จากนั้นเดินขึ้นเนินไปอีกเล็กน้อย
[info-g] 43.333394, 140.347729

เรือสังเกตการณ์ใต้ทะเล New Shakotan Observation Ship ชมบรรยากาศใต้ท้องทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) บริเวณคาบสมุทรชาโคตัง ด้วยการลงเรือสังเกตการณ์ Shakotan Blue ซึ่งเป็นเรือ 2 ชั้น ด้านบนชมวิวทะเลและเกาะแห่งรัก Takarajima (เกาะรูปหัวใจในเขต Shakotan) ชั้นล่างเป็นห้องกระจกใส มีเก้าอี้ให้นั่งชมอาณาจักรใต้ท้องทะเล

เรือสังเกตการณ์ใต้ทะเล New Shakotan Observation Shipจะเห็นพื้นทราย โขดหิน และหอยเม่น รวมถึงปลาที่มีเฉพาะในทะเลญี่ปุ่นอีกด้วยโดยใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางที่เรือแล่นจะมีบรรดานกนางนวลบินมาจิกขนมข้าวเกรียบกุ้งกับมือนักท่องเที่ยวสร้างความเพลิดเพลินแก่นักท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อย

เรือสังเกตการณ์ใต้ทะเล New Shakotan Observation Ship

เมื่อเต็มอิ่มกับการล่องเรือแล้วใกล้ๆ กับท่าเรือยังมีร้านอาหารทะเลสดๆ ให้นั่งทานเล่นก่อนกลับ มีทั้งกุ้ง, ปลา, หมึก, เม่นทะเล, หอยเชลล์ สนนราคาไม่แพงจนเกินไป

เรือสังเกตการณ์ใต้ทะเล New Shakotan Observation Ship
[info-p] ผู้ใหญ่ 1,400 เยน, เด็ก 700 เยน
[info-g] 43.298891, 140.603238

ที่มาข้อมูลและภาพ : หนังสือ Unseen&Amazing Japan