เที่ยวเยอรมัน : เดินเล่นในเมือง Ellingen ไข่มุกแห่งศิลปะบาโรกแบบฟรังโกเนีย

เมืองเอลลิงเก้น มีฉายาว่า “Pearl of the Franconian Baroque” หรือ ไข่มุกแห่งศิลปะบาโรกแบบฟรังโกเนีย และเป็นหนึ่งในเมืองแนวบาโรกที่สวยที่สุดในภาคใต้ของเยอรมนี

เมืองนี้ ตั้งอยู่ตรงใจกลางของรัฐบาวาเรีย ซึ่งเป็นรัฐทางใต้สุดของประเทศเยอรมนี แม้ว่าจะเป็นเพียงเมืองชนบทเล็กๆ ที่ไม่ใช่เป้าหมายของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ แต่ก็มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่น่าสนใจ เผอิญที่ผู้เขียนเดินทางผ่านเมืองนี้จึงถือโอกาสแวะเที่ยวชมและถ่ายภาพประมาณ 2-3 ชั่วโมง แม้ว่าจะไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้มากนัก แต่ทำให้เห็นถึงความรุ่งเรืองในอดีตที่ส่งต่อเสน่ห์และความงดงามของสถาปัตยกรรมมาจนถึงปัจจุบัน

Ellingen
Ellingen

ในสมัยจักรวรรดิโรมัน บริเวณเมืองเอลลิงเก้นนี้ถือว่าอยู่สุดปลายชายแดนของจักรวรรดิเลยทีเดียว ยังมีกำแพง Roman Limes และป้อมสมัยนั้นซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกหลงเหลือเป็นหลักฐานอยู่นอกเมืองขึ้นไปทางเหนือไม่ไกล ถัดไปจากนั้นก็เรียกว่าเป็นแดนของคนเถื่อนไม่มีอารยธรรม

แม้ว่าจะมีหลักฐานการเข้ามาอยู่อาศัยของชาวเยอรมันตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 แต่ชื่อเอลลิงเก้นมาปรากฏในเอกสารครั้งแรกก็ปีค.ศ. 899 แต่ตั้งแต่ปี 1216 เป็นต้นมาเมืองก็อยู่ภายใต้การดูแลของคณะอัศวินทิวทอนิกซึ่งเข้ามาตั้งสาขาภาคฟรังโกเนียที่เมืองนี้ และสร้างอาคารสำคัญต่างๆ ทำให้เมืองเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับจนถึงจุดสูงสุดในยุคที่มีการสร้างปราสาทเอลลิงเก้น

* บาโรก (Baroque) เป็นศิลปะยุโรปรูปแบบหนึ่งที่เน้นการตกแต่งประดับประดาอย่างหรูหราโอ่อ่า เป็นที่นิยมในยุโรปช่วงต้นศตวรรษที่ 17 จนถึงกลางศตวรรษที่ 18 ก่อนหน้านั้นศิลปะยุโรปจะนิยมรูปแบบเรอแนซ็องส์ (Renaissance) และหลังจากสมัยของบาโรกจะเป็นยุคของศิลปะแบบโรโกโก (Rococo) และนีโอคลาสสิก (Neoclassic)

* ฟรังโกเนีย (Franconia) หรือ ฟรังเคิน (Franken) ในภาษาเยอรมัน คือภูมิภาคที่อยู่ทางตอนเหนือของรัฐบาวาเรีย (หรือ Bayern) และครอบคลุมไปถึงรัฐใกล้เคียงอีกเล็กน้อย เนื่องจากพื้นที่แถบนี้เป็นถิ่นฐานของชาวเยอรมันเผ่าแฟรงก์กลุ่มหนึ่งที่ครอบครองต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ภูมิภาคนี้มีสำเนียงภาษาถิ่นเฉพาะตัว และประกอบด้วยเมืองหลักได้แก่ Würzburg, Nuremberg และ Bamberg

* คณะอัศวินทิวทอนิก (Teutonic Order หรือ German Order) เป็นกลุ่มนักรบทางศาสนากลุ่มหลักกลุ่มหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในสมัยยุคกลางของยุโรป และเคยมีอาณาจักรเป็นของตัวเอง ผู้นำคณะมีตำแหน่งเป็น “แกรนด์มาสเตอร์” การแต่งกายของคณะนี้จะสวมเสื้อคลุมไม่มีแขนสีขาวที่มีเครื่องหมายไม้กางเขนสีดำ (แตกต่างจากพวกอัศวินเทมพลาร์ที่ใช้เครื่องหมายไม้กางเขนสีแดง) ปัจจุบันคณะนี้ยังคงมีอยู่ แต่มีบทบาททางศาสนาเท่านั้น

Heiligenbrücke (Sacred Bridge)
Heiligenbrücke (Sacred Bridge)

เริ่มต้นกันที่สะพานศักดิ์สิทธิ์ (Heiligenbrücke หรือ sacred bridge) ที่ทอดข้ามแม่น้ำ Schwäbische Rezat ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำ Fränkische Rezat (Franconian Rezat) สะพานนี้สร้างในค.ศ. 1762 โดยใช้หินทราย บนราวสะพานประดิษฐานรูปปั้นนักบุญ 8 องค์ ถ้าเดินทางมาเอลลิงเก้นทางรถไฟ ก่อนจะเข้าเมืองก็จะต้องเดินผ่านสะพานนี้

Pleinfelder Tor
Pleinfelder Tor

ต่อมาจะพบกับ Pleinfelder Tor ประตูเมืองเอลลิงเก้นทางด้านทิศเหนือ กำแพงและประตูเมืองของเมืองนี้สร้างขึ้นในระหว่างค.ศ. 1590-1660 แต่เสียหายไปมากเนื่องจากถูกทิ้งระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2
จากข้อมูลบอกว่าที่ประตู Pleinfelder Tor นี้มีพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาเล็กๆ ให้ชมฟรีด้วย แต่ต้องนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น

Rathaus (Town Hall), Ellingen
Rathaus (Town Hall), Ellingen

ศาลาว่าการเมืองหรือ Rathaus ของเมืองเอลลิงเก้น ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บริเวณสี่แยกใจกลางของเมือง อาคารนี้วางแผนการสร้างโดย Franz Joseph Roth และแล้วเสร็จในค.ศ. 1761

Rathaus (Town Hall), Ellingen
Rathaus (Town Hall), Ellingen

อีกมุมหนึ่งของศาลาว่าการ จะเห็นถึงความสงบเงียบของเมืองนี้ ใกล้ๆ กับศาลาว่าการมีศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวซึ่งเราจะหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองนี้ได้ที่นี่

St. George Church
St. George Church

เมื่อเดินลงใต้ต่อไปตามถนนเส้นเดิม ก็จะมาถึงโบสถ์ St. George โบสถ์ประจำเมือง วางแผนการสร้างโดย Franz Joseph Roth เช่นกัน ในลักษณะสถาปัตยกรรมแบบบาโรก และสถาปนาในปีค.ศ. 1731 เหนือประตูทางเข้ามีรูปปั้นนักบุญอุปถัมภ์ของคณะอัศวินทิวทอนิก 3 องค์ ผลงานของประติมากร Johann Wagner

St. George Church
St. George Church

ภาพโบสถ์ St. George จากมุมนี้จะเห็นส่วนหนึ่งของประตูเมืองด้านทิศใต้ที่หลงเหลือจากการถูกระเบิดทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย

St. George Church
St. George Church

ภายในโบสถ์ St. George ประดับลวดลายปูนปั้น ทาสีขาวสลับชมพูดูสดใสทีเดียว

Mariahilfkapelle (Mariahilf Chapel)
Mariahilfkapelle (Mariahilf Chapel)

ด้านหลังโบสถ์คือ Mariahilfkapelle (Mariahilf Chapel) สร้างโดย Franz Joseph Roth เช่นกัน และในช่วงเวลาเดียวกับการสร้างโบสถ์หลังใหญ่ ภายในเป็นที่ฝังศพของ Karl Heinrich von Hornstein หัวหน้า (Landkomtur) ของคณะอัศวินทิวทอนิกในเขตนี้ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบผังเมืองในแนวบาโรกและเป็นผู้สร้างปราสาทเอลลิงเก้นในยุคที่ถือว่าเป็นยุคทองของเมืองนี้

Residenz Ellingen (Ellingen Residence)
Residenz Ellingen (Ellingen Residence)

ย้อนกลับขึ้นเหนือมาตามเส้นทางเดิม แล้วเลี้ยวผ่านหน้าศาลาว่าการ จะมองเห็นปราสาทเอลลิงเก้นอันงดงาม ทางซ้ายของรูปคือสะพานที่ทอดข้ามลำน้ำเข้าสู่บริเวณของปราสาท

Residenz Ellingen (Ellingen Residence)
Residenz Ellingen (Ellingen Residence)

ปราสาทเอลลิงเก้นเมื่อมองจากอีกมุม
ที่ตั้งของปราสาทนี้เดิมมีอาคารรูปแบบเรอแนซ็องส์อยู่ก่อนแล้วจำนวนหนึ่ง แต่มาได้รับการปรับปรุงและต่อเติมเพิ่มขึ้นตั้งแต่ค.ศ. 1708 เป็นต้น โดยสถาปนิกหลายคนมาจนกลายเป็นรูปแบบบาโรกที่เด่นขึ้นมาแทน

Ellingen
Ellingen

เมื่อข้ามสะพานเข้าสู่บริเวณปราสาทเอลลิงเก้นแล้วมองย้อนกลับไปยังตัวเมือง

Schlossbrauerei (Castle Brewery)
Schlossbrauerei (Castle Brewery)

ฝั่งตรงข้ามถนนกับอาคารหลักของปราสาทเอลลิงเก้นคือโรงเบียร์ของปราสาท (Schlossbrauerei) และมีส่วนหนึ่งเป็นร้านอาหารที่ตั้งโต๊ะในลานกว้าง บรรยากาศน่านั่งมากๆ

Residenz Ellingen (Ellingen Residence)
Residenz Ellingen (Ellingen Residence)

ลานภายในของปราสาทเอลลิงเก้น

Schlosskirche (Castle Church)
Schlosskirche (Castle Church)

อาคารทางปีกนี้ของปราสาทเอลลิงเก้นคือโบสถ์ของปราสาท ซึ่งภายในก็ตกแต่งแนวบาโรกอย่างสวยงาม น่าเสียดายที่ผู้เขียนไม่มีโอกาสได้เข้าไปชม

Schlosskirche (Castle Church)
Schlosskirche (Castle Church)

ส่วนยอดของโบสถ์ในปราสาทที่เป็นหอระฆังและหอนาฬิกา

Residenz Ellingen (Ellingen Residence)
Residenz Ellingen (Ellingen Residence)

มุมมองจากด้านหลังของปราสาท

Schlosspark (Castle Park)
Schlosspark (Castle Park)

สวนของปราสาทเอลลิงเก้นที่อยู่ข้างๆ ตัวปราสาทนั้นเปิดเป็นสวนสาธารณะ เป็นสวนสไตล์อังกฤษที่งดงามด้วยดอก Scilla-Wiese หรือ Siberian Blue Star ดอกหญ้าสีฟ้าสดที่พากันเบ่งบานเต็มพื้นยามฤดูใบไม้ผลิ ช่างสมกับชื่อ “ดวงดาวสีฟ้า” นัก ที่นี่คู่แต่งงานชาวเมืองจะนิยมมาถ่ายภาพกัน

ปราสาท Ellingen

ปัจจุบันเป็นสาธารณสมบัติของรัฐบาวาเรีย ภายในมีพิพิธภัณฑ์ Deutschordens-Museum (German Order Museum), ห้องรับรอง และ Cultural Center East Prussia ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เก็บรักษาและดูแลมรดกทางวัฒนธรรมของปรัสเซียตะวันออก
เวลาเปิด : เมษายน-กันยายน 09:00-18:00 น., ตุลาคม-มีนาคม 10:00-16:00 น. ปิดวันจันทร์
ค่าเข้าชมภายใน : 4.5 ยูโร

เมือง Ellingen

GPS : 49.0608, 10.9677

การเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะมายังเอลลิงเก้น

– จาก Nuremberg มีรถไฟตรงมายัง Ellingen ทุกครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที
– สถานีรถไฟ Ellingen อยู่ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 1 กม. สามารถเดินเที่ยวชมได้

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมือง Ellingen (ภาษาเยอรมัน) จะดูได้ที่ www.stadt-ellingen.de/startseite-von-tourismus-ellingen