Home Blog Page 2

พาสปอร์ตแต่ละสีแตกต่างกันยังไง?

รู้หรือเปล่าพาสปอร์ตไทยหรือหนังสือเดินทางแต่ละสีต่างกันยังไง สีไหนใช้กับใครบ้างมาดูกันค่ะ

1.หนังสือเดินทางธรรมดา (ปกสีแดงเลือดหมู)

  • หนังสือเดินทางสำหรับประชาชนทั่วไป
  • มีอายุไม่เกิน 5 และ 10 ปี
  • ไม่ต้องขอวีซ่า 33 ประเทศ

2.หนังสือเดินทางราชการ (ปกสีน้ำเงินเข็ม)

  • หนังสือเดินทางสำหรับข้าราชการ
  • มีอายุไม่เกิน 5 ปี
  • ใช้ในราชการเท่านั้น
  • ไม่สามารถนำไปใช้ในการเดินทางส่วนตัวได้
  • ไม่ต้องขอวีซ่า 86 ประเทศ

3.หนังสือเดินทางฑูต (ปกสีแดงสด)

  • หนังสือเดินทางสำหรับฑูต
  • มีอายุไม่เกิน 5 ปี
  • มีข้อกำหนดออกให้เฉพาะบุคคลดังต่อไปนี้
    • พระบรมวงศ์และพระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    • พระอนุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้าและคู่สมรส
    • พระราชวงศ์และบุคคลสำคัญที่ราชเลขาธิการขอไปเป็นกรณีพิเศษ
    • ประธานองคมนตรี และองคมนตรี
    • นายกรัฐมนตร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี
    • ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา
    • ประธานศาลฎีกา รองประธานศาลฎีกา และประธานศาลอุทธรณ์
    • ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานศาลปกครองสูงสุด
    • อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ
    • ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ
    • ข้าราชการที่มีตำแหน่งทางการทูต ซึ่งเดินทางไปราชการในต่างประเทศ
    • ข้าราชการที่มีตำแหน่งทางการทูต ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่ ณ ส่วนราชการในต่างประเทศ คู่สมรส และบุตรในประเทศที่ประจำอยู่หรือทำการศึกษาอยู่ในประเทศอื่น แต่บุตรจะต้องอายุไม่เกิน 25 ปี
    •  บุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการหรือภายใต้พันธกรณีระหว่างประเทศ หรือภายใต้สถานการณ์พิเศษที่มีความจำเป็น หรือเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของประเทศไทย
  • ไม่ต้องขอวีซ่า 86 ประเทศ

4.หนังสือเดินทางชั่วคราว (ปกสีเขียว)

  • หนังสือเดินทางพระ ออกให้สำหรับพระภิกษุและสามเณรที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศ
  • หนังสือเดินทางเพื่อไปประกอบพิธีฮัจญ์ ออกให้ชาวมุสลิมที่เพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ
  • มีอายุไม่เกิน 2 ปี

รวม 33 ประเทศ ที่คนไทยไปเที่ยวโดยไม่ต้องขอวีซ่า อัปเดต 2023

✈️ รวม 33 ประเทศ ที่คนไทยไปเที่ยวโดยไม่ต้องขอวีซ่า แค่มีพาสปอร์ต ก็เข้าไปเที่ยวได้เลยจ้า อัปเดตปี 2023 จะมีประเทศไหนบ้างไปดูกัน👉

✈️ ประเทศที่อนุญาตให้อยู่ได้ 14 วัน

บาห์เรน*
บรูไน*
กัมพูชาเมียนมา (เฉพาะท่าอากาศยานนานาชาติ)
ไต้หวัน (เฉพาะ 1 ส.ค. 65 – 31 ก.ค. 66)

✈️ ประเทศที่อนุญาตให้อยู่ได้ 15 วัน

ญี่ปุ่น*

✈️ ประเทศที่อนุญาตให้อยู่ได้ 30 วัน

มณฑลไห่หนาน, จีน*
ฮ่องกงอินโดนีเซีย*
ลาว
มาเก๊า
มองโกเลีย
มาเลเซีย*
มัลดีฟส์*
ฟิลิปปินส์*
กาตาร์*
รัสเซียเซเชลส์*
สิงคโปร์*
แอฟริกาใต้*
ตุรกี*
วานูอาตู*
เวียดนาม
ทาจิกิสถาน*

✈️ ประเทศที่อนุญาตให้อยู่ได้ 60 วัน

คีร์กีซ* (เฉพาะ 1 ส.ค. 64 – 31 ธ.ค. 68)

✈️ ประเทศที่อนุญาตให้อยู่ได้ 90 วัน

อาร์เจนตินา
บราซิล
ชิลี
เอกวาดอร์*
สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้)
เปรู

✈️ ประเทศที่อนุญาตให้อยู่ได้ 180 วัน

ปานามา*

✈️ ประเทศที่อนุญาตให้อยู่ได้ 365 วัน

จอร์เจีย*

✅ หมายเหตุ
1. กรุณาตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก่อนเดินทาง เนื่องจากเป็นการอนุญาตของประเทศปลายทางซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สถานทูตของประเทศปลายทางที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย หรือที่กระทรวงการต่างประเทศ ดังนี้ กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้02-643-5128/กรมยุโรป 02-643-5138 /กรมเอเชียตะวันออก 02-643-5194 / กรมเอเชียใต้ตะวนั ออกกลางและแอฟริกา 02-643-5062

2. * หมายถึง ประเทศและดินแดนที่ประกาศยกเว้นการตรวจลงตราแก่ไทยฝ่ายเดียว ที่เหลือนอกจากนั้นคือ ประเทศที่ทำความตกลงทวิภาคีกับไทย

3. ตัวเลขในวงเล็บหมายถึง จำนวนวันที่สามารถพำนักอยู่ได้ เช่น ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการของไทยสามารถเดินทางเข้ากัมพูชาโดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราโดยจะได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ได้ไม่เกิน 0 วัน

อ้างอิงจาก : https://image.mfa.go.th/…/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0…/THA.pdf.

Sneaker Street “ฮ่องกง” ถนนของคนรักรองเท้า

ในปี 2566 นี้ ใครๆ ก็ไปเที่ยวฮ่องกง 🇭🇰 เพราะฮ่องกงฟรีวีซ่า เพียงพกแค่พาสปอร์ตก็เข้าได้เลย และย่านที่ทุกๆ คนที่ไปเที่ยวฮ่องกงแล้วต้องไปช้อปปิ้งกันก็คือ ย่านถนน Sneaker Street หรือที่รู้จักกันในชื่อ Fa Yuen Street เป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรองเท้าผ้าใบ เพราะย่านนี้นอกจากจะมีร้านค้าต่างๆ มากมาย แต่ที่ไฮไลท์ของย่านนี้ก็คือร้านขายร้องเท้าแบรนด์ดัง อย่าง Nike, Adidas, Puma และ Converse ไปจนถึงรองเท้ารุ่นลิมิเต็ด และราคาก็โดนใจ ใครที่สายช้อปรองเท้าพูดได้เลยว่ามันคือสวรรค์ของคนที่ชอบและรักรองเท้าเลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งไม่ควรพลาดอย่างยิ่งค่ะ👟👞

🚃 วิธีเดินทาง: MTR Mong Kok ทางออก D3 เดินออกไปบนถนน Argyle St. เลี้ยวขวาเดินตรงไปประมาณ 100 ม. จะเจอกับถนน Fa Yuen St📌https://goo.gl/maps/Wj8GWPVtDe3f2bA2A

ชิราคาวาโกะ Shirakawa-go หมู่บ้านในฝัน..ที่ต้องไปสักครั้งหนึ่ง

☃️ ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านชาวนากลาง หุบเขา ที่เก่าแก่กว่า 250 ปี และ UNESCO ยังประกาศขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลกลำดับที่ 6 ในญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ. 1995 ควบคู่กับหมู่บ้านโกคะยะมะ (Gokayama) ที่จังหวัด Toyama ลักษณะ เด่นคือบ้านทุกหลังจะสร้างเหมือนๆ กัน ตามแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า กัชโช ซุคุริ (Gassho-zukuri) คือหลังคายกสูงเชื่อมด้วย คานไม้ขนาดใหญ่รูปทรงสามเหลี่ยมที่มี ความลาดชันมาก ลักษณะหลังคาแบบนี้ดูคล้ายการพนมมือไหว้ (ภาษาญี่ปุ่นคือ กัชโช นั่นเอง) ตัวบ้านทำด้วยไม้ ในหน้าหนาวก็หายห่วงเพราะหลังคาซึ่งทำจากฟางข้าวหนาหลายชั้น จะช่วย ป้องกันหิมะที่ตกหนักได้อย่างดี และความชันยังทำให้หิมะไม่ตกค้างหนาจนหลังคาพังเพราะ น้ำหนักเกินด้วย ถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นโดยแท้

☃️ ปัจจุบันในหมู่บ้านมีบ้านสไตล์กัชโชเหลือ อยู่ไม่ถึงครึ่ง จากเดิมมีประมาณ 300 หลัง หลังเก่าแก่ที่สุดคาดว่ามีอายุราวๆ 300 ปีก็ ยังมีให้เห็นอยู่ จากชุมชนเกษตรกรรมเพียง อย่างเดียว พอกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว หลาย บ้านจึงเปิดเป็นร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ บางหลังเปิดเป็น พิพิธภัณฑ์และอีกจำนวนหนึ่งก็เปิดเป็นที่พัก ในรูปแบบโฮมสเตย์ หรือ Minshuku เพื่อให้ นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติ ที่บริสุทธิ์และวิถีชีวิตดั้งเดิมในรูปแบบที่สะดวก สบายขึ้นตามยุคสมัย การเดินทางไปชิราคาวาโกะนั้นง่ายมากค่ะ สามารถเดินทางโดยรถไฟจากโอซาก้า (Osaka) หรือ นาโกย่า (Nagoya)ไปลงที่สถานี Kanazawa ได้เลย แล้วต่อด้วยรถบัส Nohi Bus และเพื่อไม่ต้องลุ้น แนะนำให้จองออนไลน์ไปเลยก็ได้นะคะ

การเดินทางไปชิราคาวาโกะนั้นง่ายมากค่ะ สามารถเดินทางโดยรถไฟจากโอซาก้า (Osaka) หรือ นาโกย่า (Nagoya)ไปลงที่สถานี Kanazawa ได้เลย แล้วต่อด้วยรถบัส Nohi Bus และเพื่อไม่ต้องลุ้น แนะนำให้จองออนไลน์ไปเลยก็ได้นะคะ

https://www.nouhibus.co.jp/…/takayama-shirakawago…/…

https://japanbusonline.com/en/CourseSearch/11900040002#DPLUSGUIDE#Shirakawa#Japan

ยุโรป เส้นทางสายโรแมนติก

ยุโรปเส้นทางสายโรแมนติก บทความนี้จะพาคุณไปปรู้จักกับเมืองในฝันที่แสนโรแมนติกและใครหลายๆ คน คงอยากพาคนที่เรารักไปสัมผัสสักครั้งหรือหลายๆ ครั้งในชีวิต โดยเริ่มต้นทริปกันที่เมือง บูดาเปสต์ ,เมืองเวียนนา ,เมืองปราก ,เมืองเชสกี้ครุมลอฟ,เมืองฮาลสตัทท์ , เมืองซาลส์บวร์ก ,เมืองมิวนิค , เมืองฟุซเซ่น และจบทริปกันที่เมืองเวนิส ❤️

BUDAPEST

💕บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี และเป็นทุกอย่างของ ประเทศนี้ ตั้งแต่ศูนย์กลางเศรษฐกิจ การค้า การปกครอง วัฒนธรรม และศิลปะทุกแขนง มีประชากรในเขตเมืองชั้นในราว 1.7 ล้านคน และมีประชากรทั้งหมด 3.3 ล้านคน โดยมี พื้นที่ราว 525 ตารางกิโลเมตรนับเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรป ตัวเมืองตั้งอยู่ บนสองฟากฝั่งแม่น้ำดานูบ(Danube River/Duna River) แบ่งออกเป็นฝั่งบูดาและฝั่งเปสต์

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมบางแห่งในบูดาเปสต์ ได้แก่ ปราสาทบูดา ป้อมชาวประมง อาคารรัฐสภาฮังการี และสะพานเชน ซึ่งเชื่อมระหว่างบูดาและเปสต์ เมืองนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านบ่ออาบน้ำร้อน เช่น Gellért Baths และ Széchenyi Baths ซึ่งเป็นที่นิยมจากสถาปัตยกรรมเก่าแก่และน้ำบำบัด

บูดาเปสต์มีสถานที่ทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยมีพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และโรงละครมากมายที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ ศิลปะ และดนตรีของเมือง เมืองนี้ยังเป็นที่รู้จักในด้านอาหารรสเลิศที่ผสมผสานระหว่างอาหารฮังการีแบบดั้งเดิมและอาหารนานาชาติ อีกทั้งยังมีสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ครึกครื้นด้วยบาร์ คลับ และร้านอาหารมากมาย

โดยรวมแล้วบูดาเปสต์เป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ฮังการีที่ดีที่สุด รวมทั้งเพลิดเพลินไปกับเมืองที่สวยงามและมีชีวิตชีวา 

VIENNA (WIEN)

💕เวียนนา (Vienna หรือ Wien) เป็นเมือง หลวงของออสเตรีย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกใกล้ กับชายแดนที่ต่อกับประเทศสาธารณรัฐเชก, สโลวาเกียและฮังการี และยังเป็นเมืองที่ใหญ่ ที่สุดของประเทศอีกด้วย โดยมีประชากร กว่า 1.7 ล้านคน เป็นทั้งศูนย์กลาง เศรษฐกิจ การเมือง รวมถึงเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่ได้ จารึกไว้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก

เมืองหลวงแห่งนี้ได้ถูกยกย่องมาแต่ โบราณในฐานะเมืองแห่งดนตรี เพราะมีการ วางรากฐานเกี่ยวกับศิลปะแขนงนี้มาอย่าง ช้านาน โดยจุดเริ่มต้นของเมืองนั้นต้องย้อน กลับไปยังสมัยเริ่มแรกของชาวเซลติก ช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนที่จะมาถึงยุคเรือง อำนาจของชาวโรมัน บริเวณนี้ถูกปกครองด้วย ชาวโรมัน โดยมีชื่อเรียกว่า Vindobona และ เจริญรุ่งเรืองจนเป็นศูนย์กลางการค้าขายใน ช่วงศตวรรษที่ 11

เมืองยังคงเจริญเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง จนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและศิลปะแขนง ต่างๆ ของยุโรป และในศตวรรษที่ 19 เวียนนา ก็ได้กลายเป็นเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน ยุโรปในช่วงที่จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีเจริญ รุ่งเรืองถึงขีดสุด แต่แล้วสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่างจากหน้ามือเป็น หลังมือ ความพ่ายแพ้ในสงครามททำให้จักรวรรดิ ล่มสลาย และมีการแยกประเทศออกเป็น ออสเตรียและฮังการี โดยถือเอาเวียนนาเป็น เมืองหลวงของออสเตรีย

ปัจจุบันเวียนนาเปิดรับนักท่องเที่ยวจาก ทั่วสารทิศในฐานะเมืองที่โรแมนติกที่สุดเมือง หนึ่งในยุโรป

PRAGUE (PRAHA)

💕ปราก (Prague หรือ Praha) นั้นเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสตกาล โดยเผ่าเคลต์ (Celt) เป็นพวกแรกที่ครอบครองดินแดนในละแวกนี้ ก่อนที่ในเวลาต่อมาโดนรุกรานโดยเผ่าเยอรมนิก (Germanic) อยู่ระยะหนึ่ง และถูก ครอบครองโดยเผ่าสลาฟในคริสต์ศตวรรษที่ 4 และในที่สุดประมาณศตวรรษที่ 7 ก็ได้ทำการ รวมเผ่าเข้าด้วยกันแบบในปัจจุบัน

ตัวเมืองปรากเองนั้นสร้างในศตวรรษที่ 9 โดยเป็นเมืองหลวงของแคว้นโบฮีเมีย ซึ่ง อยู่ใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมัน จนถึงปลายศตวรรษที่ 9 กษัตริย์ บอริวอจ พรีมิสโล เวก (Borivoj Premyslovec) ทรงสร้างปราสาทขนาดใหญ่บนเขาใกล้เคียงกับแม่น้ำวัลตาว่า (Vltava) และทำการตั้งชื่อปราสาทอันแสนยิ่งใหญ่นี้ว่า ปราฮา (Praha) ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับ ชื่อเมืองหลวงในภาษาเชกอีกด้วย

ในช่วงเวลาต่อมา หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กรุงปรากและเชกโกสโลวาเกียในเวลานั้น ได้อยู่ภายใต้การปกครองแบบคอมมิวนิสต์ เป็นเวลานานกว่า 40 ปีก่อนที่จะมีการ เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในเวลาต่อมา ซึ่งก็นับว่าเป็นโชคดีของปรากที่แทบไม่ได้ รับความเสียหายจากสงครามเลย ทำให้กรุงปรากยังคงความสวยงามเหมือนเช่นครั้งอดีต และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมยุโรป

CESKY KRUMLOV

💕เชสกี้ครุมลอฟ (Český Krumlov) เป็นเมืองเล็กๆ ในภูมิภาค โบฮิเมียที่อยู่ชายแดนเชก-ออสเตรีย ห่างจากปรากลงมาทาง ใต้ประมาณ 180 กิโลเมตร มีประชากรประมาณ 14,000 คน

เมืองน่ารักเมืองนี้แม้จะมีขนาดที่เล็กมากแต่ก็เต็มเปี่ยม ไปด้วยสถาปัตยกรรมและศิลปะแบบยุคกลางดั้งเดิมอย่างครบ ถ้วน แทบจะทุกอณูของเมือง ทำให้รู้สึกเหมือนนั่งเครื่องย้อน เวลากลับไปยุคกลางแบบไม่มีผิดเพี้ยน อีกทั้งยังรายล้อมด้วย ธรรมชาติอันสวยงาม ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยว จากทั่วโลกหลั่งไหลมาเยี่ยมชม Český Krumlov อย่างไม่ขาด สาย จนได้รับฉายาว่า Pearl of Renaissance และได้รับการขึ้น ทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกจาก UNESCO อีกด้วย

เมืองเชสกี้ครุมลอฟนั้นเรียกได้ว่ามีขนาดเล็กกะทัดรัดมาก เพราะใช้เพียงการเดินเท้าก็สำรวจได้ทั้งเมือง แต่ในความเล็ก นั้นก็ซ่อนความน่าสนใจไว้มากมาย ที่เห็นเด่นสุดก็คือ Český Krumlov Castle ที่เป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเชก รอง จาก Prague Castle เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวเมือง หลากหลาย และผืนป่าธรรมชาติที่จะสวยงามเป็นพิเศษในช่วง ใบไม้ร่วงอีกด้วย

HALLSTATT & SALZBURG

💕ฮาลสตัทท์ (Hallstatt) เป็นเมืองเล็กๆ ในภำค Salzkammergut ทำงเหนือของ ออสเตรีย ตัวหมู่บ้ำนตั้งอยู่ใกล้ๆ ทะเลสำบ Hallstätter See มีประชากรเพียงประมาณ 1,000 คน เมืองเคยมีชื่อเสียงมากในการ ผลิตเกลือ ซึ่งปัจจุบันเหมืองเกลือก็เป็นจุดขายหนึ่งของที่นี่ และในปี ค.ศ. 1997 ก็ได้รับ การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้

เมืองน่ารักที่มีทุกอย่างที่พึงจะมีได้ สำหรับการเป็นเมืองในฝันของหลายๆ คน ทั้งเมืองที่เงียบสงบน่าอยู่ มีภูเขาสวยงามล้อมรอบ ทะเลสาบหน้าหมู่บ้านที่ใสราวกระจก อากาศที่ดีเย็นสดชื่น และผู้คนที่ เป็นมิตรอัธยาศัยดี จึงไม่แปลกที่จะดึงดูด ให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนอยู่ตลอด แต่หากอยากสัมผัสความเงียบสงบ กำรพัก ค้ำงที่โรงแรมเล็กๆ น่ารักในเมืองนี้สักคืนก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะการเดินเล่นช่วงเช้าตรู่ก่อนที่ พระอาทิตย์จะสูงขึ้น และก่อนนักท่องเที่ยวจะเข้ามา (โดยเฉพาะในช่วงกลางวันที่มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างจะหนาตา) เราจะได้สัมผัสชีวิตของเมืองนี้อย่างแท้จริง ทั้งการใช้ชีวิตของชาวเมืองและสภาพบ้าน เมืองที่แสนจะเงียบสงบอย่างที่ควรจะเป็น

ส่วนซาลส์บวร์ก (Salzburg) นั้น โด่งดังขึ้นมา มากในฐานะเป็นเมืองที่เป็นโลเคชั่นของหนังดังอย่าง The Sound of Music และยังถือเป็นเมืองต้นแบบของ เมืองใน Disneyland ด้วย เนื่องจำกสถาปัตยกรรม ที่ดูสวยสะอาดตา เน้นสีขาว ส่วน Old town ของ Salzburg ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ในปี 1997 ยิ่งตอกย้ำความสวยงามของเมืองๆ นี้ ในแผนการเดินทาง

MUNICH

💕มิวนิคยังเป็นที่ตั้งของที่ทำการใหญ่พรรคนาซีเยอรมันที่มีอดอล์ฟ ฮิตเลอร์เป็น ผู้นำ โดยในปี ค.ศ. 1923 พรรคนาซีพยายามยึดอำานาจการปกครองมิวนิค แต่การปฏิวัติล้มเหลว ส่งผลให้ฮิตเลอร์ถูกจับกุมในที่สุด และกิจกรรมของพรรคนาซีต้องหยุดลง แต่ว่า ในอีก 10 ปีต่อมาฮิตเลอร์ก็กลับมามีอำนาจได้อีกครั้ง

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองมิวนิคต้องเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากถูกทิ้งระเบิด มากถึง 71 ครั้ง แต่หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1945 สหรัฐอเมริกาได้ยึดครองมิวนิคสำเร็จ เมือง แห่งนี้ก็ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี ค.ศ. 1972 ที่ก็ถูกจัดขึ้นที่มิวนิคด้วย โดยโอลิมปิกครั้งนี้ มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นเมื่อผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ ได้บุกเข้าไปสังหารกลุ่มนักกีฬา ชาวอิสราเอล และปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันล้มเหลว ส่งผลให้ตัวประกันชาวอิสราเอล เสียชีวิตทั้งหมด แต่หลังจากนั้นมิวนิคก็ยังเป็นหนึ่งในเมืองที่จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 1974 และฟุตบอลโลก 2006 อีกด้วย

FUSSEN

💕ฟุซเซ่น (Füssen) เมืองเก่าที่มีอายุกว่า 700 ปีนี้ อยู่ห่าง จากมิวนิคลงมาทางใต้ ติดกับชายแดนออสเตรีย เป็นปลาย ทางและจุดสิ้นสุดของการเดินทางด้วยรถไฟบนเส้นทางสายโรแมนติก สามารถมาถึงได้โดยง่ายดายด้วยทางรถไฟ

รอบๆ เมืองฟุซเซ่น มีภูเขาในเทือกเขาแอลป์ที่สูงกว่า 800-1,200 เมตร ทำให้บริเวณนี้เป็นเขตที่มีระดับสูงจากน้ำ ทะเลมากที่สุดในแคว้นบาวาเรีย และนอกจากนี้ยังมีทะเลสาบ มากมายล้อมรอบ ทำให้นอกจากปราสาทแล้ว ธรรมชาติของ เมืองและบริเวณโดยรอบก็น่าสนใจไม่น้อย

คำบอกเล่าที่ว่าฟุซเซ่นสวยงามเสมือนถูกสร้างขึ้นมา ด้วยฝีมือของจิตรกรคงไม่ใช่เรื่องที่กล่าวเกินจริงไปนัก เพราะ เมืองเก่าแห่งนี้ตั้งอยู่ข้างแม่น้ำและมีทุกอย่างที่เมืองสวยงาม เมืองหนึ่งพึงจะมีได้ ถ้าได้มีเวลาค้างที่นี่สัก 1-2 คืนน่าจะได้ บรรยากาศมากกว่ามาเช้าเย็นกลับ เพื่อดูชมปราสาทเท่านั้น เพราะนอกจากปราสาทที่โด่งดังทั้ง 2 แล้ว ใกล้ๆกันยังมีเส้น ทาง Trekking ที่น่าสนใจ มีทะเลสาบสวยๆ ทั้งยังมีป่าใบไม้แดงให้เดินชมในช่วงใบไม้ร่วง เรียกได้ว่ามีอะไรให้ทำเยอะ มากกว่าที่คิดแน่นอน

VENICE

💕ตัวเมืองเวนิสเองนั้นตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลีบริเวณชายฝั่งทะเล อาเดรียติค มีประชากรประมาณ 70,000 คนอาศัยอยู่ในเมืองที่มีคลองใหญ่ที่ชื่อว่า Canal Grande (ฝั่ง Grand Canal ในภาษาอังกฤษนั่นเอง) ไหลผ่านกลางเมืองเป็นรูปตัว S แบ่ง เขตปกครองออกเป็น 6 เขต อันได้แก่ Castello, San Marco, Cannaregio, Dorsoduro, San Polo และ Santa Croce บนเกาะกว่า 30 เกาะ ที่เชื่อมต่อกันด้วยการโดยสารทาง เรือ หรือไม่ก็สะพานที่มีกว่า 400 แห่ง

เวนิสเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยสถานที่เที่ยวมากมาย ไล่มาตั้งแต่สถานีรถไฟ ที่เที่ยว ด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ หรือแม้กระทั่งมุมสงบชายฝั่งทะเล เรื่องของที่ระลึก ร้านค้า ต่างๆ ก็มีมากมายจนแทบนับไม่ถ้วน แถมยังร่ำรวยไปด้วยพิพิธภัณฑ์ศิลปะหลายต่อ หลายแห่ง รวมถึงลานกว้างต่างๆ ที่มีร้านอาหารน่านั่งทานอาหารแกล้มวิวทิวทัศน์ให้ สบายอารมณ์

เที่ยวโกเธนเบิร์ก (Gothenburg) ประเทศสวีเดน

โกเธนเบิร์ก หรือที่รู้จักกันในชื่อ Göteborg เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศสวีเดน ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของประเทศ เป็นเมืองท่าที่สำคัญและมีมรดกทางวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมมากมาย เมืองนี้ขึ้นชื่อในด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงาม สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ และหอศิลป์ รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มที่มีชีวิตชีวา สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในโกเธนเบิร์ก ได้แก่ ตลาดปลา ,Gothenburg Central Station , Liseberg Amusement Park , Skansen Kronan และ ป้อมÄlvsborg

ส่วนการเดินทาง : สามารถนั่งเครื่องบินจากประเทศไทยมาลงที่สนามบินโกเธนเบิร์ก (GOT) ได้เลย ถ้ามาจาก Oslo Norway เช่ารถขับข้ามแดนได้เลย และ ยังสามารถนั่งเรือเฟอร์รี่จาก Frederikshavn ในเดนมาร์ก มาได้อีกด้วย ส่วนการเดินทางในโกเธนเบิร์ก จะมีรถรางบริการมากมายหลายสาย รวมทั้งคุณสามารถ เช่ารถจักรยานปั่นได้อีกด้วย หรือจะเดินเพลินๆ รอบเมืองก็ได้ ในเมืองจะมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านแฮงค์เอาท์ ร้านเสื้อผ้ามากมาย มักเปิดสายๆ และปิดก่อน 6 โมงเย็น

สถานที่เที่ยวที่คุณต้องไป  เมื่อไปเยือนโกเธนเบิร์ก

ตลาดปลา Feskekôrka

ตลาดปลา Feskekôrka :
เป็นตลาดปลาในร่มในเมืองโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน ซึ่งได้ชื่อมาจากลักษณะอาคารที่คล้ายคลึงกับโบสถ์สไตล์นีโอโกธิค เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2417 และได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกของเมือง คือ Victor von Gegerfelt ตลาดแห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวในโกเธนเบิร์ก เป็นที่ตั้งของศูนย์รวมกิจกรรมทั้งการประมงและการค้าขายที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง ภายในตลาดมีขายสัตว์ทะเลสดๆ หลายชนิด รวมทั้งร้านอาหารทะเลที่ปรุงสดใหม่ สัตว์ทะเลที่นี่จะจับมาสดๆ วันต่อวันอีกด้วย

Gothenburg Central Station

สถานีรถไฟกลางโกเธนเบิร์ก หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าสถานีกลางโกเตบอร์กในภาษาสวีเดน เป็นสถานีรถไฟหลักที่ตั้งอยู่ในเมืองโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในเมืองและทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำหรับรถไฟท้องถิ่นและรถไฟทางไกล โดยเชื่อมต่อกับเมืองอื่นๆ ในสวีเดนและที่อื่น ๆ สถานีแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 และต่อมาได้รับการขยายและปรับปรุงเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้โดยสาร ปัจจุบัน สถานีโกเธนเบิร์กเซ็นทรัลเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่ทันสมัยและใช้งานได้จริง มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร และเคาน์เตอร์ขายตั๋วสำหรับผู้โดยสาร

Liseberg Amusement Park

Liseberg เป็นสวนสนุกที่ตั้งอยู่ในโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศ ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนในแต่ละปี สวนสนุกแห่งนี้มีเครื่องเล่นและสถานที่น่าสนใจมากมาย รวมถึงรถไฟเหาะ เครื่องเล่นทางน้ำ และสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับครอบครัว นอกจากเครื่องเล่นแล้ว Liseberg ยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านค้าหลายแห่ง รวมถึงการแสดงสด คอนเสิร์ต และกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปี สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องสวนสวยและการตกแต่งสำหรับวันหยุด ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมไม่เพียงแค่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่ต้องการเพลิดเพลินกับวันพักผ่อนสบายๆ กับเพื่อนและครอบครัวด้วย

ป้อม Skansen Kronan

Skansen Kronan เป็นป้อมปราการที่ตั้งอยู่ในโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน เป็นป้อมปราการทางทหารในอดีตที่สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 และถือเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดของประเทศในยุคนี้ ปัจจุบัน Skansen Kronan เป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยว ทำให้ผู้เข้าชมมีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของป้อมปราการและบทบาทในการป้องกันเมือง ป้อมนี้ได้รับการบูรณะและปรับปรุงใหม่ และผู้เยี่ยมชมสามารถสำรวจห้องต่างๆ นิทรรศการ และสิ่งประดิษฐ์ทางทหารได้ นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว Skansen Kronan ยังมีจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นวิวเมืองและบริเวณโดยรอบแบบพาโนรามา ป้อมปราการแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยว และครอบครัวที่มีเด็ก

ป้อม Älvsborg

เป็นป้อมปราการในทะเลบนเกาะชีร์กูกวดส์ฮ็อลเมิน (Kyrkogårdsholmen) ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเยอตา สร้างขึ้นเพื่อคุ้มกันจุดที่เป็นทางเข้าออกเดียวของสวีเดนในเวลานั้นสู่ทะเลเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติก ป้อมปราการเริ่มก่อสร้างในปี 1653 และใช้งานในทางทหารเรื่อยมาจนถึงปี 1869 ปัจจุบันมีร้านกาแฟ ร้านค้าหัตถกรรมต่างๆ บริการนักท่องเที่ยวบนเกาะ การเดินทางนั่งรถราง สาย 5 หรือ 10 ไปลงที่สถานี Lilla Bommen แล้วนั่งเรือไปที่เกาะใช้เวลาประมาณ 30 นาที

เที่ยวเจนีวา (Geneva) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เจนีวาเป็นเมืองในสวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นชื่อเรื่องความงามตามธรรมชาติและมีบทบาทเป็นศูนย์กลางการทูตระหว่างประเทศ เจนีวาตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบเจนีวาและล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์สวิส เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ขององค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง รวมถึงองค์การกาชาดสากล (ICRC) องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การการค้าโลก (WTO) เมืองนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านอุตสาหกรรมนาฬิกาและเครื่องประดับที่หรูหรา การช้อปปิ้งระดับไฮเอนด์ และอาหารเลิศรส เจนีวาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนทุกปีด้วยทัศนียภาพอันน่าทึ่ง ประวัติศาสตร์อันยาวนาน และความหลากหลายทางวัฒนธรรม

สถานที่เที่ยวที่คุณต้องไป  เมื่อไปเยือนเจนีวา

Cathedral Saint Pierre Geneva

วิหารแซงปีแยร์ หรือที่รู้จักในชื่อ วิหารเจนีวา เป็นโบสถ์นิกายโปรเตสแตนต์เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเมืองและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 และได้รับการออกแบบใหม่และขยายตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ลักษณะเด่นที่สุดคือยอดแหลมสูงเรียวซึ่งมองเห็นได้จากหลายส่วนของเมือง

อาสนวิหารแซ็งปีแยร์มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปนิกายโปรเตสแตนต์ในศตวรรษที่ 16 ที่นี่เองที่จอห์น คาลวิน บุคคลสำคัญในการปฏิรูป ได้กล่าวคำเทศนาของเขา และสถาปนาเจนีวาให้เป็นศูนย์กลางของนิกายโปรเตสแตนต์ ปัจจุบัน อาสนวิหารยังคงเป็นสถานที่สักการะและเป็นสัญลักษณ์ของมรดกทางศาสนาของเจนีวา

ผู้เยี่ยมชมอาสนวิหารสามารถชื่นชมสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง รวมถึงหน้าต่างกระจกสีที่วิจิตรงดงามและงานแกะสลักที่ประณีต และสำรวจประวัติศาสตร์ผ่านการจัดแสดงและการจัดแสดงที่หลากหลาย อาสนวิหารเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ฟรี ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่มาเยือนเจนีวา

น้ำพุเจ็ทโด้ Jet d’Eau

Jet d’Eau เป็นน้ำพุที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ในทะเลสาบเจนีวา ในเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเจนีวาและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม Jet d’Eau ได้รับการติดตั้งครั้งแรกในปี พ.ศ. 2429 เป็นการติดตั้งชั่วคราวเพื่อทำเครื่องหมายศูนย์กลางไฟฟ้าพลังน้ำแห่งแรกในสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีการติดตั้งถาวรและเป็นสัญลักษณ์ของเจนีวาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

Jet d’Eau พุ่งน้ำขึ้นไปในอากาศสูง 140 เมตร (459 ฟุต) ทำให้เป็นหนึ่งในน้ำพุที่สูงที่สุดในโลก จะสวยงามเป็นพิเศษในตอนกลางคืน เมื่อน้ำพุประดับไฟและสามารถมองเห็นได้จากหลายส่วนของเมือง ผู้มาเยือนเจนีวาสามารถชื่นชม Jet d’Eau จากชายฝั่งทะเลสาบเจนีวา หรือนั่งเรือชมเพื่อชมอย่างใกล้ชิด

นอกจากความสูงที่น่าประทับใจแล้ว Jet d’Eau ยังเป็นที่รู้จักในด้านการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสร้างการแสดงน้ำและแสงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครก็ตามที่มาเยือนเจนีวาจะต้องมาชม และต้องทิ้งความประทับใจไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน

จัตุรัส Bourg-de-Four

Bourg-de-Four เป็นจัตุรัสที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเก่าของเจนีวา และเป็นหนึ่งในพื้นที่สาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในเจนีวาอีกด้วย สถานที่นี้ล้อมรอบด้วยอาคารเก่าแก่ นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งและเพลิดเพลินไปกับคาเฟ่ ร้านอาหาร รวมไปถึงร้านขายของที่ละลึกมากมาย ที่นี่ยังมีที่นั่งเล่นกลางแจ้งให้นักท่องเที่ยวได้มานั่งดื่มกันชิลล์ๆ ใต้จัตุรัสยังมีห้องน้ำสาธารณะ และมีทางเดินลาดลงเนิน ไปยังสวน Parc du Bastions อีกทอดหนึ่งด้วย

Pâquis Baths

Pâquis Baths หรือที่เรียกว่า “Les Bains des Pâquis” เป็นสระว่ายน้ำสาธารณะที่ตั้งอยู่ในย่าน Pâquis ของเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในโรงอาบน้ำสาธารณะที่มีชื่อเสียงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว Pâquis Baths ตั้งอยู่บนชายฝั่งของทะเลสาบเจนีวาและมีกิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รวมทั้งสระว่ายน้ำ ห้องซาวน่า และพื้นที่อาบแดด

โรงอาบน้ำมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ย้อนไปถึงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ว่ายน้ำสาธารณะและศูนย์พักผ่อนสำหรับชาวเจนีวา ทุกวันนี้ Pâquis Baths ยังคงให้บรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นกันเอง ทำให้เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่จะเพลิดเพลินริมทะเลสาบ

มาเยือน Pâquis Baths สามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ เช่น ว่ายน้ำ อาบแดด และใช้บริการห้องซาวน่า คอมเพล็กซ์แห่งนี้ยังมีร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่จำนวนมาก ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเพลิดเพลินกับอาหารหรือเครื่องดื่มพร้อมชมทิวทัศน์ของทะเลสาบ ไม่ว่าคุณจะต้องการว่ายน้ำ อาบแดด หรือแค่ชมวิวทะเลสาบเจนีวาที่สวยงาม Pâquis Baths คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับใครก็ตามที่มาเยือนเจนีวา

ลาน Plaine de Plainpalais

หรือเรียกย่อๆ ว่า Plainpalais เป็นลาน ว่างๆ ขนาดใหญ่แบบเดียวกับท้องสนามหลวง รูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด อยู่หลังมหาวิทยาลัย เจนีวา มีรถประจำทางผ่านหลายสาย ปกติเป็น ที่จัดกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ เช่น ตลาดนัด ตลาดพืชผลการเกษตร ลานสเก็ต (ที่ปลาย ด้านทิศเหนือ) ฯลฯ หรืออย่างช่วงที่เราไป ก็แบ่งพื้นที่ส่วนใหญ่มาจัดเป็นร้านๆ และ สวนสนุกแบบเดียวกับงานวัด มีทั้งยิงปืน ม้าหมุน สนามเด็กเล่น หรือจะเป็นเครื่องเล่น หวาดเสียวแบบเรือไวกิ้ง เครื่องเล่นประเภท จำลองการบิน (flight simulator) ที่เอามาตั้ง โปรแกรมเป็นการขับยานอวกาศให้เล่นเก็บ ตังค์ เป็นต้น รวมถึงการแสดงละครสัตว์ที่จัด ขึ้นปีละหลายครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งนัด พบของวัยรุ่น และเป็นจุดที่จะเดินต่อไปยัง ย่านเที่ยวกลางคืนที่อยู่ต่อเนื่องกัน คือถนน Rue de l’Ecole-de-Medecine และ Rue des Bains ด้วย

จัตุรัส Place de Nueve

จัตุรัสนี้อยู่ปลายสุดสวนด้านที่มีกระดานหมากรุกยักษ์ ตรงข้ามกับ Palais Enyard มี อนุสาวรีย์ของนายพล Henri Dufour ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของเจนีวา โดยเป็นผู้บัญชาการทัพของฝ่ายสมาพันธรัฐสวิสในช่วงสงครามกลางเมืองเป็นทหารช่างและวิศวกรที่มีส่วนในการก่อสร้างถนนและสะพานสำคัญๆ เช่น สะพาน Saint Antoine ซึ่งเป็นสะพานแขวนแห่งแรกๆ ของโลกในยุคนั้น (ข้ามจากป้อมปราการย่านกลางเมืองเก่าเจนีวาไปยังพื้นที่รอบนอกถูกรื้อทิ้งไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อนตอนมีการขยายเมืองครั้งใหญ่) รวมทั้งเป็นผู้หนึ่งที่ริเริ่มก่อตั้ง องค์กรกาชาดสากลด้วย

จัตุรัส Place des Nations และประติมากรรมเก้าอี้ขาหัก

เป็นจัตุรัสที่อยู่หน้าประตูอาคารที่ทำการ สหประชาชาติฝั่งทิศใต้ (ป้าย “Nations” สำหรับ รถบัสและรถราง) ซึ่งใครมาเจนีวามักต้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกประติมากรรมรูปเก้าอี้ขาหักนี้สร้างขึ้นในปี 1997 ระหว่างการประชุม ที่เจนีวาเพื่อลงนามในสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ที่ห้ามการใช้กับระเบิดและ ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (land mine) โดยเป็น ผลงานของศิลปินชาวสวิส Daniel Berset มี น้ำหนักถึง 5.5 ตันและสูง 12 เมตร ดำเนินการโดยองค์กรผู้พิการนานาชาติ (Handicap International) เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนเห็นถึงภัยร้าย แรงของการใช้กับระเบิดในสงครามต่างๆ ทั้งในยุโรปเองอย่างคาบสมุทรบอลข่าน (บอสเนีย และประเทศรอบๆ ที่เคยเป็นยูโกสลาเวียเดิม) ในประเทศเขมรและเวียดนาม และที่อื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งทำให้ผู้คนมากมาย ไม่เฉพาะทหารแต่รวมถึงพลเรือนจำนวนมากต้องเสียชีวิต หรือรอดมาได้แต่ก็พิการขาขาดกลายเป็น ปัญหาที่กระทบถึงสังคมโดยรวม และมีผลตกค้างยาวนานหลายสิบปีหลังจากสงครามสิ้นสุดลงไปนานแล้ว

Grand theatre de Geneva

Grand theatre de Geneva โรงละครหลักของเมือง อยู่หน้าจัตุรัส Place de Nueve ตั้งอยู่ในเจนีวา เป็นโรงละครที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นศูนย์กลางศิลปะการแสดงในเมือง โรงละครแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1876  แต่ถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1951 ทำลายเกือบหมดจนต้องปิด และบูรณะใหม่นานหลายปี จนแล้วเสร็จ และเปิดการแสดงได้อีกครั้งในปี 1962 นี่เอง

Grand theatre de Geneva เป็นที่จัดการแสดงสำคัญๆ ต่าง ทั้งละครคลาสสิกและร่วมสมัย การเต้นรำ โอเปร่า และคอนเสิร์ต โรงละครแห่งนี้เป็นที่รู้จักในด้านระบบเสียงที่ยอดเยี่ยมและการแสดงคุณภาพสูง ทั้งยังดึงดูดศิลปินและผู้ชมจากทั่วโลก โรงละครแห่งนี้ยังจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ มากมาย เช่น เทศกาล นิทรรศการ และเวิร์กช็อป ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางทางวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายและมีชีวิตชีวา

นักท่องเที่ยว สามารถเพลิดเพลินกับการแสดง ชมโรงละคร หรือเพียงแค่ชื่นชมสถาปัตยกรรมและการตกแต่งที่สวยงาม โรงละครแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบที่หรูหรา รวมถึงโคมไฟระย้าหรูหรา ผนังที่ตกแต่งอย่างหรูหรา และที่นั่งกล่องหรูหรา ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนตัวยงของศิลปะการแสดงหรือเพียงมองหาประสบการณ์ทางวัฒนธรรม Grand theatre de Geneva เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับใครก็ตามที่มาเยือนเจนีวา

สวนอังกฤษ English Garden

สวนอังกฤษ (English Garden) เรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสท้องถิ่นว่า Jardin Anglais (ฌาแดง อองแกลส์) เป็นสวนสาธารณะที่ทอดยาวไปตามริมทะเลสาบเจนีวามีพื้นที่ไม่มากนัก คือประมาณ 16 ไร่ แต่ทำเลดีที่สุดคืออยู่หน้าตัวเมืองริมน้ำ สร้างขึ้นในปี 1854 โดยตอนแรกมี การจัดสวนสไตล์อังกฤษ จึงเป็นที่มาของชื่อสวนอังกฤษนั่นเอง ในสวนนี้ยังมีแลนด์มาร์คสำคัญ หลายอย่างเช่น

รูปปั้นอนุสรณ์การเข้าร่วมสมาพันธรัฐสวิส

รูปปั้นอนุสรณ์การที่นครรัฐ (Canton) เจนีวาเข้า ร่วมในสมาพันธรัฐสวิส (Swiss confederation หรือ Confederation Helvetia) เมื่อปี 1814

นาฬิกาดอกไม้

ไฮไลท์หนึ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปด้วย ก็คือ นาฬิกาดอกไม้ (Flower Clock หรือ L’horloge fleurie) ซึ่งจะต้องปลูกกันใหม่ทุกๆ ปีเมื่อพ้นหน้า หนาว โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อปี 1955 และต่อเนื่อง กันมากว่า 60 ปีแล้ว

รถไฟเล็กชมเมือง

ริมทะเลสาบจะมีรถไฟเล็กสีแดง สดจอดรอนักท่องเที่ยว สามารถนั่ง วนรอบๆ บริเวณริมทะเลสาบ จาก สวนอังกฤษ ไปเกือบถึงน้ำพุเจ็ทโด้ ประหยัดเวลาเดินแต่ไม่ค่อยทั่วถึง คือไม่ครอบคลุมย่านเมืองเก่าและ ริมทะเลสาบ ค่าใช้จ่ายก็เลยดูแพง ไปนิดนึง

Rue de Rhone และถนนช้อปปิ้งสายหลัก

Rue de Rhone เป็นถนนช้อปปิ้งที่ทอดยาวขนานกับชายฝั่งทะเลสาบ (Rue = road นั่นเอง)ประกอบด้วยร้านแบรนด์อินเตอร์สุดหรูแต่คนเดินจะไม่หนาแน่นนัก นอกจากนี้ถนนช้อปปิ้งของเจนีวายังมีอีก 3 เส้นที่ต่อกันและขนานไปกับ Rue de Rhone คือ Rue de la Confederation,Rue du Marche และ Rue de la Croix-d’Or มีร้านค้าแบรนด์ทั่วๆ ไปที่เรารู้จักมากมาย และมีผู้คนเดินช้อปปิ้งกันคึกคักที่สุดในเจนีวา รวมทั้งมีรถบัสประจำทางผ่านมากสายที่สุดในบริเวณนี้โดยมีจัตุรัสซึ่งเป็นลานโล่งๆ เชื่อมกับ Rue de Rhone สองจุดคือ Place du Molard และ Placede la Fusterie ซึ่งร้านค้าในแถบนั้นก็จะเอาโต๊ะเก้าอี้มาตั้งเป็นที่นั่งกินดื่มชิลล์ๆ กลางลาน

สายเที่ยวต้องรู้…ผลไม้ที่ห้ามนำเข้าไทย

สายเที่ยวต้องรู้…ผลไม้ที่ห้ามนำเข้าไทย

ตั้งแต่หลายๆ ประเทศเริ่มทยอยเปิดประเทศและลดมาตรการโควิด-19 บางประเทศก็เริ่มยกเลิกการสวมใส่แมสก์แล้ว ดังนั้นการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง นักท่องเที่ยวไทยอย่างเราที่ไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เกาหลี ญี่ปุ่น หรือประเทศอื่นๆ ไปเที่ยวแล้วก็มักจะไปช้อปของฝากจากต่างประเทศกลับมาไทย และของฝากที่เรามักนิยมอยากจะซื้อมาฝากก็มักจะหนีไม่พ้นผลไม้เช่น สตรอว์เบอร์รี แอปเปิ้ล เชอร์รี่ เป็นต้น

แต่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนอาจยังไม่รู้ว่าการนำเข้าผลไม้สดเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยไม่สำแดงใบรับรองสุขอนามัยพืชผ่านเข้าประเทศไทยในทุกช่องทางนั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ.2507 และ แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 8 (2) มาตรา 10 ซึ่งมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

ดังนั้นกรมวิชาการเกษตรจึงได้เตือนนักเดินทาง งดซื้อผลไม้สด กลับเป็นของฝาก มีผลไม้อะไรบ้างแอดได้รวบรวมมาให้ดูค่ะ

กีวี
ข้าวโพด
ไข่ไหม
เชอรี่
เชื้อเห็ดกระดุม
เชื้อแบคทีเรีย
ดิน
แตงกวา
แตงโม
ทับทิม
ท้อ
ปาล์มน้ำมัน  
เนคทารีน
พริก
พิทูเนีย
พลับ
พลัม
มะเขือ
มะเขือเทศ
มะม่วง
มะพร้าว
มะละกอ
มันฝรั่ง
มันสำปะหลัง
มูลค้างคาว
เมลอน
ยางพารา
ยาสูบ
รังไหม
ลำไย
ลิ้นจี่
สตรอเบอรี่
สมอฝ้ายแห้ง
ส้ม
ผลส้มแห้ง
สาลี่
เสาวรส
องุ่น
อ้อย
อะโวกาโด
แอปเปิ้ล
แอปริคอท

ข้อมูลจาก : กรมวิชาการเกษตร https://www.doa.go.th/ard/?page_id=191

มาตรการการเดินทางไปต่างประเทศโซนยุโรป และอเมริกา

สำหรับคนที่วางแผนที่จะเดินทางไปโซนยุโรปหรือเมริกา ในช่วงนี้อาจจะต้องศึกษามารการการเดินทางเข้าประเทศแต่ละประเทศก่อน เพราะบางประเทศอาจจะต้องกักตัว หรือไม่ต้องกักตัว ต้องฉีดวักซีนให้ครบโดส หรือต้องตรวจโควิดก่อน ดีพลัสไกด์ได้รวบรวมมาตาการในการเดินทางในแต่ละประเทศมาให้ ตามนี้

#ฝรั่งเศส
✅ เงื่อนไขเข้าประเทศ
– ไม่ต้องกักตัว
– ต้องได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว

✅ วัคซีนที่รับรอง
– Pfizer BioNTech
– Moderna- Janssen (Johnson & Johnson)
– AstraZeneca **รวมถึง Astra-Zeneca ที่ผลิตใน**ประเทศไทย

✅ หากไม่ได้รับวัคซีนที่กำหนด
– ต้องมีผลตรวจ RT-PCR ภายใน 72 ชม.หรือ Rapid Antigen Test ภายใน 48 ชม.
– ต้องตรวจ Rapid Antigen Test เมื่อเดินทางถึงประเทศฝรั่งเศส- ต้องกักตัว 7 วัน

✅ วีซ่าที่เดินทางได้
– นักเรียน
– นักท่องเที่ยว
– ทำงาน

#อังกฤษ
✅ เงื่อนไขเข้าประเทศ
– ไม่ต้องกักตัว
– ต้องจองตั๋วเครื่องบินไปยังสนามบินปลายทาง

✅ วัคซีนที่รับรอง
– Oxford/AstraZeneca**รวมถึง Astra-Zeneca ที่ผลิตโดย Siam Bioscience
– Pfizer BioNTech
– Moderna- Janssen (Johnson & Johnson)
– Sinovac – Sinopharm Beijing
– Covaxin

✅ หากไม่ได้รับวัคซีนที่กำหนด
– ต้องกักตัว 10 วัน
– หากต้องการออกจากการกักตัวก่อนครบกำหนด 10 วัน สามารถจองชุดตรวจแบบ Test to Release ในวันที่ 5 ที่เดินทางถึงประเทศอังกฤษ หากผลตรวจเป็นลบสามารถออกจากที่กักตัวได้ และต้องตรวจอีกครั้ง ในวันที่ 8

✅ วีซ่าที่เดินทางได้
– เดินทางได้ทุกประเภท

#สวิตเซอร์แลนด์
✅ เงื่อนไขเข้าประเทศ
– ไม่ต้องกับตัว
– ต้องได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
– ต้องมีผลตรวจ RT-PCR ภายใน 72 ชม.
– หากไม่ได้รับวัคซีน ไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ

✅ วัคซีนที่รับรอง
– Pfizer BioNTech
– Moderna- Janssen (Johnson & Johnson)
– AstraZeneca- Sinopharm – Sinovac

✅ วีซ่าที่เดินทางได้
– นักเรียน
– Schengen Visa (Visitor)

#เยอรมนี
✅ เงื่อนไขเข้าประเทศ
– ไม่ต้องกักตัว
– ต้องได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว

✅ วัคซีนที่รับรอง
– Pfizer BioNTech
– Moderna- Janssen (Johnson & Johnson)
– AstraZeneca**รวมถึง Astra-Zeneca ที่ผลิตโดย Siam Bioscience

✅ หากไม่ได้รับวัคซีนที่กำหนด
– ผู้เดินทางที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะต้องกักตัวเองเป็นเวลา 10 วัน
– หากต้องการออกจากการกักตัวก่อนครบกำหนด ต้องตรวจ RT-PCR หลังจากวันที่ 5

✅ วีซ่าที่เดินทางได้
– เดินทางได้ทุกประเภท

#ไอซ์แลนด์
✅ เงื่อนไขเข้าประเทศ
– ไม่ต้องกับตัว
– ต้องได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
– ต้องมีผลตรวจ RT-PCR ภายใน 72 ชม.
– ใบรับรองการฉีนวัคซีนต้องเป็นภาษาไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก หรืออังกฤษ

✅ วัคซีนที่รับรอง
– Pfizer BioNTech
– Moderna- Janssen (Johnson & Johnson)
– AstraZeneca- Sinovac

✅ วีซ่าที่เดินทางได้
– เดินทางได้ทุกประเภท

#โรมาเนีย
✅ เงื่อนไขเข้าประเทศ
-ไม่ต้องกับตัว
– ต้องได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
– ต้องมีผลตรวจ RT-PCR ภายใน 72 ชม.

✅ วัคซีนที่รับรอง- Pfizer BioNTech
– Moderna- Janssen (Johnson & Johnson)
– AstraZeneca- Sinovac

✅ วีซ่าที่เดินทางได้
– เดินทางได้ทุกประเภท

#สเปน
✅ เงื่อนไขเข้าประเทศ
– ไม่ต้องกักตัว
– ต้องได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
– ใบรับรองการฉีนวัคซีนต้องเป็นภาษาอังกฤษ สเปน เยอรมัน หรือฝรั่งเศส
– ต้องมีผลตรวจ RT-PCR ภายใน 72 ชม.Rapid Antigen Test ภายใน 48 ชม.

✅ วัคซีนที่รับรอง
– Pfizer BioNTech
– Moderna
– Janssen (Johnson & Johnson)
– AstraZeneca **ที่ผลิตใน ยุโรป เกาหลีใต้ และอินเดีย
– Sinopharm- Sinovac

✅ วีซ่าที่เดินทางได้
– เดินทางได้ทุกประเภท

#อิตาลี
✅ เงื่อนไขเข้าประเทศ
– ต้องลงทะเบียนออนไลน์
– ต้องกักตัว 10 วัน
– หลังกักตัว 10 วัน ต้องตรวจ Antigen Test หรือ RT-PCR ภายใน 72 ชม.

✅ วัคซีนที่รับรอง
– Pfizer BioNTech
– Moderna- anssen (Johnson & Johnson)
– AstraZeneca

✅ วีซ่าที่เดินทางได้
– นักเรียน
– ยังไม่เปิดให้ยื่นวีซ่านักท่องเที่ยว

#สหรัฐอเมริกา
✅ เงื่อนไขเข้าประเทศ
– ไม่ต้องกักตัว
– ผู้ที่มีอายุ 2 ปีขึ้นไป ต้องมีผลตรวจเป็นลบก่อนขึ้นเครื่อง โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส ต้องตรวจภายใน 3 วัน ก่อนขึ้นเครื่อง และผู้ที่ยังรับวัคซีนไม่ครบโดสต้องตรวจภายใน 1 วัน ก่อนเดินเดินทาง โดยต้องเป็นผลตรวจแบบ Viral Test

✅ วัคซีนที่รับรอง
– Pfizer BioNTech
– Moderna- Janssen (Johnson & Johnson)
– AstraZeneca- Covishield- Sinopharm- Sinovac

✅ วีซ่าที่เดินทางได้
– เดินทางได้ทุกประเภท

วิธีขอวัคซีนพาสปอร์ต… ผ่านแอปฯ หมอพร้อม

#วิธีขอวัคซีนพาสปอร์ตผ่านแอปฯ#หมอพร้อม
1. เข้าระบบแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม

2. กดเมนู International Certificate

3. เลือกเมนู ขอหนังสือรับรองฯ

4. กรอกข้อมูลออกหนังสือเดินทาง

5. โหลดภาพหลักฐานฯ หน้าพาสปอร์ต และเอกสารรับรองฉีดวัคซีน

6. เลือกรูปแบบการขอหนังสือรับรองฯ

7. เลือกช่องทางชำระเงิน

8. กดยืนยันขอออกหนังสือรับรองฯ

#ขั้นตอนการเดินทางเพื่อไปขอวัคซีนพาสปอร์ต
1. ติดต่อนัดหมายหน่วยงานที่กำหนด
2. รับบัตรคิว และรอเจ้าหน้าที่เรียกคิว
3. ยื่นเอกสาร ทั้ง 3 รายการ พร้อมเงิน 50 บาท รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
4. รับเอกสารรับรองฯ (วัคซีนพาสปอร์ต)

#เอกสารใช้ขอวัคซีนพาสปอร์ต
1. บัตรประชาชน ฉบับจริงและสำเนา
2. หนังสือเดินทาง (Passport) ที่เหลืออายุการใช้งานมากกว่า 6 เดือน ฉบับจริง และสำเนา
3. เอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19 ฉบับตัวจริงและสำเนา (พร้อมลงสำเนาถูกต้อง)
4. ค่าออกเอกสารรับรอง 50 บาท/เล่ม

#สถานที่จัดทำวัคซีนพาสปอร์ต
📌 สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) เขตบางเขน กรุงเทพฯ
เปิดให้บริการ : วันจันทร์ – ศุกร์ (หยุดวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤฤษ์)
เวลาทำการ 13.00 – 15.00 น. โทร. 0-2521-1668 เฉพาะผู้ที่นัดหมายไว้ล่วงหน้า

📌 ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เปิดให้บริการทางอีเมล์ : porthealth_bkk@ddc.mail.go.th
เฉพาะผู้เดินทางที่มีตั๋วเครื่องบินแล้ว

📌 กองโรคติดต่อทั่วไป อาคาร 5 ชั้น 6 จ.นนทบุรี
เปิดให้บริการ : เฉพาะจันทร์ ,พุธ (ยกเว้นวันหยุดกขัตฤฤษ์)
เวลาทำการ 9.00 – 12.00 น.โทร. 02-590-3232

📌 คลินิกเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี
เปิดให้บริการ : วันจันทร์ – ศุกร์ (หยุดวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤฤษ์)
เวลาทำการ : 8.30 – 11.00 น. และ 13.00 – 15.00 น.
โทร. 02-951-1170 – 79 ต่อ 3430 อีเมล์ : tmcbamras@gmail.com

#ขอบคุณข้อมูลจาก : กองโรคติดต่อทั่วไป/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค