Home Blog Page 3

SRT Red Line รถไฟฟ้าสายสีแดง : รังสิต.บางซื่อ.ตลิ่งชัน

🚟 รถไฟฟ้าสายสีแดงสายใหม่ล่าสุดของไทย เค้าเปิดทดลองวิ่ง และให้ใช้บริการ​ฟรี! ทุกสถานี ตั้งแต่สถานี​ต้นสาย-ปลายสาย ทริปนี้แอดขึ้นจากสถานีจตุจักรไปกลับรังสิต สถานีนี้มีที่จอดรถให้ด้วยนะทุกคนสะดวกสบายมากค่ะ บรรยากาศบนสถานีขอบอกว่าเหมือนเราว๊าปไปอยู่ญี่ปุ่นเลยค่ะ แนะนำถ้าใครอยากไปถ่ายรูปสวยๆ ตอนนี้คนยังน้อยอยู่นั้งสบายๆ ถ่ายรูปฟินๆ ปลอดภัยจากโควิดแน่นอนค่ะ แต่ก็ต้องสวมแมส พกเจลแอลกอฮอล์ไปด้วยนะคะ

🚟 เส้นทางให้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง ตอนนี้เส้นทางให้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงแบ่งออกเป็น 2 เส้นทางหลัก คือรังสิต-บางซื่อ และ บางซื่อ-ตลิ่งชัน รวมทั้งหมด 13 สถานี

🚟 สายสีแดงเข้ม 10 สถานี จากสถานีกลางบางซื่อ, สถานีจตุจักร, สถานีวัดเสมียนนารี, สถานีบางเขน, สถานีทุ่งสองห้อง, สถานีหลักสี่, สถานีการเคหะ, สถานีดอนเมือง, สถานีหลักหก ไปจบที่สถานีรังสิต

🚟 สายสีแดงอ่อน 3 สถานี จากสถานีบางซ่อน, สถานีบางบำหรุ ไปจบที่สถานีตลิ่งชัน

🕧ตารางการเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง (ในช่วงบริการทดลองวิ่ง)

🚟 เส้นทางบางซื่อ-รังสิตเที่ยวแรกจากบางซื่อ 06.00 น. เที่ยวสุดท้ายจากบางซื่อ 19.30 น.เที่ยวแรกจากรังสิต 06.00 น. เที่ยวสุดท้ายจากรังสิต 19.30 น.

🚟เส้นทางบางซื่อ-ตลิ่งชันเที่ยวแรกจากบางซื่อ 06.00 น. เที่ยวสุดท้ายจากบางซื่อ 19.30 น.เที่ยวแรกจากตลิ่งชัน 06.06 น. เที่ยวสุดท้ายจากตลิ่งชัน 19.36 น.

ข้อมูลและภาพตารางเดินรถจาก :
www.infoquest.co.th
https://www.railway.co.th/

เปิดบ้านหมีพูห์ เข้าพักได้จริง สัมผัสได้แล้ววันนี้

airbnb.com

🏡 เปิดบ้านหมีพูห์ไม่ใช่แค่ในฝันแต่เข้าพักได้จริงสนนราคาที่คืนละ 3,477 บาท สัมผัสได้แล้ววันนี้!

airbnb.com

🏡 บ้านพักหมีพูห์ที่ว่านี้เปิดให้จองที่พักผ่าน Airbnb โดยเรียกมันว่า Bearbnb ซึ่งได้นำเสน่ห์ของหมีพูห์ที่ใครหลายๆ คนรู้จักในนาม “วินนี่เดอะพูห์” มาให้แฟนๆ ได้สัมผัสกันในชีวิตจริง

airbnb.com

🏡 ซึ่งการเปิด Bearbnb นี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 95 ของหมีพูห์ซึ่งการออกแบบที่พักต่างๆ จะอ้างอิงจากหนังสือ

airbnb.com
airbnb.com
airbnb.com
airbnb.com

🏡 โดยบ้านหมีพูห์ได้เริ่มเปิดให้จองสิทธิ์ในวันที่ 20 ก.ย. นี้เป็นต้นไป และให้เข้าพักได้หลังจากวันที่ 25 ก.ย. แต่น่าเสียดายผู้ที่จะจองได้ต้องอยู่ในประเทศอังกฤษเท่านั้นจ้า🏡 ส่วนใครที่อยากเข้าไปชมที่พักน่ารักๆ
สามารถไปดูกันได้ที่ https://bit.ly/39op7Xv
Crภาพ : airbnb.com

เที่ยวฮอยอัน…ฉันรักเธอ

ภาพโดย Xuan Duong จาก Pixabay

#ฮอยอัน เป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ฝั่งทะเลจีนใต้ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม อยู่ในเขตจังหวัดกว๋างนาม เอกลักษณ์ของฮอยอันคืออาคารบ้านเรือนแบบเก่าแก่โทนสีเหลืองมัสตาร์ด ที่ใครไปแล้วต้องไปถ่ายรูปกับกำแพงเมืองสีเหลืองกันค่ะ

#การเดินทางสะดวกมาก เพราะมีหลายสายการบิน ที่บินตรงไปลงยังดานังได้เลย ส่วนทริปนี้แอดนำภาพเข้ามาเล่าใหม่ค่ะ เพราะแอดเดินทางไปตั้งแต่ปลายปี 62 ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ขึ้นที่สนามบินดอนเมือง ค่าตั๋วไปกลับประมาณ 4,800 บาท ได้ค่ะ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที ส่วนเพื่อนอีกกลุ่มเดินทางด้วยสายการบินไทยเวียตเจ็ท ซึ่งไปขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ เมื่อเดินทางไปถึงสนามบินดานัง เราก็ทำการเรียก Grab Taxi ราคาค่ารถประมาณ 500 บาทได้ค่ะ ใช้เวลาจากสนามบินดานังไปถึงฮอยอัน ประมาณ 30 นาที

#การจะเที่ยวในเขตเมืองเก่าฮอยอันนั้น เราต้องซื้อบัตรเข้าชมเมืองก่อน ราคาตั๋วราคา120.000 VND (180 บาท) โดยจะมีหางตั๋วเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ 5 แห่ง ภายใน 1 วัน แลนด์มาร์คสำคัญๆ จะตั้งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก สามารถเดินเที่ยวชมได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นสะพานญี่ปุ่น หอประชุมหรือวัดจีน วัดเจ้าแม่กวนอิม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม และวัดครอบครัวทราน ตามถนนหลักๆ หรือตามตรอกซอกซอย จะเต็มไปด้วยร้านขายสินค้ามากมาย อาทิ ร้านขายของที่ละลึก เครื่องประดับ เสื้อผ้า ผ้าพันคอ กระเป๋าสาน งานแกะสลักไม้ ร้านแกลเลอรี่ ขายภาพวาด ภาพปักรวมไปถึงร้านกาแฟ คาเฟ่ที่ตกแตงร้านได้สวยงาม ร้านอาหารหลากหลายสัญชาติ ร้านอาหารสตรีทฟู้ด ให้เราได้เลือกซื้อเลือกช้อปกันอย่างเพลิดเพลินกันเลยทีเดียว

#ข้อแนะนำในการช้อปสินค้า ต้องต่อราคาทุกครั้งที่ช้อปเลยค่ะ ต่อเยอะๆ ไปเลย หากทางร้านไม่ยอมลดให้ก็เดินหนีเลยค่ะ แล้วจะได้ยินเสียงพ่อค้าแม่ค้าตะโกนเรียกกลับมาซื้อซึ่งจะได้ราคาที่ถูกมากๆๆๆ จนน่าตกใจค่ะ 😊ที่นี่เค้ารับเงิน ทั้งเป็นสกุลดอง ดอลลาร์ และเงินบาทไทยด้วยนะคะ พ่อค้าแม่ค้าบางร้านฟังพูดภาษาไทยได้ด้วยค่ะ

#ไฮไลต์ยามค่ำคืนของเมืองฮอยอัน ในแม่น้ำทูโบนจะเต็มไปด้วยเรือนำเที่ยวที่ประดับด้วยโคมไฟกระดาษ และกระทงกระดาษลอยในแม่น้ำส่องแสงสว่างไสวดูงดงามมาก บรรยาการถนนคนเดินริมแม่น้ำ จะมีร้านขายของมากมายทั้งร้านขายโคมไฟกระดาษส่องแสงสว่างไปทั่งร้าน ส่วนอาหารการกินไม่ต้องกลัวอด เพราะมีทั้งร้านอาหารเวียดนาม อาหารทะเลสดๆ ปิ้งย่าง อาหารสตรีทฟู๊ด มากมายให้เลือกซื้อกินจุกๆ กันไปเลย

ภาพโดย DUKE NG จาก Pixabay

#เทศกาลโคมไฟ หรือ Full Moon Lantern Festival ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ (คืนพระจันทร์เต็มดวง ) ที่นี่เค้าจะมีเทศกาลโคมไฟกระดาษ โดยทั่วทั้งเมืองจะพร้อมใจกันปิดไฟ และใช้โคมไฟกระดาษในการให้แสงสว่างหลากหลายสีสัน และจะมีการลอยกระทง ทำให้ทั่วทั้งเมืองและในแม่น้ำเต็มไปด้วยแสงสว่างไสวดูงดงามและโรแมนติกมากๆ ค่ะ

ภาพโดย DUKE NG จาก Pixabay

เวลาเปิด – ปิด : 24 ชั่วโมง
ค่าเข้า : 120,000 VND (ประมาณ 180 บาท)
เว็บไซต์ : http://hoiannow.com/

วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อติดโควิด-19

สถานการณ์โควิดวันนี้ยอดยังสูงอยู่ หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ติดโควิด-19 แล้วและยังหาเตียงไม่ได้ กรมอนามัยแนะวิธีดูแลตัวเองที่บ้าน (ในกรณีที่ยังไม่มีอาการหนัก) ตามนี้เลยค่ะ

หากมีไข้สูงกว่า 37.5
– ดืมน้ำเรื่อยๆ หากดื่มน้ำมากเพียงพอ ปัสสาวะจะเป็นสีเหลืองอ่อน
– รับประทานยาพาราเซตามอลทุกๆ 4 – 6 ชั่วโมง ครั้งละ 1 เม็ด
– เช็ดตัวบริเวณคอ และพ้อพับต่างๆ เพื่อลดความร้อนของร่างกาย

หากมีอาการไอ
– เลี่ยงการนอนราบ ให้นอนตะแคง หรือนอนหมอนสูง
– กินยาแก้ไอ หรือยาอมบรรเทาอาการไอ
– จิบน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น (ห้ามให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 12 เดือนเด็ดขาด)

หากมีอาการหายใจลำบาก
– อย่าเครียดให้เปิดหน้าต่าง อยู่ในห้องที่อากาศถ่ายเทสะดวก
– หายใจช้าๆ ลึกๆ ทางจมูกและปาก เหมือนกำลังจะเป่าเทียน
– นั่งตัวตรง ไม่นั่งหลังค่อม ผ่อนคลายบริเวณหัวไหล่
– เอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย โดยใช้มือวางบนหน้าขาทั้งสองข้าง และหายใจลึกๆ ยาวๆ วิธีนี้จะทำให้หายใจสะดวกขึ้น- ให้นอนตะแคง หรือนอนหมอนสูง

เมื่อมีอาการท้องเสียและอาเจียน
– งดทานอาหารประเภทนม โยเกิร์ต ผลไม้สด และอาหารที่ย่อยยาก
– ชงเกลือแร่ ORS ผสมน้ำต้มสุก น้ำสะอาด จิบเรื่อยๆ ทั้งวัน (ในผู้ป่วยโรคไต และโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน)
– หากรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ ให้รับประทานน้อยๆ แต่บ่อยๆ แทน (แต่หากรับประอาหารไม่ได้เลย ควรปรึกษาแพทย์ก่อน)

ยาที่ควรมีไว้ติดบ้าน
– ฟ้าทะลายโจร
– ยาพาราเซตามอล
– ยาแก้ไอ
– ยาลดน้ำมูก

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

คิดถึงฤดูร้อน ที่ฮอกไกโด เที่ยวฟาร์มโทมิตะ

ใครคิดถึงฤดูร้อน ที่ฮอกไกโด ยกมือขึ้น🖐 หน้าร้อนที่ฮอกไกโดจะอยู่ระหว่างช่วงเดือน มิย. – สค. ของทุกปี และเมื่อพูดถึงหน้าร้อนของที่นี่คงต้องนึกถึงทุ่งลาเวนเดอร์ที่บานสะพรั่งเป็นสีม่วงสวยงาม และดอกไม้หลากสีที่ทุ่ง Irodori ทั้งเนินเขาจะถูกระบายด้วยสีสันของดอกไม้หลายพันธุ์ เช่น ดอกลาเวนเดอร์ ดอกยิปโซ (Baby’s-breath) ดอกป๊อปปี้สีแดง ดอก catchflies

ภายในฟาร์มยังมีโรงงานเล็กๆ สาธิตกระบวนการเอาดอกลาเวนเดอร์มาสกัดเป็นหัวน้ำหอม และยังมีการนำไปแต่งกลิ่นอาหารเช่น #ซอฟครีมสีม่วงรสลาเวนเดอร์ (ต้องลอง) หรือจะนำดอกไม้สารพัดอย่างไปทำดอกไม้แห้งประดับบ้าน หรือทำเป็นของที่ระลึกต่างๆ นอกจากนั้นยังมีอาหารที่น่าลองชิมอีกหลายอย่าง เช่น พุดดิ้งบรรจุขวด ผลเมล่อนสดๆ สีส้มทองอร่าม (แยกขายเป็นชิ้นๆ มาคนเดียวก็ลองชิมได้) และอื่นๆอีกมากม

เฉพาะในหน้าร้อนรถไฟจะจอดเพิ่มที่สถานีชั่วคราว Lavender Farm (Lavender-batake station หมายเลข F41) ซึ่งอยู่หน้าฟาร์มโทมิตะพอดี นอกจากนี้ยังมีขบวนรถไฟ Norokko ที่มีหัวรถจักรสีเขียว-ม่วงสดใส ส่วนตู้โดยสารก็เป็น ที่นั่งไม้แบบโบราณ ในรถยังมีเตาผิงโบราณสำหรับให้ความอบอุ่นแก่ผู้โดยสารในหน้าหนาวให้บริการอีกด้วย

🕗 เวลาเปิด/ปิด : ก.ค.-ส.ค. เวลา 08:30-18:00 น. ส่วนช่วงอื่นๆ จะมีเวลาเปิด-ปิดที่ไม่แน่นอน
🚄 การเดินทาง :
1. จากสถานีรถไฟ JR Nakafurano นั่งแท็กซี่ต่อประมาณ 5 นาที หรือเดินประมาณ 30 นาที
2. นั่งรถไฟ Furano -Biei Norokko train (ให้บริการระหว่างเดือน มิ.ย.-กลางเดือน ต.ค.) มาลงที่สถานี JR Lavender Batake แล้วเดินต่ออีก 7 นาที
3. นั่งรถบัส Furano Kururu (ให้บริการระหว่างเดือน ก.ค.-ส.ค.) ที่วิ่งจากสถานี JR Furano-The WineFactory-The Grape Juice Factory และ Tomita Farm
4. นั่งรถบัส Lavender-Go จากสถานี JR Asahikawa/JR Furano มาลงที่สถานี JR Nakafurano แล้วต่อแท็กซี่ประมาณ 5 นาที
5. นั่งรถบัส Chuo จากสถานี JR Sapporoมาลงที่สถานี JR Furano แล้วนั่งรถไฟ/รถบัส หรือต่อแท็กซี่

เว็บไซต์ : www.farm-tomita.co.jp

เที่ยวพระราชวังคยองบก (경복궁)

#ดีพลัสไกด์ จะพาทุกคนไปเที่ยวพระราชวังคยองบกกันค่ะ พระราชวังตั้งอยู่กรุงโซล เกาหลีใต้ ใครที่ไปเที่ยวโซลไม่ควรพลาดที่จะไปเที่ยวค่ะ

มารู้จักกันเลย พระราชวังคยองบก หรือคยองบกกุก แปลว่า“พระราชวังแห่งพรที่ส่องสว่าง (The Palace of Shining Blessings)” เป็นพระราชวังหลัก และสวยงามที่สุดแห่งราชวงศ์โชซอน เป็นวังหลวงที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ มีทำเลอยู่ทางตอนเหนือตั้งอยู่ด้านหน้าของยอดเขามังกร (เทือกเขาพูกักซาน) และเป็นพระราชวังที่สวยที่สุดในบรรดาพระราชวังทั้งหมดของกรุงโซล (จาก ทั้งหมด 5 พระราชวัง) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1395ในสมัยของ กษัตริย์แทจง ก่อนจะถูกเผาในช่วงที่ถูกญี่ปุ่นเข้ามายึดครองในปี ค.ศ. 1592 เหลือไว้เพียงซากปรักหักพัง และได้รับการฟื้นฟู ในปีค.ศ. 1868 ในสมัยของกษัตริย์โกจอง ผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์แรกของเกาหลีใต้ภายในพระราชวังคยองบกมีพื้นที่กว้างขวางทั้งยังมี 2 พิพิธภัณฑ์อย่าง “National PalaceMuseum of Korea” และ “National Folk Museum” ตั้งอยู่ด้วย หากใครที่ต้องการเดินชมความสวยงามทั้งหมด ตั้งแต่หน้าประตูวังไปจนสุดกำแพงวังด้านหลังแล้ว จะต้องใช้เวลาครึ่งวัน หรือถ้าคนไหนอินมากหน่อย อาจจะต้องใช้เวลาทั้งวันกับการซึบซับบรรยากาศอันเก่าแก่ของยุคสมัยนั้นเลยก็ได้ หากต้องการย้อนยุคแบบครบรสก็สามารถเช่าชุดฮันบกมาใส่เดินชมวังได้เหมือนกันค่ะ โดยบริเวณรอบนอกพระราชวัง มีร้านให้บริการเช่าชุดหลายร้าน แต่ละร้านก็จะมีราคาต่างกันไป จะเช่าทั้งวันหรือแค่ 3-4 ชม. ก็แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ ^^

จุดที่น่าสนใจในพระราชวังที่นักท่องเที่ยวส่วนมากมักจะเอ่ยถึง คือ

🏯 Geunjeongjeon Hall พระที่นั่งหลักที่ใหญ่ที่สุด และเป็นทางการที่สุดในพระราชวังคยองบกเป็นที่ประทับของกษัตริย์ไว้ทรงงานราชการและพบปะทูตในยุคสมัยนั้น ตัวอาคารสองชั้นตั้งอยู่บนพื้นที่สูงบนบันไดหิน ด้านหน้าเป็นลานกว้างไว้จัดพิธีการสำคัญต่างๆ

🏯 Gyeonghoeru Pavilion ห้องโถงสำหรับจัดงานเลี้ยงและพิธีการต่างๆ ที่สำคัญในช่วงราชวงศ์โชซอน สร้างจากไม้และหินเป็นส่วนใหญ่ตัวอาคารตั้งอยู่บนเสาหินขนาดใหญ่ถึง 48 ต้นและมีบันไดไม้เชื่อมระหว่างชั้นหนึ่งและชั้นสอง

🏯 Hyangwonjeong Pavilion ศาลาทรงเกาหลีหกเหลี่ยมขนาดเล็กสองชั้นกลางทะเลสาบ Hyangwonji สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1873 ตามคำสั่งของพระเจ้าโกจอง มีสะพานไม้Chwihyanggyo เชื่อมระหว่างเกาะ เป็นสะพานไม้ที่ยาว และสวยที่สุดในสมัยราชวงศ์โชซอนโดนทำลายลงในสงครามเกาหลี และได้บูรณะกลับมาใหม่ในปัจจุบัน

✍️NOTE

การทัวร์พระราชวังมีไกด์นำเที่ยวอธิบายให้นักท่องเที่ยวฟังเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจะมีเป็นรอบๆ ตามราตางเวลาการเยี่ยมชม หากใครตั้งใจไปเยี่ยมชมพระรำชวังสำคัญๆ (พระรำชวังคยองบก, พระราชวังชางด็อกรวมถึงสวนลับฮูวอน, พระราชวังชางเคียง, พระราชวังถ็อกซู และศาสนสถานชงเมียว) อาจจะซื้อตั๋วรวม ราคา 10,000 วอนโดยตั๋วจะมีอายุ 3 เดือนหลังจากการซื้อ เหมาจ่ายไปเลยก็ได้ คุ้มกว่าพระราชวังคยองบกจะเปิดให้เข้าชมในช่วงเวลากลางคืนด้วย และตั๋วจำหน่ายค่อนข้างจำกัด ส่วนวันเวลาของแต่ละปีสามารถเช็คได้ที่เว็บไซต์ english.visitkorea.or.kr/enu/index.kto หรือ www.royalpalace.go.kr

เวลาเปิด – ปิด : 09:00-18:00 น.
(ปิดวันอังคาร)เดือน พ.ย.-ก.พ. 09:00-17:00 น.

ราคา : ผู้ใหญ่ 3,000 วอน, เด็ก 1,500 วอน

การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน LINE 3 สถานี Gyeongbokgung 327 ทางออก 5

วิธีและขั้นตอนการขอวัคซีนพาสปอร์ต

💉วัคซีนพาสปอร์ตคืออะไร? เราต้องไปขอทำที่ไหนกันนะ 🤔#ดีพลัสไกด์ มีคำตอบค่ะ หากเราต้องการไปเดินทางไปต่างประเทศในช่วงสถานการณ์โควิด-19เราจะต้องไปขอสมุดเล่มเหลือง หรือ วัคซีนพาสปอร์ต ซึ่งเป็นเอกสารที่รับรองการสร้ามเสริมภูมิคุ้มกันโรคสำหรับคนที่จะไปขอได้จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 โดส แล้วเท่านั้น และเป็นผู้ที่มีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ หรือเป็นผู้ที่หายจากการเป็นโครโควิด -19 แล้ว

#วัคซีนพาสปอร์ตต้องใช้อะไรบ้าง?
1.บัตรประชาชน ฉบับจริงและสำเนา
2.หนังสือเดินทาง (Passport) ที่เหลืออายุการใช้งานมากกว่า 6 เดือน ฉบับจริงและสำเนา
3.เอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19 ฉบับตัวจริงและสำเนา (พร้อมลงสำเนาถูกต้อง)
4.ค่าออกเอกสารรับรอง 50 บาท/เล่ม

#ขั้นตอนการขอวัคซีนพาสปอร์ต
1.ติดต่อนัดหมายหน่วยงานที่กำหนด
2.รับบัตรคิว และรอเจ้าหน้าที่เรียกคิว
3.ยื่นเอกสาร ทั้ง 3 รายการ พร้อมเงิน 50 บาท รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
4.รับเอกสารรับรองฯ (วัคซีนพาสปอร์ต)

#ทำวัคซีนพาสปอร์ตได้ที่ไหนบ้าง?
📌สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) เขตบางเขน กรุงเทพฯ
เปิดให้บริการ : วันจันทร์ – ศุกร์ (หยุดวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤฤษ์)
เวลาทำการ 13.00 – 15.00 น.
โทร. 0-2521-1668
เฉพาะผู้ที่นัดหมายไว้ล่วงหน้า

📌ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เปิดให้บริการทางอีเมล์ : porthealth_bkk@ddc.mail.go.th
เฉพาะผู้เดินทางที่มีตั๋วเครื่องบินแล้ว

📌กองโรคติดต่อทั่วไป อาคาร 5 ชั้น 6 จ.นนทบุรี
เปิดให้บริการ : เฉพาะจันทร์ ,พุธ (ยกเว้นวันหยุดกขัตฤฤษ์)
เวลาทำการ 9.00 – 12.00 น.
โทร. 02-590-3232

📌คลินิกเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี
เปิดให้บริการ : วันจันทร์ – ศุกร์ (หยุดวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤฤษ์)
เวลาทำการ : 8.30 – 11.00 น. และ 13.00 – 15.00 น.
โทร. 02-951-1170 – 79 ต่อ 3430
อีเมล์ : tmcbamras@gmail.com

ขอบคุณข้อมูลจาก : กองโรคติดต่อทั่วไป/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรคcr : ภาพประกอบ : pngtree , canva

วิธีปลูกฟ้าทะลายโจรในกระถาง

สถานการณ์โควิด -19 ใครๆ ก็ต้องการฟ้าทะลายโจร แถมยังหาซื้อยากด้วย
#ดีพลัสไกด์ เลยมาไกด์วิธีปลูกฟ้าทะลายโจร ในกระถางไว้กินเองค่ะ
การปลูกฟ้าทะลายโจรในกระถางสามารถปลูกได้ 2 วิธี คือ ปลูกด้วยเมล็ดและปลูกจากต้นกล้า โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. นำเมล็ดจากฝักแก่จะมีสีน้ำตาลแดงโรยลงในดินแล้วกลบด้วยดินอีกชั้นบาง ๆ
  2. ปลูกจากต้นกล้าอายุ 30 วัน เมื่อปลูกเสร็จวางกระถางในที่มีแสงแดดรำไร รดน้ำให้เพียงพอและสม่ำเสมอ

เมื่อต้นกล้ามีอายุประมาณ 3 – 6 เดือน ช่วงนี้จะมีสารสำคัญเยอะที่สุด นำใบไปตากแห้งและเก็บได้นาน 1 ปี หากตัดยอดอ่อน 1 ฝ่ามือ แล้วเหลือตอไว้ รอประมาณ 1-3 เดือน ก็จะเริ่มออกดอกอีกครั้ง เมื่อดอกเริ่มบานก็สามารถเก็บใบมาใช้ประโยชน์ได้อีกรอบ ฟ้าทะลายโจร 1 ต้น สามารถเก็บมาทำยาได้ 2-4 ครั้ง

สามารถหาซื้อเมล็ดและต้นกร้าได้ตามตลาดขายต้นไม้ หรือ ไม่ก็ Shopee Lazada หรือเสิร์ช google พิมพ์หาร้านขายเมล็ดต้นกล้าฟ้าทะลายโจร ก็ได้ค่ะ

ล่องเรือชมทะเลสาบ Thun ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ดีพลัสไกด์จะพาไปเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์กันค่ะ ที่ที่จะพาไปเที่ยววันนี้คือทะเลสาบ Thun จากท่าเรือ Interlaken West (See) จะมีเรือล่องทะเลสาบ Thun โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เรือจะออกจากท่า วิ่งไปตามคลองแคบๆ เลียบแม่น้ำ Aare และออกสู่ทะเลสาบ และแวะจอดตามท่าเรือเมืองเล็กเมืองน้อยหลายแห่ง ริมทะเลสาบ บางแห่งเช่นเมือง Oberhofen ก็มีปราสาทแสนสวยปลูกยื่นลงมาในทะเลสาบบางส่วน (เคยใช้ถ่ายละคร ลิขิตรัก / ญาญ่า-ณเดชน์ เมื่อปี 2560 ด้วย)

สุดท้ายเรือจะมาถึงเมือง Thun ที่สุดปลายทะเลสาบ ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่และใหญ่กว่า Interlaken ตรงนี้หากใครจะขึ้นฝั่งเดินเที่ยวชมเมือง Thun ก็ได้เลย (ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 ชั่วโมง เพราะมีสถานที่ให้ชมหลายแห่ง โดยเฉพาะปราสาท Thun) หรือใครจะไม่ขึ้นฝั่ง แต่นั่งเรือกลับเลยก็ได้ ส่วนใครที่จะเดินเที่ยวเมืองถึงค่ำๆ เรือไม่วิ่งแล้วก็ยังสามารถกลับไปที่ Interlaken ได้โดยทางรถไฟหรือรถบัสระหว่างเมือง Thun ไป Interlaken ที่ให้บริการถึงกลางคืน ส่วนเรือนั้นจะวิ่งเฉพาะกลางวัน ซึ่งในหน้าร้อนจะมีเรือวิ่งเยอะเที่ยวกว่าหน้าอื่นๆ

GPS : 46.682232, 7.850755
PRICE: Swiss Pass ขึ้นฟรี
HOW TO GO: เรือออกจากท่า InterlakenWest (See) เดินจากสถานีรถไฟชื่อเดียวกันประมาณ 100 ม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงถึงท่าเรือ Thun (See) ส่วนขากลับถ้าเลือกรถไฟจะใช้เวลาน้อยกว่าคือ 30-50 นาทีเท่านั้นเช็คตารางเวลาเรือได้ที่ fahrplan.bls.ch

หมายเหตุ : วิธีดูตารางเวลาเรือ :
ถ้ามีไฟล์ PDF ตารางเวลาที่โหลดมาจากเว็บ มัก เป็นภาษาเยอรมันล้วน ซึ่งชื่อสถานที่หรือเมือง ต่างๆ ก็พอจะดูเทียบกับแผนที่ได้ แต่ให้ระวัง สัญลักษณ์หมายเหตุเล็กๆ มากมายซึ่งต้องดูให้ดี เพราะอาจหมายถึงเรือหยุดวิ่งหรือไม่มีเที่ยวนั้นๆ ในบางวัน คำอธิบายหมายเหตุต่างๆ เป็นภาษา อังกฤษจะอยู่ในหน้าสุดท้าย

เปิดตัว Gojek แอพสั่งอาหาร เรียกรถ และส่งของ แทน GET

gojek
gojek

ใครเปิดแอพ GET มาแล้วเจอข้อความ  “GET ได้ย้ายไปแอพ Gojek แล้ว” อย่าเพิ่งงงไป เพราะทาง GET ได้ประกาศรีแบรนด์ไปเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อ Gojek แทนชื่อ GET เดิม ซึ่งการรีแบรนด์ครั้งนี้ทาง Gojek จากอินโดนีเซียซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ GET ตั้งเป้าเพื่อบุกตลาดกับกลุ่มประเทศใกล้เคียง คือ ไทย สิงคโปร์ และเวียดนาม โดยไม่ต้องแยกชื่อแบรนด์ให้วุ่นวาย และเพื่อต่อยอดความสำเร็จจาก GET และตอบโจทย์การใช้งานแอพพลิเคชั่นของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น  

Gojek คือใคร?
Gojek  เป็นสตาร์ทอัพรายใหญ่ของอินโดนีเซียที่มีจุดเริ่มต้นจากการให้บริการเรียกรถจักรยานยนต์ คล้าย ๆ กับ Uber หรือ Grab เพื่อแก้ปัญหารถติดในเมืองจาการ์ตา  และในปี 2558 ได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นเป็นครั้งแรกเพื่อตอบสนองการใช้งานของลูกค้าให้ทั่วถึงมากขึ้น โดยมีให้เรียกใช้ได้ 3 บริการด้วยกัน นั่นก็คือ GoRide บริการเรียกรถจักรยานยนต์ GoSend บริการรับ-ส่งของ และ GoMart บริการส่งสินค้าจากร้านสะดวกซื้อหรือซุเปอร์มาร์เก็ต  และเพิ่มบริการขึ้นมาเรื่อยๆ เพื่อให้ครอบคลุมชีวิตประจำวันของลูกค้ามากยิ่งขึ้น จนตอนนี้มีมากกว่า 20 บริการแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือบริการ GoFood บริการส่งอาหารที่กำลังได้รับความนิยมมากในบ้านเรานั่นเอง

ลูกค้า GET เดิมต้องสมัครใหม่หรือไม่?

สำหรับลูกค้าเดิมที่เคยโหลดแอพ GET และมีบัญชีอยู่แล้ว ให้เข้าไปโหลดแอพ Gojek ผ่าน  App Store บนระบบ iOS หรือ Play Store บน Android จากนั้นก็ใช้เบอร์โทรที่เคยผูกตอนลงทะเบียนกับ GET ล็อกอินเข้าใช้งานได้เลย ไม่ต้องสมัครใหม่

บริการบนแอพ Gojek มีอะไรบ้าง?

บริการบนแอพ Gojek จะเหมือนกับบนแอพ GET เลย ต่างกันแค่หน้าตาแอพที่ปรับโฉมใหม่ ซึ่งบริการหลักๆ ก็จะมี GoFood บริการส่งอาหาร มีร้านค้าพาร์ทเนอร์ให้เลือกหลายหมื่นร้านค้า พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม, GoRide บริการเรียกรถจักรยานยนต์ได้ทุกที่ทุกเวลา พาเราไปถึงปลายทางอย่างปลอดภัยกับคนขับที่ผ่านการตรวจสอบและอบรมตามมาตรฐานมาแล้ว, GoSend บริการรับ-ส่งของ ใกล้ไกลไปได้หมด แถมแทรคโลเคชั่นของการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์ และ  GoPay บริการอีวอลเล็ต ใช้ง่าย จ่ายสะดวกกว่าเดิม แค่เติมเงินในบัญชีก็ใช้แทนเงินสดได้เลย เดี๋ยวเราจะไปดูกันว่า บริการต่างๆ บน Gojek นั้นมีรายละเอียดและการใช้งานคร่าวๆ ยังไงกันบ้าง

เริ่มใช้งานแอพ Gojek กันเลย

เมื่อเปิดแอพขึ้นมาครั้งแรก จะมีให้เลือกว่าเป็นลูกค้าเก่าหรือลูกค้าใหม่ ถ้าเป็นลูกค้าเก่าที่ใช้ GET มาก่อน ให้กรอกเบอร์โทรแล้วล็อกอินได้เลย ส่วนลูกค้าใหม่ ให้ลงทะเบียนก่อนล็อกอินเข้าใช้งาน

gojek

หน้าแรก

หลังจากล็อกอินเข้ามาแล้ว เราก็จะเจอกับหน้าแรกที่รวมทุกอย่างตั้งแต่โปรโมชั่นของแต่ละบริการ การชำระเงิน หรือจะเข้าไปดูโปรไฟล์ในบัญชีผู้ใช้เพื่อตั้งค่า ดูรายการออเดอร์ย้อนหลัง ดูคูปองของฉัน ฯลฯ และที่สำคัญคือ เราจะเข้าสู่บริการหลักเช่น เติมเงิน ดูประวัติใน GoPay และบริการ GoRide, GoFood, GoSend โดยแตะที่ไอคอนด้านล่างได้เลย

gojek
gojek
gojek
ก่อนใช้งาน GoPay จ่ายค่าอาหาร ต้องยืนยันตัวตนก่อน จากนั้นค่อยเติมเงินลงอีวอลเล็ตอีกที

โปรโมชั่น

เป็นหน้ารวมคูปองของ Gojek เช่น ส่วนลดสำหรับลูกค้าใหม่ ส่งฟรีเมื่อจ่ายผ่าน GoPay คูปองส่วนลดจากร้านที่ร่วมรายการ คูปองประจำสัปดาห์ ฯลฯ แตะเก็บคูปองเพื่อใช้เป็นส่วนลดได้เลย ยิ่งใครสั่งช่วงนี้ถือว่าคุ้มมาก เพราะ Gojek เพิ่งเปิดตัวใหม่ จึงมีโปรโมชั่นและส่วนลดต่างๆ ให้เลือกเยอะกว่าเจ้าอื่นๆ

gojek

แชท

เป็นหน้าที่ใช้ส่งข้อความพูดคุยในแอพ โดยจะเพิ่มเพื่อนแล้วแชทตัวต่อตัว หรือจะสร้างกลุ่มแชทก็ได้ (ได้ถึง 50 รายชื่อต่อกลุ่ม) โดยรายชื่อเพื่อนที่จะแอดมาพูดคุยนี้จะต้องมีการลงทะเบียนใช้แอพ Gojek ด้วยเช่นกัน จุดประสงค์ของแอพที่มีหน้าแชทก็เพื่อให้สอบถามหรือแชร์ความคิดเห็นว่าวันนี้จะทานเมนูไหน ใครอยากทานอะไร หรือดูร้านที่เพื่อนแชร์มาให้ และที่สำคัญคือไม่ต้องสลับไปคุยด้วยแอพอื่นให้วุ่นวาย สามารถแชทในแอพ Gojek นี้ได้เลย

gojek

ทดลองใช้บริการสั่งอาหาร

เดี๋ยวเราจะมาลองมาดูหน้าตา GoFood สำหรับสั่งอาหารกัน ในหน้าแรก หลังจากแตะไอคอน GoFood ก็จะเข้าสู่หน้ารวมร้านอาหาร จุดเด่นของ Gojek ที่ชอบก็คือ มีการแบ่งหมวดหรือหัวข้อให้เลือกเข้าไปดู ซึ่งง่ายต่อการหาร้านมากๆ อยากได้ร้านที่ส่งฟรี ก็แตะที่หัวข้อ ส่งฟรี ได้เลย มีร้านแนะนำ ร้านดังยอดฮิต ร้านที่ลดถึง 50% ซื้อ 1 แถม 1 ร้านที่เราน่าจะสนใจ แบ่งตามประเภทอาหาร ฯลฯ แต่ละร้านก็มีบอกระยะทางให้เลือกก่อนตัดสินใจเปิดเข้าไปดู สำหรับการจัดส่งจะคิดค่าบริการ 10 บาทสำหรับระยะทาง 5 กิโลเมตรแรก หรือถ้าจ่ายผ่าน GoPay ช่วงเปิดตัวนี้ก็จะมีคูปองส่วนลดค่าส่ง 12 บาทกับร้านค้าที่ร่วมรายการ

gojek
gojek
หน้ารวมร้านอาหารที่แบ่งหมวดหมู่ให้การค้นหาทำได้ง่ายที่สุด ถูกใจร้านไหนก็แตะเปิดเข้าไปดูเมนูอาหารและสั่งได้ทันที
gojek
เมื่อใส่คำค้นหา เช่น สเต็ก ระบบจะนำเสนอร้านอาหารที่มีอาหารประเภทที่ค้นหาขึ้นมา ช่วยให้ลูกค้าเห็นร้านอาหารอื่นๆด้วย
gojek
gojek
แสดงรายละเอียดในหน้าร้านอาหารที่เปิดเข้ามาดู และเมนูอาหารให้เลือกสั่งได้เลย
gojek
หากเมนูไหนน่าสนใจและคิดว่าจะเก็บไว้ดูและสั่งครั้งหน้า ก็แตะไลก์ตรงรูปหัวใจแล้วค่อยเรียกดูรายการเมนูโปรดได้ในภายหลัง
gojek
แตะปุ่มแชร์แนะนำร้านนี้ให้กับเพื่อนๆผ่านข้อความแชท, LINE, อีเมล และอื่นๆได้

หลังจากทดลองใช้งานแอพ Gojek สั่งอาหาร ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้ค่อนข้างดีทีเดียว แอพใช้งานง่าย อินเตอร์เฟสสวยงาม มีลูกเล่นและฟีเจอร์สูสีหรือเยอะกว่าฟู้ดเดลิเวอรี่บางเจ้า ในเรื่องระบบชำระเงินยังไม่มีแบบตัดผ่านบัตรเครดิต/เดบิต (คาดว่าคงมีเพิ่มในอนาคต) ส่วนบริการ GoRide เรียกรถจักรยานยนต์ และ GoSend การใช้งานไม่ยาก และมีขั้นตอนการเรียกคล้ายๆ กับเจ้าอื่น

เที่ยวญี่ปุ่นเกาะชิโกกุ เมืองทาคามัตสึ : ศาลเจ้า Kotohira

ศาลเจ้า Kotohira สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 11 เพื่อเป็นการถวายแด่เทพผู้พิทักษ์ชาวเรือ (Omononushi-no-Kami) เป็น 1 ใน 88 ศาลเจ้าและวัดแห่งการแสวงบุญบนเกาะชิโกกุ ศาลเจ้าแห่งนี้ มีความสำคัญอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น ตัวศาลเจ้าหลัก และอาคารต่างๆ ที่กระจายตัวกันอยู่ภายในบริเวณ ทำด้วยไม้ทั้งหมดและเป็นสถาปัตยกรรมตั้งแต่ยุค Muromachi แม้แต่ตะเกียงสำริดก็เป็นของเก่าแก่ดั้งเดิม