Home Blog Page 77

แนะนำของฝากสำหรับคนเที่ยวฮอกไกโด POTATO FARM มันฝรั่งคุณภาพดี 4 สไตล์

ของฝากจากฮอกไกโด Imoko & Kobutaro มันฝรั่งรสหอยเชลล์ผสมกับสาหร่ายทอดกรอบ

หากใครที่มาเที่ยวฮอกไกโด อยากซื้อของฝากให้ญาติสนิทมิตรสหาย วันนี้ทีมงาน DPlus Guide ขอแนะนำของฝากสุดเจ๋ง นั่นก็คือมันฝรั่ง POTATO FARM (โปเตโต้ฟาร์ม) ค่ะ

มันฝรั่งจากโปเตโต้ฟาร์ม เป็นมันฝรั่งที่ขึ้นชื่อเรื่องของรสชาติที่อร่อยและความพิถีพิถันในการปลูก นั่นเป็นเพราะเกษตรกรในท้องถิ่นที่ช่วยกันพัฒนาดินและปุ๋ยสำหรับมันฝรั่งโดยเฉพาะ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วเขายังคอยตรวจสอบคุณภาพและเช็กอุณหภูมิอย่างเคร่งครัดอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ทำมันฝรั่งออกมาคุณภาพดีทีเดียวค่ะ

เรามาทำความรู้จักผลิตภัณฑ์ของ POTATO FARM (โปเตโต้ฟาร์ม) กันเลย เริ่มจาก …

ของฝากจากฮอกไกโด Jaga Pokkuru ทำจากมันฝรั่งแท้ ปรุงรสด้วยเกลือคั่วจากทะเลโอคอทสก์ (Okhotsk Sea)

Jaga Pokkuru อันนี้เพื่อนๆ ชาวไทยที่ไปเที่ยวฮอกไกโดบ่อยๆ น่าจะคุ้นตากันไม่มากก็น้อย เพราะเป็นของฝากยอดนิยมสำหรับคนเที่ยวฮอกไกโดจริงๆ ค่ะ เจ้า Jaga Pokkuru นี้ทำจากมันฝรั่งแท้ 100% เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่ความกรอบและเกลือคั่วจากทะเลโอคอทสก์ (Okhotsk Sea) เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อย

แนะนำของฝากสำหรับคนเที่ยวฮอกไกโด มันฝรั่ง POTATO FARM Jaga Pokkuru
Jaga Pokkuru ภายในกล่อง
แนะนำของฝากสำหรับคนเที่ยวฮอกไกโด มันฝรั่ง POTATO FARM Jaga Pokkuru
ของฝากจากฮอกไกโด Jaga Pokkuru ซองเล็กๆ แต่คุณภาพมันฝรั่งคับถุง

ต่อด้วยอีกรสชาติอีกสไตล์ อันนี้ต้องโดนใจคนชอบรสหลากหลายในถุงเดียว มาในขนาดพอดีคำ

ขนมของฝากจากฮอกไกโด มันฝรั่ง Jaga Pirika หนึ่งห่อมี 3 รส

Jaga Pirika คำว่า “Pirika” มาจากภาษาไอนุ มีความหมายว่า “น่ารัก” Jaga Pirika จึงเป็นขนมที่มีสีสัน เอกลักษณ์ และความน่ารัก และแน่นอนว่าสีสันของมันฝรั่งเหล่านี้เป็นสีจากธรรมชาติ โดยเลือกใช้มันฝรั่ง 3 ชนิดคือ 1. พันธุ์ Northern Ruby มันฝรั่งสีอมแดง 2. พันธุ์ Kita Murasaki มันฝรั่งสีม่วง และ 3. พันธุ์ Toyoshiro มันฝรั่งสีเหลืองทอง

Jaga Pirika หนึ่งกล่องได้ถึงสามรส
Jaga Pirika หนึ่งกล่องได้ถึงสามรส

นอกจากนี้ยังมี Imoko & Kobutaro มันฝรั่งรสหอยเชลล์ผสมกับสาหร่ายทอดกรอบ

ขนมของฝากจากฮอกไกโด Imoko & Kobutaro มันฝรั่งรสหอยเชลล์ผสมกับสาหร่ายทอดกรอบ

และ Imo & Mame มันฝรั่งและถั่วแระญี่ปุ่น (edamame) ที่ได้จากเมือง Memuro ในเขต Tokachi ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง Marudaizu

ขนมของฝากจากฮอกไกโด Imo & Mame มันฝรั่งและถั่วแระญี่ปุ่น (edamame) ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง

อยากลิ้มลองรสชาติความอร่อยแวะไปช้อปกันได้ที่ สนามบินฮอกไกโด ร้านค้าตามสถานีรถไฟ JR และร้านจำหน่ายของฝากต่างๆ ทั่วไป นอกจากนั้นยังมีจำหน่ายที่ร้านค้าในสนามบินฮาเนดะ นาริตะ จูบุ คันไซ และฟุกุโอกะอีกด้วย

 

POTATO FARM มันฝรั่งของฝากจากเกาะฮอกไกโด
[info-w””] www.calbee.co.jp/potatofarm

Instagram @potatofarm_hokkaido_calbee_jp

เที่ยวฮอกไกโด “Maido” ชิมเต้าหู้โฮมเมดที่ร้านอาหารทะเลและอาหารย่างถ่าน สถานีซัปโปโร

เที่ยวฮอกไกโด แนะนำร้านอร่อย ซัปโปโร เมนูแนะนำของร้าน

เที่ยวฮอกไกโด เมืองซัปโปโร ตะลุยชิมอาหารญี่ปุ่น วันนี้ทีมงาน DPlus Guide พามาแนะนำร้านอาหารใกล้ๆ สถานีซัปโปโร ร้าน Maido ร้านอาหารทะเลที่คัดวัตถุดิบจากทะเลสดใหม่ทุกวัน มีเมนูให้เลือกมากมายในราคาสมเหตุสมผล ในส่วนของเมนูซาชิมิ (ปลาดิบ) ที่เสิร์ฟในเรือนี้ ก็เป็นเมนูขึ้นชื่อที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอเลยค่ะ

เที่ยวฮอกไกโด "Maido" ชิมเต้าหู้โฮมเมดที่ร้านอาหารทะเลและอาหารย่างถ่าน สถานีซัปโปโร
พนักงานจะคอยต้อนรับและให้บริการอย่างดี
เที่ยวฮอกไกโด แนะนำร้านอร่อย ซัปโปโร เมนูแนะนำของร้าน "Maido" ร้านอาหารทะเลและอาหารย่างถ่าน ที่ซัปโปโร
ซาชิมิ (ปลาดิบ) และอาหารทะเล จัดมาอย่างเต็มที่ ใครๆ ก็อยากจะสั่ง !!

นอกจากอาหารทะเลที่สดใหม่แล้ว ทางร้านยังมีเมนูเต้าหู้โฮเมดที่ใช้นมถั่วเหลืองฮอกไกโดแท้ๆ ผสมกับน้ำนิการิธรรมชาติทำให้ได้เต้าหู้โฮมเมดที่สด อร่อย  และยังมีเต้าหู้ที่จะทำใหม่ๆ เมื่อลูกค้าสั่งก็เป็นอีกเมนูที่นิยมเช่นกัน

เที่ยวฮอกไกโด แนะนำร้านอร่อย ซัปโปโร เมนูแนะนำของร้าน "Maido" มีเสิร์ฟเต้าหู้โฮมเมดด้วย
เต้าหู้ที่จะทำเมื่อมีลูกค้าสั่ง เป็นเมนูขึ้นชื่อของที่ร้าน Mido

ร้านนี้มี 2 สาขาคือที่สถานีรถไฟซัปโปโรและสถานีรถไฟซูซูกิโนะ

Maido อาหารทะเลและอาหารย่านถ่าน และเต้าหู้โฮมเมด
[info-t “”] 17:00 – 01:00 น.
[info-d “”] เดินจากสถานีรถไฟ JR Sapporo ประมาณ 3 นาที
[info-g “”] 43.063968, 141.351594 (สาขาสถานีรถไฟซัปโปโร)

เที่ยวฮอกไกโด จิบ ชิม แกล้ม Sanchi Chokusou Hokkaido ร้านอาหารใกล้สถานีซัปโปโร

เที่ยวฮอกไกโด แนะนำร้านอาหาร ร้านอาหารสไตล์อิซากายะ Sanchi Chokusou Hokkaido ใกล้สถานีซัปโปโร

วันนี้ทีมงาน DPlus Guide ขอแนะนำร้านอาหารที่ใกล้กับสถานีรถไฟซัปโปโรค่ะ นั่นก็คือ ร้าน Sanchi Chokusou Hokkaido (ซังจิโฉะคุโซฮอกไกโด) เป็นร้านอาหารทะเลแบบอิซากายะ (ขายเครื่องดื่มพร้อมทั้งกับแกล้ม และอาหารอื่นๆ) ซึ่งเป็นที่นิยมของคนในพื้นที่ อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟซัปโปโรเดินมาแค่ 1 นาที

เที่ยวฮอกไกโด แนะนำร้านอาหาร ร้านอาหารสไตล์อิซากายะ Sanchi Chokusou Hokkaido ใกล้สถานีซัปโปโร
มีห้องส่วนตัวมากถึง 46 ห้อง จะมาเป็นกรุ๊ปก็ไม่มีปัญหา

ทุกวันๆ ทางร้านจะซื้ออาหารทะเลสดๆ จากตลาดและชาวประมง คัดสรรวัตถุดิบชั้นดีจากหลายพื้นที่เพื่อให้ได้รสชาติแท้จริงของฮอกไกโด นอกจากนี้ ทางร้านยังซื้อผักสดจากเกษตรกรโดยตรง ทำให้ลูกค้าได้ทานอาหารที่สดและราคาเหมาะสม

เที่ยวฮอกไกโด แนะนำร้านอาหาร ร้านอาหารสไตล์อิซากายะ Sanchi Chokusou Hokkaido ใกล้สถานีซัปโปโร
นอกจากอาหารทะเลสดๆ แล้ว ยังมีเมนูให้เลือกสั่งมากมาย เช่น เนื้อเจงกิสข่าน ซูชิ เท็มปุระ เป็นต้น

ร้านนี้มีขนาดใหญ่รองรับได้ถึง 500 ที่นั่ง มีห้องส่วนตัวถึง 46 ห้อง โดยจะตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่น มีการตีกลองญี่ปุ่นต้อนรับเมื่อลูกค้าเข้าร้านด้วย

เที่ยวฮอกไกโด แนะนำร้านอาหาร ร้านอาหารสไตล์อิซากายะ Sanchi Chokusou Hokkaido ใกล้สถานีซัปโปโร
พนักงานในชุดสไตล์ญี่ปุ่นจะดูแลทุกท่านด้วยความยินดี

 

ร้านอาหารใกล้สถานีซัปโปโร Sanchi Chokusou Hokkaido
[info-t “”] 17:00 – 24:00 น.
[info-d “”] เดินจากสถานีรถไฟ JR Sapporo เพียง 1 นาที
[info-w “”] http://sanchichokuso-hokkaido.com/english.php
[info-g “”] 43.068704, 141.354635

เที่ยวฮอกไกโด แนะนำที่พัก BEST WESTERN Hotel Fino Sapporo ใกล้สถานีรถไฟซัปโปโร 2 นาที!

ด้านในโรงแรม BEST WESTERN Hotel Fino Sapporo ใกล้สถานีรถไฟซัปโปโร

ทีมงาน DPlus Guide ได้เคยแนะนำโรงแรมใกล้แห่งช้อปปิ้งในเมืองซัปโปโร (Sapporo) กันไปแล้ว มาครั้งนี้ ขอแนะนำโรงแรมที่พักใกล้สถานีรถไฟหน่อยนะคะ

รีวิว โรงแรม BEST WESTERN Hotel Fino Sapporo ใกล้สถานีรถไฟซัปโปโร
เดินตรงมาจากทางออกทิศเหนือของสถานีรถไฟซัปโปโรจะมองเห็นโรงแรมได้ทันที

นี่เลย… โรงแรม BEST WESTERN Hotel Fino Sapporo อยู่ห่างจากสถานีรถไฟซัปโปโรแค่ 2 นาที

เมื่อเข้าไปที่ล็อบบี้จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความอบอุ่นและกลิ่นอโรม่าหอมๆ ผ่อนคลาย ทางโรงแรมมีห้องพักหลายแบบด้วยกัน และมี Ladies Room ซึ่งจะเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ชุดคลุมอาบน้ำ, เครื่อง Night Steamer ของ Panasonic หรือผลิตภัณฑ์ของ POLA ซีรีส์ “Detaille la Maison” ไว้ให้บริการด้วย

รีวิวที่พัก เที่ยวฮอกไกโด โรงแรม BEST WESTERN Hotel Fino Sapporo ใกล้สถานีรถไฟซัปโปโร
ห้องพักที่โรงแรม BEST WESTERN Hotel Fino Sapporo กว้างขวาง สะดวกสบาย ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางท่องเที่ยว
รีวิวที่พัก เที่ยวฮอกไกโด โรงแรม BEST WESTERN Hotel Fino Sapporo ใกล้สถานีรถไฟซัปโปโร
ตกแต่งห้องพักด้วยโทนสีสบายตาให้ความรู้สึกสงบและสบาย
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก โรงแรม BEST WESTERN Hotel Fino Sapporo ผลิตภัณฑ์ของ POLA ซีรีส์ "Detaille la Maison"
ผลิตภัณฑ์ของ POLA ซีรีส์ “Detaille la Maison” เฉพาะห้อง Ladies Room ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก

ถ้าต้องการหาข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องการท่องเที่ยวหรือท่องโซเชียล ที่ล็อบบี้มีเครื่องคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ใช้งานได้ฟรี รวมถึงที่ห้องพักก็จะมีสาย LAN ไว้ให้ใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับโน้ตบุ๊กอีกด้วย

รีวิวที่พัก เที่ยวฮอกไกโด โรงแรม โรงแรม BEST WESTERN Hotel Fino Sapporo
บรรยากาศอบอุ่นของล็อบบี้ที่ตกแต่งด้วยไม้ผสานกับกลิ่นอโรม่าหอมๆ ซึ่งเป็นกลิ่นออริจินัลของโรงแรม (อโรม่ากลิ่นออริจินัลของทางโรงแรมมีจำหน่ายเป็นของที่ระลึกด้วย สามารถติดต่อได้ที่ฟร้อนท์นะคะ)

ที่ห้องอาหารชั้น 14 ซึ่งอยู่บนสุด สามารถชมวิวไปพร้อมกับทานอาหารเช้าและกลางวันสไตล์บุฟเฟต์ ซึ่งปรุงขึ้นด้วยวัตถุดิบในท้องถิ่มที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี

ร้านอาหารอยู่ที่ชั้น 14 โรงแรม BEST WESTERN Hotel Fino Sapporo
ชมวิวสวยๆ และทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ ที่ห้องอาหารชั้นบนสุดของโรงแรม

เที่ยวญี่ปุ่น แนะนำที่พัก BEST WESTERN Hotel Fino Sapporo ใกล้สถานีรถไฟซัปโปโร 2 นาที !!
[info-t “”] Check-in 15:00 น. Check-out 10:00 น.
[info-p “”] ใช้บัตรเครดิตได้ (VISA, Master, AMEX, JCB)
[info-d “”] เดินจากทางออกทิศเหนือของสถานีรถไฟซัปโปโร 2 นาที
[info-w “”] www.bwhotels.jp/finosapporo
[info-g “”] 43.070894, 141.349072

เที่ยวญี่ปุ่น Hotel Clubby Sapporo ที่พักแนะนำ ใกล้แหล่งช้อปปิ้งซัปโปโร

เที่ยวญี่ปุ่น Hotel Clubby Sapporo ที่พักแนะนำ ใกล้แหล่งช้อปปิ้งซัปโปโร

ช่วงนี้ทีมงาน DPlus Guide เห็นคนไทยไปเที่ยวฮอกไกโด และเที่ยวเมืองซัปโปโร (Sapporo) กันเยอะมาก เลยจะขอแนะนำที่พักใกล้แห่งช้อปปิ้งสักหน่อย นั่นก็คือ โรงแรม Hotel Clubby Sapporo นั่นเองค่ะ

เที่ยวญี่ปุ่น Hotel Clubby Sapporo ที่พักแนะนำ ใกล้แหล่งช้อปปิ้งซัปโปโร
บรรยากาศสบายๆ ของโรงแรม Hotel Clubby Sapporo ที่จะช่วยให้ผ่อนคลายยามพักผ่อน
รีวิวด้านในโรงแรม Hotel Clubby Sapporo ที่พักแนะนำ ใกล้แหล่งช้อปปิ้งซัปโปโร
ห้องพักกว้างขวางใหญ่กว่าค่าเฉลี่ยของโรงแรมอื่นๆ ในซัปโปโรถึง 1.5 เท่า และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

โรงแรม Hotel Clubby Sapporo อยู่ติดกับ Sapporo Factory ซึ่งเป็นช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ที่ได้รับความนิยม และมีการจัดอีเวนต์ตามฤดูกาลต่างๆ เราจึงสามารถแวะเที่ยวชมก่อนเข้าที่พักได้ พิกัดอยู่ไม่ไกลจาก หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower) , หอส่งทีวีซัปโปโร (Sapporo TV Tower) และ สวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park) ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมืองซัปโปโร

โรงแรมสวย สะอาด ห้องพักมีขนาดใหญ่ทำให้พักผ่อนได้อย่างสบาย ไม่อึดอัด มี Wi-Fi ให้ใช้ฟรี มีบริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ โดยเมนูอาหารต่างๆ จะใช้วัตถุดิบในฮอกไกโดที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน

รีวิวโรงแรม Hotel Clubby Sapporo มีคนมาถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย
Sapporo Factory เป็นอีกจุดหนึ่งที่นิยมมาถ่ายภาพกัน

 

เที่ยวญี่ปุ่น Hotel Clubby Sapporo ที่พักแนะนำ ใกล้แห่งช้อปปิ้งซัปโปโร
[info-t “”]Check-in 13:00 น. Check-out 11ซ00 น.
[info-p “”]ใช้บัตรเครดิตได้ (VISA, Master, AMEX, JCB)
[info-d “”]เดิน 5 นาทีจากทางออกหมายเลข 7 ของสถานีรถไฟใต้ดิน Bus Center Mae สาย Tozai Line
[info-w “”] http://sapporofactory.jp/clubby
[info-g “”] 43.064974, 141.360548

3 สุดยอดตึกระฟ้าใหม่ย่าน Pudong วิวที่พลาดไม่ได้ของเมืองเซี่ยงไฮ้

ขอบฟ้าใหม่ของเซี่ยงไฮ้ 2016 จากหอไข่มุกซ้ายสุด ไปถึง 3 ตึกขวาสุดคือ จินเม่า ตึกที่เปิดขวด และเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์

อัพเดทข่าวเที่ยวจีน งานนี้คนรักการถ่ายภาพตึกอันทันสมัยและขอบฟ้ายุคใหม่ไฮโซพลาดไม่ได้ กับ 3 ตึกขอบฟ้าใหม่ของเมืองเซี่ยงไฮ้ จุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด!

จุดชมวิว ย่านผู่ตง เซี่ยงไฮ้ ขอบฟ้าใหม่ของเซี่ยงไฮ้ 2016 จากหอไข่มุกซ้ายสุด ไปถึง 3 ตึกขวาสุดคือ ตึกจินเม่าทาวเวอร์ (Jinmao Tower หรือ Jinmao88) ตึกที่เปิดขวด (Shanghai World Financial Center เรียกย่อๆ ว่า SWFC) และเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ (Shanghai Tower)
จุดชมวิวเมืองจีน รวมตึกระฟ้า ขอบฟ้าใหม่ของเซี่ยงไฮ้ 2016 จาก หอไข่มุก (Oriental Pearl Tower)ซ้ายสุด ไปถึง 3 ตึกขวาสุดคือ ตึกจินเม่าทาวเวอร์ (Jinmao Tower หรือ Jinmao88) ตึกที่เปิดขวด (Shanghai World Financial Center เรียกย่อๆ ว่า SWFC) และเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ (Shanghai Tower) (ภาพจาก Wikipedia)

ตัวเมืองเซี่ยงไฮ้แต่เดิมนั้นอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำหวงผู่ หรือเรียกว่าฝั่ง “ผู่ซี” (Puxi) ส่วนฝั่งขวาหรือฝั่งตะวันออกที่เรียกว่า “ผู่ตง” (Pudong) นั้นแต่เดิมเป็นพื้นที่เกษตรกรรม แต่เมื่อรัฐบาลต้องการขยายเมืองก็ได้ริเริ่มสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ จนกลายเป็นแหล่งธุรกิจการค้าและศูนย์กลางการเงินที่สำคัญ เช่นเดียวกับย่าน Central ของฮ่องกงนั่นเอง

ฝั่งเมืองเก่าผู่ซี (Puxi) มองเห็นกลุ่มอาคารประวัติศาสตร์ Waiton หรือบริเวณที่เรียกว่า The Bund นั่นเอง
ฝั่งเมืองเก่าผู่ซี (Puxi) มองเห็นกลุ่มอาคารประวัติศาสตร์ Waiton หรือบริเวณที่เรียกว่า The Bund นั่นเอง
Superbrand Mall ศูนย์การค้าของบริษัทพัฒนาที่ดินในเครือ CP ใจกลางย่านผู่ตง (Pudong) อยู่ใกล้ๆ กับจุดชมวิว ย่านตึกของผู่ตง
Superbrand Mall ศูนย์การค้าของบริษัทพัฒนาที่ดินในเครือ CP ใจกลางย่านผู่ตง (Pudong)

โครงสร้างสูงทันสมัยและตึกสูงระฟ้าผุดขึ้นอย่างรวดเร็วจนภายในยี่สิบปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนแปลงทัศนียภาพของเซี่ยงไฮ้ไปค่อนข้างมาก เริ่มจาก “หอไข่มุกตะวันออก” (Oriental Pearl Tower) สูง 428 ม. ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหวงผู่ฝั่งตะวันออก (ผู่ตง) และกลายเป็นสัญลักษณ์ของเซี่ยงไฮ้ไปแล้ว ตามมาด้วยตึกระฟ้าชุดใหญ่อีกนับสิบ โดยปัจจุบันมี 3 ตึกที่จัดว่าสูงที่สุด และแต่ละตึกก็ครองตำแหน่งตึกที่สูงที่สุดของประเทศจีนในช่วงเวลาที่เพิ่งสร้างเสร็จ ดังนี้

จุดชมวิว ย่านผู่ตง เซี่ยงไฮ้ 3 สุดยอดตึกระฟ้าใหม่ย่าน Pudong วิวที่พลาดไม่ได้ของเมืองเซี่ยงไฮ้
ตึกเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ มองผ่านช่องระหว่างตึกแฝด IFC ย่านผู่ตง (Pudong)

1.”จินเม่าทาวเวอร์” (Jinmao Tower หรือ Jinmao88)

“จินเม่าทาวเวอร์” (Jinmao Tower หรือ Jinmao88) สูงราว 420 ม. มี 88 ชั้น (ห้องชมวิวอยู่ชั้น 87) ลักษณะเด่นคือผสมผสานเส้นรอบวงแบบเจดีย์ของจีนที่ยักเยื้องเป็นเหลี่ยมมุมจำนวนมากเข้ากับโครงสร้างตัดขวางทุกชั้น

แผนที่ตึกจินเม่าทาวเวอร์ (Jinmao Tower หรือ Jinmao88)

2. Shanghai World Financial Center (SWFC)

ตามมาด้วยตึก Shanghai World Financial Center (SWFC) สูงราว 500 ม. มี 101 ชั้น (ห้องชมวิวอยู่ชั้นที่ 100) ลักษณะเด่นของตึกนี้คือมียอดตึกเป็นช่องเปิดรูปสี่เหลี่ยม (แต่เดิมออกแบบเป็นวงกลมโดยได้แรงบันดาลใจจากประตูวงเดือน หรือประตูบ้านแบบจีน แต่กลัวจะดูเป็นอาทิตย์อุทัยแบบญี่ปุ่นเกินไปเลยมีการเปลี่ยนแบบเป็นช่องสี่เหลี่ยมแทน) ทำให้คนทั่วไปเรียกกันว่าเป็น “ตึกที่เปิดขวด” ก็เพราะไอ้เจ้าช่องเปิดบนยอดที่เหมือนกับที่เปิดขวดนี่เอง

แผนที่ตึกที่เปิดขวด (Shanghai World Financial Center หรือ SWFC)

3. “เซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์” (Shanghai Tower)

และล่าสุดคือตึก “เซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์” (Shanghai Tower) ตึกรูปเกลียวที่สูงกว่า 632 ม. มี 128 ชั้น (จุดชมวิวอยู่ชั้น 119) จัดเป็นอันดับสองของโลก (รองจาก ตึก Burj Dubai ที่สูงกว่า 700 เมตร อยู่กลางทะเลทรายของดูไบ) คิดง่ายๆ ว่าสูงเท่ากับ หอคอยโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) ที่ญี่ปุ่น แต่เป็นอาคารสำนักงานที่มีพื้นที่ใช้งานทุกชั้น คนละรูปแบบกับหอคอยที่มีแต่ชั้นบนสุดเพียงไม่กี่ชั้นแบบหอคอยโตเกียวสกายทรี

แผนที่ตึกเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ (Shanghai Tower)

ตึกเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ (Shanghai Tower) นี้เพิ่งจะสร้างเสร็จและกำลังจะเริ่มเปิดใช้งานในเร็วๆ นี้ ดังนั้นปัจจุบัน (กรกฎาคม 2016) ตึกที่สูงที่สุดที่มีเปิดให้ขึ้นไปชมวิวได้ ยังคงเป็นตึก Shanghai World Financial Center (SWFC) หรือตึกที่เปิดขวดของเรานี่เอง ส่วนตึกเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์นั้นคงอีกไม่นาน แต่ถ้าใครขึ้นตึกไหนก็ย่อมจะไม่ได้เห็นตึกนั้นเอง ดังนั้นถ้าอยากจะเห็นครบทั้งสามตึกพร้อมๆ กันคงต้องเปลี่ยนไปขึ้นชมวิวจาก “หอไข่มุกตะวันออก” ที่อยู่ใกล้ๆ กันแทนครับผม :)

***คำแนะนำ : ถ้าจะถ่ายภาพวิวตึกเซี่ยงไฮ้ตรงนี้ให้สวย ขอแนะนำให้ไปช่วงบ่าย เพราะช่วงเช้าจากหอไข่มุกมองไปทาง 3 ตึกนี้จะย้อนแสงเต็มๆ***

สุวรรณภูมิเฟส 2 ได้ผู้รับเหมาแล้ว กำลังจะมีอะไรใหม่ มาดูกัน!

สุวรรณภูมิเฟส 2 ได้ผู้รับเหมาแล้ว จะมีอะไรใหม่ มาดูกัน!

โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะ 2 ล่าสุดได้ผู้รับเหมาแล้ว เรามาดูกันดีกว่าจะมีอะไรใหม่?

หลังจากเปิดซองประมูลงานจ้างก่อสร้างภายใต้โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะ 2 หรือ “สุวรรณภูมิเฟส 2” กันไปแล้ว เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เผยผลประมูลออกมาแล้วว่า ผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดได้แก่ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ที่ราคา 12,050 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

ซึ่งการประมูลครั้งนี้เป็นการประมูลเพื่อหาผู้รับจ้างก่อสร้าง โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะ 2 แต่ละส่วน ซึ่งจะสร้างเพิ่มจากเดิม ดังนี้

สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 อาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) คาดว่าแล้วเสร็จปี 2562

สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 อาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) คาดว่าแล้วเสร็จปี 2562

– อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ในอนาคตทั้งอาคารจะมี 4 ชั้น พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 216,000 ตารางเมตร เกตภายในอาคารจะเชื่อมต่อกับลานจอดเครื่องบิน ซึ่งเป็นหลุมจอดเครื่องบินแบบประชิดอาคาร 28 หลุมจอด จะมีการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการบินอย่างครบถ้วน มีทั้งสะพานเทียบเครื่องบิน ระบบ Docking Guidance (ระบบหน้าจอช่วยอำนวยความสะดวกขณะเครื่องบินลงจอด), Gate Assignment (ระบบจัดการเครื่องบินสำหรับแต่ละประตูทางออก), ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบสายพานลำเลียงสัมภาระซึ่งเชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสารหลักและอาคารเทียบเครื่องบินรอง

สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 อาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) คาดว่าแล้วเสร็จปี 2562

– ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ที่จะมีที่จอดเครื่องบิน จำนวน 28 หลุมจอด ซึ่งทั้งหมดเป็นหลุมจอดประชิดอาคารสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ รองรับเครื่องบินขนาดแอร์บัส A–380 ถึง 8 หลุมจอด และเครื่องบินขนาดโบอิ้ง B-747 จำนวน 20 หลุมจอด พร้อมระบบทางขับเพื่อเข้าสู่ลานจอดและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมพื้นที่ลานจอดถึง 960,000 ตารางเมตร

สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 ส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ และระบบขนส่งผู้โดยสาร คาดว่าแล้วเสร็จปี 2562

– ส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ และระบบขนส่งผู้โดยสาร จะทำอุโมงค์มายังอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และจะลอดลานจอดอากาศยานและทางขับเดิม พร้อมทั้งติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารเชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับผู้โดยสารที่จะใช้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรอง

ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และลดความแออัดของผู้โดยสาร จากเดิมที่รองรับผู้โดยสารได้เพียง 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี และจะรองรับเที่ยวบินได้มากขึ้น จากเดิม 68 เที่ยวบิน/ชั่วโมง หลังก่อสร้างแล้วเสร็จจะรองรับได้เพิ่มขึ้นเป็น 98 เที่ยวบิน/ชั่วโมง คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ในวันที่ 15 สิงหาคม 2559 และจะแล้วเสร็จในปี 2562

ขอบคุณภาพจาก www.suvarnabhumiairport.com

รีบมาดูก่อนไม่มีให้ดู! เสาหิน “12 Apostles” แห่งชายฝั่งเมลเบิร์น มรดกจากยุคโบราณกาล

อาทิตย์อัสดงบริเวณชายฝั่งเมลเบิร์น ที่เสาสิบสองต้น

ชวนมาดู 12 Apostles แห่งชายฝั่งเมลเบิร์น เสาหินปูนธรรมชาติอันโด่งดัง สถานที่ท่องเที่ยวสวยงามสุดยอดของประเทศออสเตรเลีย เดิมทีบริเวณนี้มีเสาหินอยู่ 9 ต้น แต่เมื่อปี 2005 ที่ผ่านมาได้ถูกน้ำกัดกร่อนจนเสาหินโค่นลงเหลือเพียง 8 ต้นเท่านั้น (หว่าย~!) รู้แบบนี้ต้องรีบไปดูแล้วละ!

เที่ยวออสเตรเลีย เสาหิน 2 ต้นจาก 8 ต้นที่เหลืออยู๋ของ "12 Apostles" (เดิมทีมีเสาหินแค่ 9 ต้น ไม่ใช่ 12 ต้นตามในชื่อ)
เสาหิน 2 ต้นจาก 8 ต้นที่เหลืออยู๋ของ “12 Apostles” (เดิมทีมีเสาหินแค่ 9 ต้น ไม่ใช่ 12 ต้น แม้ในชื่อจะมีเลข 12 แต่อย่าโดนชื่อหลอกเอาละ!)
เสาในกลุ่ม 12 Apostles มองจากมุมต่ำระดับชายหาด
เสาหินในกลุ่ม 12 Apostles มองจากมุมต่ำระดับชายหาด
เที่ยวออสเตรเลีย อาทิตย์ตกที่ 12 Apostles มองจากริมถนน Great Ocean Rd., Australia
อาทิตย์ตกที่ 12 Apostles มองจากริมถนน Great Ocean ออสเตรเลีย

12 Apostles กลุ่มเสาหินปูนขนาดยักษ์ที่เรียงรายกันิอยู่นอกชายฝั่งเมืองเมลเบิร์น เมืองหลวงของรัฐ Victoria ทางตอนใต้ของ ประเทศออสเตรเลีย จัดว่าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่ที่ใครมาถึงแล้วต้องหาโอกาสไปชม เสาหินนี้ตั้งเรียงรายกันเป็นกลุ่มอยู่ในทะเล สันนิษฐานว่าเกิดจากการกัดกร่อนของลมและน้ำนับร้อยนับพันปีจนเขาหินปูนชายฝั่งกลายเป็นโพรง เกิดเป็นถ้ำ แล้วถ้ำก็ยุบตัวลงเหลือแต่โครงเสาหินในเวลาต่อมา

แต่เดิมตอนต้นศตวรรษที่ 20 หรือราวร้อยปีก่อน แถบที่ตั้งกลุ่มเสาเหล่านี้​รู้จักกันในชื่อ Sow and Piglets (แม่หมูกับลูกหมู) ซึ่ง Sow (แม่หมู) ที่ว่าหมายถึงเกาะ Mutton Bird Island และ Piglets (ลูกหมู) ก็คือกลุ่มเสาหินเล็กๆ ที่อยู่ถัดไปทางตะวันตก (ใกล้ๆ Loch Ard Gorge) ต่อมามีการตั้งชื่อกลุ่มเสาหินขนาดใหญ่ที่อยู่ถัดมาทางตะวันออกราว 2 กม. ว่า “12 Apostles” หมายถึงสาวกทั้ง 12 คนของพระเยซูที่ร่วมโต๊ะเสวยมื้อสุดท้ายหรือ The Last Supper (ทั้งๆ ที่มีเสาอยู่เพียง 9 ต้นเท่านั้น) เพื่อสร้างความน่าสนใจในเชิงการท่องเที่ยว

น่าเสียดายว่าด้วยอัตราการกัดกร่อนที่สูงถึงราว 2 ซม. ต่อปี ทำให้ช่วงกลางของเสาเหล่านี้คอดลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็มีต้นหนึ่งที่สูงถึง 50 ม. หักโค่นลงในปี 2005 ในปัจจุบันจึงเหลือเพียง 8 ต้นเท่านั้น

กลุ่มเสานี้อยู่ในเขต Twelve Apostel Marine National Park ริมถนนเสาย Great Ocean Rd. เลียบฝั่งทะเลไปทางตะวันตกของเมืองเมลเบิร์น ห่างจากตัวเมืองราว 200 กม. เศษๆ ใช้เวลาขับรถราว 3 ชั่วโมง

สถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้เคียงยังมีกลุ่มเสาหินปูนและโตรกผาที่เกิดจากการกัดเซาะในลักษณะคล้ายกันอีกหลายแห่ง ตั้งชื่อเรียกต่างๆ กัน เช่น London Bridge (หน้าผาเป็นเนินลาดคล้ายสะพานแต่ขาดช่วง เหมือนสะพานลอนดอนที่พังลงมา แบบในเพลง “London Bridge is falling down” ) ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น London Arch แทน หรือ Gibson Steps ที่เป็นหน้าผาที่ถูกกัดเซาะจนเป็นชั้นๆ ราวกับขั้นบันได และ Loch Ard Gorge โตรกผาที่ถูกกัดเซาะเข้ามาจนเกิดเป็นทะเลสาบ (lagoon) เล็กๆ เป็นต้น

ที่ตั้งของ 12 Apostles (ศูนย์ต้อนรับนักท่องเที่ยว 12 Apostles)
[info-g “”] -38.662093, 143.105100

เรื่องและภาพ: DPlus Guide Team

เที่ยวโตเกียวให้เฟี้ยว ล่องเรือ TOKYO CRUISE ตะลุยโอไดบะ แล้วไปเดินข้ามสะพานสายรุ้งกันเถอะ

เที่ยวโตเกียวให้เฟี้ยว ล่องเรือ TOKYO CRUISE ตะลุยโอไดบะ แล้วไปเดินข้ามสะพานสายรุ้งกันเถอะ

หนึ่งในสีสันของการเที่ยวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก็คือการไปเที่ยว เกาะโอไดบะ เกาะแห่งความล้ำสมัยในโตเกียวซึ่งสร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ เกาะแห่งนี้เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วย สะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) ซึ่งเพื่อนๆ ทราบไหมคะ ว่าเจ้าสะพานสายรุ้งนี้ เราสามารถเดินข้ามได้ด้วย!

วันนี้พวกเราทีมงาน DPlus Guide จึงขอแนะนำทริปตะลุยโอไดบะสั้นๆ สำหรับคนเที่ยวโตเกียว ซึ่งเราสามารถแบ่งเวลาไว้เที่ยวตามแพลนนี้ได้หมดภายในวันเดียว (One day trip) เราจะได้เดินทางไปชมรูปปั้นจำลองเทพีเสรีภาพและสะพานสายรุ้งโดยการล่องเรือ TOKYO CRUISE จากนั้นก็ไปเดินข้ามสะพานสายรุ้งกันค่ะ! แค่คิดก็น่าสนุกแล้วใช่ไหม ตามพวกเรามาเลย!

การเดินทางไปเที่ยวชมรูปปั้นจำลองเทพีเสรีภาพและไปสะพานสายรุ้งที่โอไดบะมีหลายวิธี ไม่ว่าจะ ทางรถไฟ โดยนั่งรถไฟสายยูริคาโมเมะ (Yurikamome Line) เริ่มจากสถานีชิมบาชิ (Shimbachi Station) ไปสถานีโอไดบะไคฮินโคเอ็น (Odaiba Kaihin Koen) หรือจะเดินทางโดยการ ล่องเรือ TOKYO CRUISE ก็ได้ ในทริปเที่ยวโตเกียวทริปนี้เราเลือกวิธีเดินทางโดยการล่องเรือ TOKYO CRUISE ค่ะ เพราะจะได้ชมวิวทิวทัศน์สวย ๆ ข้างทางระหว่างอ่าวโตเกียวด้วย

วิธีการเดินทางไปท่าเรือ TOKYO CRUISE ก็ไม่ยาก จากสถานีใต้ดิน Asakusa เดินมาเพียง 1 นาที ออฟฟิศขายตั๋วและจุดขึ้นเรือจะอยู่ใกล้ๆ กับสะพานแดงอะซุมะบาชิ (Azumabashi) เลย

เที่ยวโตเกียว นั่งเรือโดยสารชมวิวริมแม่น้ำสุมิดะ ท่าเรือ TOKYO CRUISE สาขา Asakusa
อาคารท่าเรือ TOKYO CRUISE สาขา Asakusa หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ อยู่ใกล้ๆ กับสะพานแดงอะซุมะบาชิ (Azumabashi) เลย มองเลยไปจะเห็นตึกฟองเบียร์ Asahi Beer Tower และตึกรูปดวงไฟ Super Dry Hall อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ

บริการล่องเรือข้ามฟากชมวิวของ TOKYO CRUISE นั้น มีหลายเส้นทางให้เลือกค่ะ สำหรับการไปโอไดบะนั้น ต้องเลือกซื้อตั๋วที่เป็นเส้นทางจากท่าเรือ Asakusa ไปลงที่ท่าเรือ Odaiba Seaside Park ราคาค่าตั๋ว 1,560 เยน มีรอบเรือออกวันละ 4 เที่ยว คือ 10:00 น./ 13:25 น. / 15:25 น. / 17:20 น. สามารถซื้อตัวโดยการหยอดตู้ที่ท่าเรือได้เลย หรือถ้าใครงงก็สอบถามเจ้าหน้าที่ได้ เจ้าหน้าที่ท่าเรือที่นี่พร้อมให้ความช่วยเหลือค่ะ

ล่องเรือเที่ยวโตเกียว ตู้ขายบัตรอัตโนมัติของ TOKYO CRUISE
ตู้ขายบัตรอัตโนมัติของ TOKYO CRUISE หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ มีพนักงานคอยช่วยอธิบายด้วย สบายหายห่วง

แนะนำให้ไปก่อนเวลาเรือออกสักเล็กน้อยเพื่อจะได้เข้าไปรอที่ด้านในอาคารท่าเรือ บริเวณชั้นสองจะมีห้องกระจกให้ชมวิวฝั่งตรงข้าม ซึ่งจะเห็นแลนด์มาร์กของการท่องเที่ยวโตเกียวนยอดนิยมอย่าง หอคอย Tokyo Skytree และตึกฟองเบียร์ Asahi Beer Tower และตึกรูปดวงไฟ Super Dry Hall ดูเด่นเป็นสง่า เป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมเลยค่ะ

เที่ยวโตเกียว ชมวิวจากฝั่งอาคาร TOKYO CRUISE
วิวจากฝั่งอาคาร TOKYO CRUISE มองเห็นตึกฟองเบียร์ Asahi Beer Tower (ซ้าย) และตึกรูปดวงไฟ Super Dry Hall (ขวา) ริมแม่น้ำสุมิดะด้วยค่ะ
ล่องแม่น้ำเที่ยวโตเกียว หน้าตาเรือของ TOKYO CRUISE ที่จะพาข้ามฟากไปยังที่ต่างๆ
หน้าตาเรือของ TOKYO CRUISE ที่จะพาข้ามฟากจากอาสะกุสะไปโอไดบะเป็นแบบนี้ค่ะ หรูหราทีเดียว
เที่ยวโตเกียว นั่งเรือไปโอไดบะ ด้วย TOKYO CRUISE
บรรยากาศในเรือระหว่างเดินทางไปสู่โอไดบะ!

เมื่อเรือออกใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที ก็จะถึงโอไดบะ! เมื่อถึง ท่าเรือ Odaiba Sea Side Park ซึ่งเป็นจุดลงเรือปุ๊บ ก็สามารถเห็นภาพบรรยากาศสวย ๆ ของสะพานสายรุ้งที่มองจากเกาะโอไดบะได้ทันที

จากท่าเรือ Odaiba Sea Side Park จะเห็นแหล่งท่องเที่ยวโอไดบะมากมาย
ถึงโอไดบะแล้วจร้า~ จากท่าเรือ Odaiba Sea Side Park หันเข้าไปทางเกาะจะเห็นแหล่งท่องเที่ยวโอไดบะมากมาย
ที่เที่ยวโตเกียว สะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) อันโด่งดังที่เชื่อมต่อเกาะโอไดบะกับแผ่นดินใหญ่
สะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) อันโด่งดังที่เชื่อมต่อเกาะโอไดบะกับแผ่นดินใหญ่
เที่ยวโตเกียว เทพีเสรีภาพ แลนด์มาร์กของการเที่ยวโอไดบะ
เทพีเสรีภาพ แลนด์มาร์กเกร๋ๆ ของการเที่ยวโอไดบะ

หากต้องการภาพวิวเทพีเสรีภาพยืนเด่นเป็นสง่าและมีแบ็คกราวน์ด้านหลังเป็นสะพานสานสายรุ้ง ซึ่งเป็นวิวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวและช่างภาพเมื่อมาถึงที่นี่ ก็ต้องเดินขึ้นไปที่ห้าง AQUA CiTY ODAIBA แล้วเดินเลียบหน้าตัวอาคารไปเรื่อยๆ จะมีสะพานเชื่อมต่อระหว่างห้าง AQUA CiTY ODAIBA กับ โรงแรม Hotel Nikko Tokyo จุดนี้จะได้ภาพวิวเทพีเสรีภาพที่มีแบ็คกราวน์เป็นสะพานสายรุ้งดูสวยงามมาก

เที่ยวโตเกียว เทพีเสรีภาพที่ด้านหลังมีวิวสะพานสายรุ้ง แลนด์มาร์กเกร๋ๆ ของการเที่ยวโอไดบะ
เทพีเสรีภาพที่มีฉากหลังเป็นสะพานสายรุ้ง มุมยอดฮิตของนักท่องเที่ยวและช่างภาพเลยละ
เที่ยวโตเกียว เทพีเสรีภาพที่ด้านหลังมีวิวสะพานสายรุ้ง เวอร์ชั่นกลางคืน แลนด์มาร์กเกร๋ๆ ของการเที่ยวโอไดบะ
เทพีเสรีภาพที่มีฉากหลังเป็นสะพานสายรุ้ง เวอร์ชั่นตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบ

รูปจำลองเทพีเสรีภาพนี้เป็นแบบจำลองเดียวกันกับที่ฝรั่งเศสสร้างเพื่อเป็นของขวัญให้แก่อเมริกาแต่มีขนาดเล็กกว่า ทางรัฐบาลฝรั่งเศสได้ส่งรูปปั้นเทพีเสรีภาพมาตั้งไว้ในญี่ปุ่นช่วงหนึ่งเพื่อฉลองความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ ต่อมารูปปั้นนี้เป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่น จึงได้สร้างขึ้นมาใหม่ตรงที่เดิม เสร็จเมื่อปี ค.ศ.2000 ปัจจุบันเทพีเสรีภาพเป็นที่นิยมสำหรับนำท่องเที่ยวกันเป็นอย่างมาก

จุดถ่ายรูปเทพีเสรีภาพที่มีแบ็คกราวน์เป็นสะพานสายรุ้ง
[info-g “”] 35.627418, 139.772193

 

เมื่อเราได้ภาพสวย ๆ ของมุมเทพีเสรีกันแล้ว เราสามารถแวะเที่ยว ช้อป ชมห้างร้านต่างๆ บริเวณชายฝั่งเกาะโอไดบะได้ เริ่มตั้งแต่ ห้าง AQUA CiTY ODAIBA ที่อยู่ใกล้ที่สุด (ถ่ายรูปเสร็จแล้วแค่หมุนตัวกลับหลังหันก็เจอห้างเลย) ที่นี่มีทีเด็ดที่ชั้น 5 มีพิพิธภัณฑ์ Sony ExploraScience ให้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีและทดลองสัมผัสนวัตกรรมใหม่ๆ ของ Sony นอกจากนี้ ที่ชั้น 7 ของห้าง ยังมีศาลเจ้า AQUA CiTY ODAIBA Shrine ที่คนญี่ปุ่นนิยมมาขอพรจากเทพเจ้าผู้ขับไล่สิ่งชั่วร้ายตั้งอยู่บนดาดฟ้าอีกด้วย

เที่ยวโอไดบะ ระเบียงหน้าห้าง AQUA CiTY ODAIBA จุดถ่ายรูปปั้นเทพีเสรีภาพกับสะพานสายรุ้ง
ระเบียงหน้าห้าง AQUA CiTY ODAIBA จุดถ่ายรูปปั้นเทพีเสรีภาพกับสะพานสายรุ้ง และเป็นห้างที่ใครมาเที่ยวโอไดบะจะต้องได้ผ่านอย่างแน่นอน

หรือจะแวะเที่ยว สถานีโทรทัศน์ Fuji TV ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ขึ้นชั้น 27 ไปห้องชมวิว Hachitama ที่สามารถเห็นวิวโตเกียวและโอไดบะได้ถึง 270 องศา ที่ชั้น 7 มีร้านให้คอการ์ตูนแวะไปฝากท้อง ที่ ONE PIECE RESTAURANT BARATIE ซึ่งเป็นร้านที่จำลองมาจากภัตตาคารของซันจิ จากการ์ตูนเรื่องวันพีซ ภายในอาคารสถานีโทรทัศน์ Fuji TV ยังมีร้านขายของที่ระลึก ร้านขนมและคาเฟ่ต่างๆ มากมาย

ถัดออกไป เมื่อเราเดินเลียบชายฝั่งโอไดบะไปเรื่อย ๆ จะเจอกับ ห้าง DECKS Tokyo Beach ที่นี่มี Odaiba Takoyaki Museum ที่รวมร้านทาโกะยากิชื่อดังเอาไว้ อยู่ที่ชั้น 4 และสำหรับคนชอบความสนุก ที่นี่ยังมี Tokyo Joypolis สวนสนุกและเกมเซ็นเตอร์สุดล้ำของบริษัทเกม SEGA, ธีมพาร์กของเลโก้ LEGOLAND Discovery Center Tokyo, พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง Madame Tussauds และ Tokyo Trick Art Museum รวมอยู่ในห้างนี้ห้างเดียว

แวะระหว่างทางเที่ยวโอไดบะจนจุใจแล้ว ทีนี้ก็มาถึงไฮไลท์ของเรา นั่นคือการเดินข้ามสะพานสายรุ้งค่ะ

 

เที่ยวญี่ปุ่น เที่ยวโอไดบะ สะพานสายรุ้ง Rainbow Bridge
สะพานสายรุ้ง หรือ Rainbow Bridge ในอีกมุมมอง

“สะพานสายรุ้ง” หรือ Rainbow Bridge แห่งนี้ เป็นสะพานแขวนเชื่อมต่อระหว่างเกาะโอไดบะกับกรุงโตเกียว ยามค่ำคืนจะเปิดไฟสีขาวสลับกับสีเขียวหรือสีชมพู ส่วนไฟสีรุ้งจะเปิดในช่วงที่มีเทศกาลสำคัญ ๆ เช่นปีใหม่ เป็นต้น

การเดินไปขึ้นสะพาน ถ้าอยู่ ณ จุดชมวิวเทพีเสรีภาพ จากตึก AQUA CiTY ODAIBA เดินเลียบชายฝั่งโอไดบะไปเรื่อย ๆ ประมาณ 1.1 กิโลเมตรกว่า ๆ ใช้เวลาประมาณ 15 -20 นาทีได้ (หรือถ้ามาจากห้าง DECKS Tokyo Beach ก็จะเป็นระยะทางประมาณ 700-800 เมตร) จะสังเกตเห็นป้อมเจ้าหน้าที่ตรงทางขึ้นสะพาน

เส้นทางเดินขึ้นสะพานสายรุ้ง
[info-g “”] 35.635302, 139.775637

เที่ยวโตเกียว บริเวณทางขึ้นสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) ที่โอไดบะ
เที่ยวโตเกียว บริเวณทางขึ้นสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) ที่โอไดบะ
เที่ยวโตเกียว เดินข้ามสะพานสายรุ้งที่โอไดบะ
เที่ยวโตเกียว เดินข้ามสะพานสายรุ้งที่โอไดบะ มีแผนที่ให้ดูระหว่างทางด้วย

ข้อห้ามคือห้ามปั่นจักรยานขึ้น แต่สามารถจูงขึ้นไปได้โดยต้องใช้ไม้กระดานล้อเลื่อนผูกติดกับล้อเอาไว้ พอถึงทางลงฝั่ง Rainbow Bridge Shibaura Anchorage ก็จะมีเจ้าหน้าที่อีกฝั่งที่เก็บกระดานล้อเลื่อนไปค่ะ

หน้าตากระดานล้อเลื่อนสำหรับคนจะนำจักรยานขึ้นสะพานสายรุ้งเป็นแบบนี้ค่ะ
หน้าตากระดานล้อเลื่อนสำหรับคนจะนำจักรยานขึ้นสะพานสายรุ้งเป็นแบบนี้ค่ะ

เมื่อพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย! ช่วงทางขึ้นสะพานลาดชันเล็กน้อยไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ระหว่างทางเดินเวลามีรถยนต์วิ่งส่วนไปมา สะพานจะสั่นสะเทือนเล็กน้อยทำให้รู้สึกตื่นเต้นไปอีกแบบค่ะ

เที่ยวโตเกียว ภาพบรรยากาศการเดินข้ามสะพานสายรุ้งที่โอไดบะ

เที่ยวญี่ปุ่น เที่ยวโอไดบะ สะพานสายรุ้ง Rainbow Bridge

 

เที่ยวโตเกียว วิวจากสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) ที่โอไดบะเที่ยวโตเกียว เที่ยวโอไดบะ เดินข้ามสะพานสายรุ้ง

ระหว่างทางเดินข้ามสะพานเราจะได้ชื่นชมกับวิวทิวทัศน์สวย ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิวสะพาน วิวทะเลอ่าวโตเกียว วิวแสงพระอาทิตย์ที่กำลังตกช่วงเย็น วิวเมืองโตเกียว หรือถ้าใครมีเวลาอยู่โตเกียวหลายๆ วัน และชอบออกกำลังกายโดยการวิ่งจ๊อกกิ้ง การวิ่งข้ามสะพานสายรุ้งไป-กลับก็นเป็นอีกทางเลือกที่ดีเหมือนกันค่ะ เพราะอากาศบนนี้เย็นกำลังดี (อยู่ใกล้น้ำ) และวิวรอบข้างก็จัดว่าน่าถูกอกถูกใจคนที่ชอบวิ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ระหว่างทางเดินจะเห็นคนญี่ปุ่นไปวิ่งกันเยอะพอสำควร เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเพื่อนวิ่งเลยค่ะ ^^

เที่ยวญี่ปุ่น เที่ยวโอไดบะ สะพานสายรุ้ง Rainbow Bridge
ระหว่างทางมีป้ายบอกระยะทางด้วย ว่าเราเดินมาถึงจุดไหนของสะพานแล้ว

เที่ยวโตเกียว เที่ยวโอไดบะ เดินข้ามสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge)

เที่ยวโตเกียว เที่ยวโอไดบะ เดินข้ามสะพานสายรุ้ง

ทางเดินบนสะพานจะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คั่นด้วยถนนและรางรถไฟตรงกลาง เราสามารถเลือกขึ้นตั้งแต่ตอนต้นสะพานเลย ถ้าเราขึ้นจาก ฝั่งทิศใต้ หรือฝั่งโอไดบะ ฝั่งนี้ระหว่างทางมองไปจะเห็นวิวตึก Fuji TV และ เทพีเสรีภาพ และถ้าวันไหนอากาศดี อาจได้เห็นเงาไกลๆ ของ ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ด้วย

แต่ถ้าเราเลือกที่จะเดินขึ้น ฝั่งทิศเหนือ เมื่อมองจากสะพานฝั่งนี้ไปจะเห็นวิวตึก Tokyo Skytree และ Tokyo Tower พร้อมกัน เป็นมุมมองแบบพาโนรามาดูสวยงามมาก หากใครที่มีโอกาสไปเที่ยวโตเกียวก็อย่าลืมแวะไปเดินข้ามกันให้ได้นะคะ >__<‘

เส้นทางสะพานสายรุ้ง
[info-g “”] 35.638248, 139.758870

ระยะทางจากจุดขึ้นสะพานไปถึงทางลงสะพานประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถ้าเดินไป-กลับก็ประมาณเกือบ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางไปกลับประมาณ 40-50 นาที เดินไปจนสุดสะพานจะเห็นทางลง ซึ่งทางลงจะมีลิฟท์ให้บริการด้วย (สามารถเอาจักรยานเข้าไปในลิฟท์ได้) พอออกมาจากลิฟท์จะเจอทางออกค่ะ

สำหรับขากลับ เมื่อออกมาจากตึกให้เลี้ยวขวาเดินเรื่อย ๆ ประมาณ 200 เมตร จะเจอทางโค้งให้เลี้ยวซ้ายเดินประมาณอีก 500 เมตร จะถึงสถานีรถไฟ Shibaurafuto ซึ่งสามารถต่อไปสถานีรถไฟอื่นๆ จากที่นี่ได้ค่ะ

เรื่องและภาพ: Katai Noi DPlus Guide Team

รีวิวเจาะลึก! พิกัดสินค้าขายดีที่กวางโจว โอกาสทางธุรกิจที่มากกว่าคำว่าคุ้ม

รีวิวกวางโจว! ฉบับเจาะลึกพิกัดสินค้าขายดี โอกาสทางธุรกิจที่มากกว่าคำว่าคุ้ม
รีวิวกวางโจว! ฉบับเจาะลึกพิกัดสินค้าขายดี โอกาสทางธุรกิจที่มากกว่าคำว่าคุ้ม

การมีช่องทางที่จะหาสินค้าราคาส่ง เป็นตัวแปรสำคัญของนักขายมืออาชีพ ยิ่งหาตลาดที่สามารถซื้อหาสินค้าราคาต่ำได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ได้กำไรมากขึ้นไปด้วย สำหรับคนที่กำลังมองหาตลาดค้าส่ง เมืองกวางโจว ประเทศจีน เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญสำหรับนักขายที่จะช่วยสร้างโอกาสในการหาสินค้าราคาส่งที่หลากหลายได้ ซึ่งการเดินทางไปยังกวางโจวในสมัยนี้ไม่ได้ยาก เพียงแค่เตรียมตัวเล็กน้อยเกี่ยวกับการเดินทาง และรู้ว่าตลาดค้าส่งที่ต้องการไปมีกี่ตลาด อยู่ที่ไหนบ้าง การเดินทางไปเองก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอีกต่อไป

 

“ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวที่นำมาบอกเล่านี้ ผู้เขียนเป็นผู้หญิงเดินทางไปเองคนเดียว
ไม่มีความรู้เรื่องภาษาจีนใดๆ ทั้งสิ้น แต่สามารถเดินตลาดค้าส่งในกวางโจวเองได้ตลอดระยะเวลา 14 วัน
ก็ขอให้ทุกคนสามารถก้าวออกไปได้เช่นเดียวกันนะคะ”

 

เรามาดูกันว่า หากต้องเดินทางไปกวางโจวด้วยตัวเอง ก่อนไปจะต้องเตรียมความพร้อมอะไรกันบ้าง

  • วีซ่า การทำวีซ่าจีน สามารถเดินทางไปทำเองได้ที่อาคารธนภูมิ ชั้น 5 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ในราคา 1,500 บาท ต่อการเข้าประเทศ 1 ครั้ง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.visaforchina.org

บทความที่เกี่ยวข้อง: ประสบการณ์สุดช็อก! ทำวีซ่าจีนแล้วถูกตีกลับเพราะ…?

วีซ่า การทำวีซ่าจีน สามารถเดินทางไปทำเองได้ที่อาคารธนภูมิ ชั้น 5 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ในราคา 1,500 บาท ต่อการเข้าประเทศ 1 ครั้ง

  • ตั๋วเครื่องบินและที่พัก จากประสบการณ์การเดินทางเองไปกวางโจว เคยใช้บริการของสายการบินแอร์เอเชียที่ราคาไม่แรง และมีโปรโมชั่นออกมาเรื่อยๆ เวลาเดินทางออกจากดอนเมือง 19:10 – 23:10 น. ไปถึงดึกก็นอนพักให้เต็มอิ่ม เพราะจะต้องตื่นแต่เช้าเนื่องจากตลาดค้าส่งที่กวางโจวเปิดกันตั้งแต่ตี 5 สายๆ ก็เริ่มทยอยปิด ส่วนเที่ยวบินขากลับ บินเวลา 23:55 – 01:55 น. นับว่าเที่ยวบินทั้งขาไปและขากลับของแอร์เอเชีย ช่วยให้ใช้เวลาระหว่างวันในการเดินตลาดได้แบบคุ้มค่าจริงๆ ใครสนใจสามารถดูโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ www.airasia.com หรือถ้าต้องการจะจองแพ็คคู่ทั้งตั๋วเครื่องบินและโรงแรมที่พัก ก็เข้าไปสำรวจราคากันได้ที่ www.airasiago.com

หน้าเว็บไซต์ airasia.com จองตั๋วเครื่องบินไปกวางโจว

  • เงิน สกุลเงินของจีนคือเงินหยวน (RMB) แนะนำให้แลกจากร้านแลกเงิน เรทจะดีกว่าการแลกที่ธนาคาร ส่วนจะแลกไปเท่าไหร่นั้น ก็แล้วแต่ว่าต้องการจะซื้อสินค้ามากน้อยแค่ไหน หากซื้อสินค้าหน้าร้านค้าส่งทั่วไปจำนวนไม่มาก ต้องชำระเงินเป็นยอดเต็มทั้งหมด แต่ถ้าใครสั่งล็อตเยอะๆ สามารถต่อรองขอจ่ายมัดจำ 30-50% ของยอดออเดอร์ก่อนได้ แล้วค่อยเคลียร์หลังจากที่สินค้าจัดส่งตามมาทีหลัง ซึ่งสามารถชำระเงินที่เหลือผ่านชิปปิ้งที่เราใช้บริการได้
  • โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต หากใครต้องการจะประหยัดหน่อยก็สามารถหาซื้อซิมการ์ดที่กวางโจวได้ แต่ถ้าหากไปแค่ไม่กี่วันแนะนำให้เปิด Data Roaming จากผู้ให้บริการไปดีกว่า จะได้ไม่วุ่นวายในการหาซื้อซิมและสามารถเล่นแอพโซเชียลต่างๆ ได้อย่างสบายใจ เพราะถ้าใช้ซิมจีน อินเทอร์เน็ตของเขาจะบล็อคเว็บโซเชียล ทำให้ต้องยุ่งยากในการแก้ VPN ด้วย
  • การเดินทาง ที่กวางโจวมีบัตรสำหรับการเดินทางและการใช้จ่ายในบัตรใบเดียวที่เรียกว่าบัตร “หยางเฉิงทง” หาซื้อได้จากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เพียงพูดคำว่า“หยางเฉิงทงข่า” ราคาซื้ออยู่ที่ 80 หยวน เป็นค่ามัดจำ 30 หยวน มูลค่าที่ใช้ได้ 50 หยวน การเติมเงินต้องเติมที่ร้านค้าสะดวกซื้อที่มีสัญลักษณ์คล้ายรูปตัว V ที่อยู่บนบัตร ซึ่งร้าน 7-Eleven ส่วนใหญ่ก็รับเติมทั้งนั้น การเติมเงินไม่ต้องพูดอะไรมากโชว์บัตรและเงินที่ต้องการเติม (เติมขั้นต่ำ 50 หยวน) พนักงานก็จะให้แตะบัตรที่เครื่องตรงเคาน์เตอร์เหมือน 7-Eleven บ้านเรา ส่วนการคืนบัตรเพื่อขอค่ามัดจำ 30 หยวนคืน มี 4 จุด แต่ที่สะดวกคืนจะอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้า Tiyu Xi Lu ทางออก G และสถานี Gongyuanquian ทางออก J
บัตร “หยางเฉิงทง” (Yangchengtong) บัตรสุดสะดวกสำหรับการเดินทางและการใช้จ่ายในใบเดียว
บัตร “หยางเฉิงทง” (Yangchengtong) บัตรสุดสะดวกสำหรับการเดินทางและการใช้จ่ายในใบเดียว

Tip การเดินทางโดยใช้รถเมล์เป็นหลักและใช้รถไฟฟ้าใต้ดินเสริม เป็นวิธีที่ประหยัดและไม่ต้องเดินไกล เพราะช่วงเปลี่ยนสถานีแต่ละสายมักจะเดินไกลและคนเยอะมาก การเดินทางโดยใช้รถเมล์สามารถใช้ Google Maps เป็นตัวช่วยในการค้นได้ว่าต้องขึ้นรถเมล์สายไหน ขึ้นป้ายไหนลงป้ายไหน พอใช้ครั้งแรกเป็นแล้วรับรองจะติดใจ พาไปได้ถึงที่ไม่มีคำว่าหลงอย่างแน่นอน

  • อาหารการกิน ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่เมืองกวางโจวจะสะดวกต่อนักท่องเที่ยวมาก ส่วนใหญ่จะมีเมนูเป็นรูปภาพให้เราสามารถจิ้มชี้สั่งได้ หรือจะกินง่ายตามร้านสะดวกซื้ออย่าง Family Mart และ 7-Eleven ก็มีอาหารกล่องและอาหารทำสดใหม่ให้เลือกซื้อและนั่งกินในร้านได้ เพราะร้านสะดวกซื้อที่นี่ส่วนใหญ่จะมีเคาน์เตอร์ให้นั่งพักทานอาหารแบบได้แบบเย็นสบาย ซึ่งตามแหล่งค้าส่งก็มักจะมีกระจายอยู่ทั่วไป

ตลาดค้าส่ง และงานแฟร์

เมืองกวางโจวมีตลาดค้าส่งที่ขายสินค้าอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตลาดค้าส่งเสื้อผ้าแฟชั่น ของกิฟต์ช็อป เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน สมุนไพร จิวเวอรี เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องประดับ ฯลฯ เรียกได้ว่ามีตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบเลยทีเดียว มาดูกันว่าตลาดค้าส่งที่น่าสนใจอยู่ที่ไหนกันบ้าง

1. ตึก Baima Costume Market (ไป๋หม่า) และตึกใกล้เคียง

ตึกไป๋หม่า เป็นตลาดค้าส่งเสื้อผ้ายอดฮิตของแม่ค้าชาวไทยที่ชอบไปช้อปปิ้งหาซื้อเสื้อผ้าราคาส่งมาขายตามแพลตทินั่ม ประตูน้ำ ถามแม่ค้าคนไหนก็ต้องร้อง “อ๋อ!” อย่างแน่นอน ตึกนี้มีทั้งหมด 8 ชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นหนาแน่นไปด้วยร้านค้าขายเสื้อผ้าสตรี ซึ่งจะมีเสื้อผ้าแบบใหม่ๆ เข้ามาทุกวัน แต่ละร้านจะมีพนักงานสาวใส่เสื้อผ้าคอลเลคชั่นของร้านยืนเป็นพรีเซนเตอร์ให้คนมาซื้อได้เห็นกันไปเลยว่าใส่แล้วจะสวยแบบนี้ เกรดสินค้าที่นี่อยู่ในระดับกลาง จนถึงดีมาก ราคาไม่แพงจนเกินไป ทั้งเสื้อผ้าผู้หญิง ผู้ชาย ชุดลำลอง ชุดราตรี มีแบบให้เลือกเยอะมาก การเดินทางมาที่นี่สะดวกสบาย จึงเป็นที่นิยมของพ่อค้า แม่ค้านั่นเอง

การเดินทางไปตึกไป๋หม่า : MRT สถานี Guangzhou Railway Station ทางออก D แล้วเดินข้ามถนนมา แล้วเดินไปตามถนน Zhannan ตึกจะอยู่ซ้ายมือ

GPS ตึกไป๋หม่า : 23.146791, 113.254224

 

ตึก Tianma Woman’s Street (ตึกเทียนหม่า) ตึกนี้อยู่ติดกับตึกไป่หม่าและสินค้าที่ขายก็มีคล้ายๆกัน แต่ที่โดดเด่นกว่าคือมี Walking Street ในซอยข้างๆ ตึกให้เดินช้อปปิ้งสินค้าแฟชั่นพวกเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ และสินค้าจุกจิกมากมาย มีทั้งราคาปลีกและส่ง ร้านค้ามีเรียงรายตลอดซอยทั้งซ้ายและขวา

การเดินทางไปตึกเทียนหม่า : MRT สถานี Guangzhou Railway Station ทางออก D อยู่ข้างๆ ตึกไป่หม่า

GPS ตึกเทียนหม่า : 23.147137, 113.253705

 

ตึก Jinxiang Underware Marketplace (ตึกจินเซียง) ตึกใหญ่โดดเด่นอีกตึกในย่านนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าประเภทชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำ บิกินี่  ชุดรัดรูปร่างหลากหลายสไตล์ ตึกนี้มีด้วยกัน 5 ชั้น ชั้นแรกจะเน้นขายชุดชั้นใน ชุดนอน กางเกงบ็อกเซอร์ของผู้ชาย, ชั้น 2-4 ขายบอดี้สูท ชุดว่ายน้ำ, ส่วนชั้น 5 เน้นขายชุดชั้นในแบรนด์ราคาสูงคุณภาพดี

การเดินทางไปตึกจินเซียง : MRT สถานี Guangzhou Railway Station ทางออก D4 แล้วเดินไปตามถนน Zhanqain ประมาณ 500 เมตร ตึกจะอยู่ทางขวามือ

GPS ตึกจินเซียง : 23.144009, 113.251528

 

ตึก Kangle Jeans (คังเล่อ) ขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดกลางการค้าผลิตภัณฑ์และเสื้อผ้ายีนส์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นกางเกงยีนส์ เสื้อยีนส์ กระโปรงยีนส์ ฯลฯ ร้านที่นี่โดยส่วนใหญ่เป็นโรงงานรับผลิตตามออเดอร์ โดยหน้าร้านจะมีแบบสำเร็จรูปให้เลือก ถ้าหากนำแบบไปให้ตัดก็สามารถติดต่อพูดคุยได้

การเดินทางไปตึก Kangle Jeans : MRT สถานี Guangzhou Railway Station ทางออก D4 เดินไปตามถนน Renmin N ประมาณ 550 เมตร ตึกจะอยู่ขวามือ

GPS ตึก Kangle Jeans : 23.143180, 113.256698

 

2. Gui Hua Gang (กุ้ยฮั่วกัง)

ย่านกุ้ยฮั่วกัง ย่านนี้เป็นศูนย์กลางการค้ากระเป๋าและเครื่องหนังที่ใหญ่ที่สุดในกวางโจว ใครที่กำลังมองหา Accessories ต่างๆ เกี่ยวกับกระเป๋าถือ กระเป๋าสตางค์ รองเท้า เข็มขัด และอื่นๆก็ต้องแวะมาที่นี่เป็นอันดับแรก เกรดสินค้าที่นี่มีอย่างหลากหลาย ตั้งแต่สินค้าทั่วไปที่ไม่ได้อิงแบรนด์ จนถึงสินค้าที่เหมือนแบบ 99.99% ก็มีให้เลือกซื้อ แต่จะไม่มาวางหน้าร้าน ต้องสอบถามทางร้านเอง  โดยสินค้าเกรดคุณภาพจะอยู่ที่ตึก World Leather Trading Centre และ Zhong Ou Leather Goods ส่วนสินค้าระดับกลางและทั่วไปจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตึก World Leather Trading Centre ซึ่งจะมีทั้งที่วางขายตามแผงและอยู่ตามตึกต่างๆซึ่งเยอะมาก หากใครอยากจะซื้อกระเป๋าล้อลากใบใหม่หอบหิ้วของกลับก็สามารถซื้อที่นี่ได้เลยมีทั้งราคาขายปลีกและส่ง

การเดินทางไปย่านกุ้ยฮั่วกัง : MRT สถานี Guangzhou Railway Station ทางออก D4 เดินไปตามถนน Renmin N ประมาณ 550 เมตร ตึกจะอยู่ขวามือ

GPS ย่านกุ้ยฮั่วกัง : 23.150164, 113.263439

 

3. Zhan Xi Lu (จ้านซีลู่)

จ้านซีลู่ ย่านนี้เป็นแหล่งรวมตลาดค้าส่ง 3 ประเภทหลักๆได้แก่ ตลาดเสื้อผ้าแฟชั่น ตลาดนาฬิกา และตลาดรองเท้า

ตลาดค้าส่งเสื้อผ้าที่น่าสนใจอยู่ที่ ตึกฮุ่ยเหม่ย (Hui Mei International Panxin Fashion City) หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “ตึกเกาหลี” ซึ่งก็ตามชื่อเลย เสื้อผ้าที่ขายที่ตึกนี้เน้นสไตล์เกาหลี ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น  ชุดสูท ชุดราตรี อารมณ์เหมือนแพลตทินั่มเมืองไทย สินค้าที่นี่ขายทั้งราคาปลีกและส่ง เกรดค่อนข้างดี ราคาจึงแพงกว่าตลาดเสื้อผ้าอื่นๆ บางร้านเป็นเกรดสั่งตรงมาจากเกาหลี แต่ส่วนใหญ่เป็นงานจีนแต่เกรดคุณภาพ นอกจากนี้ยังมีตึกใกล้เคียงกัน และตามซอยถนนหลังตึกฮุ่ยเหม่ย ยังมีห้างร้านและร้านค้าที่ขายสินค้าเสื้อผ้า รองเท้า เสื้อผ้าก็อปแบรนด์ หากใครมีตัวอย่างเสื้อผ้าแบรนด์เนมก็สามารถนำไปให้ทางร้านแกะแบบสั่งตัดเป็นล็อตใหญ่ๆได้ด้วย

การเดินทางไปตึกฮุ่ยเหม่ย : MRT สถานี Guangzhou Railway Station ทางออก D เดินตามเลนรถมาประมาณ 650 เมตร จะเห็นตึกใหญ่สีส้มอยู่ทางขวามือ

GPS ตึกฮุ่ยเหม่ย : 23.147824, 113.251612

 

เที่ยวจีน ช้อปสินค้าส่ง ที่กวางโจว ตลาดค้าส่งนาฬิกาแบรนด์เนม ย่าน Zhan Xi Lu (จ้านซีลู่)

ส่วน ตลาดค้าส่งนาฬิกาแบรนด์เนม อยู่ถนนเดียวกับตึกฮุ่ยเหม่ย แต่ให้เดินมาทางทิศตะวันออกเล็กน้อย ก็จะเจอแหล่งห้างร้านที่ขายนาฬิกากันโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นตึก Southern Watch Trade Centre, Dong Fang Watchmakers, Zhan Xi Watch and Clock Town และตึกอื่นๆอีกหลายตึก สินค้าแต่ละตึกก็จะมีคล้ายๆกัน นอกจากเสียว่าต้องการหาแบรนด์หรือรุ่นที่มีสินค้าจำกัด อาจจะต้องเดินสำรวจสินค้าและราคากันในหลายๆ ตึกหน่อย ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่เดินทางไปที่นี่ต้องเป็นคนที่อยู่ในวงการนาฬิกาและดูสินค้าเป็น ไม่เช่นนั้นอาจถูกย้อมแมวได้

การเดินทางไปตึก Zhanxi Watch & Clock Town : MRT สถานี Guangzhou Railway Station ทางออก D แล้วเดินตามเลนรถมาประมาณ 250 เมตรจะเจอซอยให้เลี้ยวขวาเดินทางมา พอถึงแยกตึกจะอยู่ตรงหัวมุมถนนทางซ้ายมือ

GPS ตึก Zhanxi Watch & Clock Town :  23.149688, 113.253000

 

เที่ยวจีน ช้อปสินค้าส่ง ที่กวางโจว ตลาดค้าส่งรองเท้าขนาดใหญ่ ตึก Bu Yun Tian Di (ปู้หยุนเทียนตี้)

ตลาดค้าส่งรองเท้าขนาดใหญ่อยู่ที่ ตึก Bu Yun Tian Di (ปู้หยุนเทียนตี้) เป็นศูนย์กลางการค้าส่งประเภทรองเท้า เน้นเกรดเอ คุณภาพสูงส่งออกต่างประเทศ ตึกนี้มีทั้งหมด 12 ชั้น มีร้านค้ามากกว่า 1,500 ร้านค้า นอกจากการไปเดินดูสินค้าที่ตึกแล้ว ยังมีบริการสั่งออเดอร์ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.shoesworld.net ซึ่งรวบรวมรายชื่อร้านค้าที่อยู่ภายในทั้งหมด และสามารถเข้าถึงข้อมูลของแต่ละร้านเพื่อติดต่อซื้อขายได้โดยตรงด้วย

การเดินทางไปตึกปู้หยุนเทียนตี้ : MRT สถานี Guangzhou Railway Station ทางออก D เดินตามเลนรถมา 1 กิโลเมตร ตึกจะอยู่ขวามือ

GPS ตึกปู้หยุนเทียนตี้ : 23.147425, 113.247443

 

อีกตึกที่อยากแนะนำ คือ ตึก Hongyun Leather Market เป็นตึกที่ขายวัสดุหนังม้วน ไม่ว่าจะเป็นหนังแพะ แกะ วัว และหนังเทียม มีหลากหลายสีสันให้เลือกซื้อหา เหมาะสำหรับนำไปทำข้าวของเครื่องใช้ ไม่ว่าจะตัดเย็บเป็นรองเท้า กระเป๋า และเครื่องใช้อื่นๆ สามารถขอแบ่งซื้อเป็นเมตรหรือซื้อหลายๆ ม้วน ก็ได้ ราคาก็ถูกลงตามไปด้วย

การเดินทางไปตึก Hongyun Leather Market : MRT สถานี Guangzhou Railway Station ทางออก D เดินตามเลนรถมา 1 กิโลเมตร เลี้ยวเข้าซอยข้างตึก Bu Yun Tian Di พอถึงสามแยกตึกจะอยู่ข้างหน้า

GPS ตึก Hongyun Leather Market : 23.147900, 113.247087

 

4. ย่าน Shisanhang (สือซันหัง)

เที่ยวจีน ช้อปสินค้าส่ง ที่กวางโจว ย่านสือซันหัง แหล่งรวบรวมตลาดค้าส่งเสื้อผ้าแฟชั่น

ย่าน Shisanhang (สือซันหัง) แหล่งรวบรวมตลาดค้าส่งเสื้อผ้าแฟชั่นหลากหลายตึกด้วยกันที่อยู่ในย่านนี้ ตึกแรกที่อยากแนะนำคือ ตึก New China Mansion หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “ตึกสิบสามห้าง” ตึกนี้ไม่ได้มีสิบสามตึกนะคะ แต่เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า “ตึกสือซันหัง” นั่นเอง ตึกนี้แต่ละชั้นอัดแน่นไปด้วยร้านค้าเสื้อผ้าราคาส่ง รวมถึงคนที่เดินซื้อของก็แน่นด้วยเช่นกัน เพราะคนทั่วทุกสารทิศของจีนนิยมมาซื้อหาเสื้อผ้าที่นี่ไปขายตามภูมิภาคต่างๆ อาจต้องทำใจหน่อยเพราะคนที่นี่ถึงแม้เดินชนคุณจนตัวปลิวเค้าก็จะไม่หันมาสนใจ เพราะฉะนั้นเตรียมหลบดีๆ ราคาสินค้าที่นี่มีหลายเกรด ราคาตามคุณภาพสินค้า ไม่ได้ถูกมากมาย หากต้องการสินค้าที่ราคาถูกกว่านี้แนะนำให้ไปที่ตลาดชาเหอแทน แต่ไกลจากตัวเมืองหน่อย

Tip การเดินทางมาซื้อของที่ย่านนี้จะเริ่มเปิดขายกันตั้งแต่ ตี 4 ไปจนถึงช่วงสายๆ จึงควรวางแผนการเดินทางให้ดี ไม่เช่นนั้นหากมาสายอาจเจอช่วงตลาดวายได้

ส่วนบริเวณหน้าตึกสิบสามห้างนี้ก็ยังมีร้านค้าขายเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าให้เดินช้อปปิ้งหายใจกันได้โล่งหน่อย หลังจากที่เดินเบียดเสียดกันบนตึกมาแล้ว

การเดินทางไปตึกสิบสามห้าง : MRT สถานี Culture Park ทางออก D เดินไปตามเลนรถ พอถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวา จากนั้นเดินตรงไปอีก 400 เมตร ตึกจะอยู่ทางขวามือ

GPS ตึกสิบสามห้าง : 23.110783, 113.253017

 

อีกตึกที่อยากแนะนำคือ ตึก Hongbiantian Costume Exchange Center หรือ “ตึกหงเปี้ยนเทียน” ห้างนี้เป็นห้างค้าส่งสินค้าแฟชั่นขนาดใหญ่ ตึกเดินสะดวกและใหม่กว่าตึกสิบสามห้างมาก ภายในตึกมีทั้งหมด 7 ชั้น โดยชั้นที่ 1-6 เป็นเสื้อผ้าแฟชั่นทั่วไปทั้งชายและหญิง บางร้านเป็นเสื้อผ้าแบรนด์ตัวเอง ไม่ใช่เสื้อผ้าโรงงานที่รับมาขาย นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าเสื้อผ้าสำหรับสาวไซส์ใหญ่ให้เลือกอีกหลายร้าน

การเดินทางไปตึกหงเปี้ยนเทียน  : MRT สถานี Culture Park ทางออก D เดินไปตามเลนรถ พอถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวา จากนั้นเดินตรงไปอีก 300 เมตร ตึกจะอยู่ทางขวามือ อยู่ก่อนถึงตึกสิบสามห้าง

GPS ตึกหงเปี้ยนเทียน :  23.110754, 113.251862

 

นอกจากห้างร้านบนตึกแล้ว ตามซอกซอยต่างๆในย่านนี้ก็ยังมีร้านค้าแผงลอย และคูหาเล็กๆอีกมากมาย ตลอด สองข้างทางเดินไปยังตึกหงเปี้ยนเทียนและตึกสิบสามห้าง แต่ถ้าใครสนใจไปเดินดูเสื้อผ้าแฟชั่นผู้ชาย และเสื้อผ้ายีนส์หลากสไตล์แนะนำให้ลองไปเดินดูได้ที่ซอย Guyi ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตึกหงเปี้ยนเทียนนั่นเอง

 

5. ย่าน Yi de Lu (อี้เต๋อลู่)

อี้เต๋อลู่ คือชื่อถนนซึ่งเป็นย่านการค้าที่มีประวัติอันยาวนาน และเป็นศูนย์กลางการค้าสินค้าหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นตลาดขายของเด็กเล่น ของตกแต่งบ้าน ดอกไม้ปลอม ของกิฟต์ช็อป สมุนไพร อาหารแห้ง

ตึกแรกที่อยากแนะนำคือตึก Onelink International Plaza (หว่านหลิง) แหล่งขายส่งที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเมืองกวางโจว ตลาดขายของที่เปรียบเสมือนสำเพ็งเมืองไทย และสินค้าสำเพ็งส่วนใหญ่ก็มาจากที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นของกิฟต์ช็อป ของกระจุกกระจิกน่ารัก สวยๆงามๆ เครื่องเขียน ของใช้ในบ้าน ของที่ระลึก ร้านค้าส่วนใหญ่เป็นโรงงานมาเปิดหน้าร้านเอง เน้นขายส่งเป็นส่วนใหญ่ อาคารนี้มีทั้งหมด 6 ชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นจะขายสินค้าแยกประเภทกันอย่างชัดเจน

เที่ยวจีน ช้อปสินค้าส่ง ที่กวางโจว ตึก Onelink International Plaza (หว่านหลิง) ย่าน Yi De Lu (อี้เต๋อลู่)

  • ชั้นใต้ดิน ขายสินค้าประเภทตุ๊กตา ของเล่นเด็ก
  • ชั้น 1-3 ของกิฟต์ช็อป ของกระจุกกระจิก และสินค้าพรีเมี่ยม
  • ชั้น 4-6 ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ดอกไม้ปลอม ของสะสมต่างๆ

การเดินทางไปตึก Onelink : MRT สถานี Haizhu Square ทางออก B1 แล้วเดินสวนเลนรถไปตามถนน Yide พอถึงสี่แยกก็จะเห็นตึกอยู่ตรงแยก

GPS ตึก Onelink : 23.114601, 113.262814

 

เดินถัดมาหลังตึกหว่านหลิงจะเจอ ตึก Debao Trade Square เป็นแหล่งขายสินค้าประเภทของตกแต่งบ้าน และของตกแต่งตามเทศกาล ร้านค้าส่วนใหญ่เป็นโรงงานมาขายสินค้าพร้อมส่ง และเปิดร้านมาเพื่อรับออเดอร์ โดยชั้นที่ 1-3 จะเป็นสินค้าตกแต่งบ้านไตล์จีนเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟ ป้ายกระดาษสีแดงและสีทองที่มักใช้ในโอกาสพิเศษและวันสำคัญ ส่วนชั้น 4 เน้นขายสินค้าตกแต่งบ้าน ตกแต่งสวน อย่างต้นไม้ปลอม ดอกไม้ปลอม มีหลากหลายไซส์ให้เลือก

การเดินทางไปตึก Debao Trade Square : MRT สถานี Haizhu Square ทางออก B1 อยู่หลังตึกหว่านหลิง

GPS ตึก Debao Trade Square : 23.113840, 113.261234

 

ถัดไป หากเดินไปตามถนน Yide Lu จะพบกับร้านค้า 2 ข้างทางที่ทอดยาว มีสินค้าหลากหลายประเภทตามช่วงถนน ตั้งแต่สินค้าประเภทของเด็กเล่น ของกิฟต์ช็อปน่ารัก พอช่วงกลางจะเห็นร้านค้าหลายคูหาขายพวกของอาหารแห้ง สมุนไพรอบแห้งชนิดต่างๆมากมาย หรือแวะถ่ายรูปที่โบสถ์คริสต์ Sacred Heart Cathedral เป็นโบสถ์เก่าแก่ในย่านนี้ ภายนอกตึกมีศิลปะและรูปแบบที่เด่นสะดุดตา เหนื่อยเดินช้อปก็สามารถแวะพักถ่ายรูปกันได้

และสินค้าเด่นที่อยากแนะนำอีกประเภทคือของเด็กเล่นที่อยู่ที่ ตึก Yide International Plaza เป็นตึกใหญ่ที่รวบรวมห้างร้านขายของเล่นเด็ก ของเสริมพัฒนาการ อุปกรณ์เครื่องเขียนจุกจิกน่ารักลายการ์ตูน และอีกร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคือ ร้าน Zhonggang Toy City เป็นตึก 3 ชั้น ทุกชั้นขายของเด็กเล่นทั้งหมด เน้นขายส่ง ราคาขึ้นอยู่กับประเภทของเล่น และเกรดวัสดุที่ผลิต

การเดินทางไปตึก Yide International Plaza และ Zhonggang Toy City : MRT สถานี Yidu Lu อยู่ใกล้สี่แยก

GPS ตึก Yide International Plaza : 23.112816, 113.256489

GPS ตึก Zhonggang Toy City : 23.112239, 113.256779

 

6. ย่าน Beijinglu (เป่ยจิงลู่)

เที่ยวจีน ช้อปสินค้าส่ง ที่กวางโจว ย่าน Beijinglu (เป่ยจิงลู่) ย่านศูนย์กลางการค้านี้เป็นย่านถนนคนเดิน

ย่านศูนย์กลางการค้านี้เป็น ย่านถนนคนเดิน Beijing Lu (เป่ยจิงลู่) ที่ค่ำๆจะมีนักท่องเที่ยว และนักช้อปทั้งหลายมาเดินช้อปสินค้ากัน ถือว่าเป็นไฮไลท์ของเมืองก็ว่าได้ สองข้างทางเป็นตึกแถวที่ดูทันสมัยเปิดเป็นร้านค้าทั้งหมด ตามซอกซอยของตึกยังมีร้านค้าย่อยอีกมากมาย ร้านที่เปิดที่นี่เป็นสินค้าแบรนด์ซะส่วนใหญ่ และสินค้าที่ขายกันเป็นสินค้าปลีก ของบางอย่างตั้งราคาไว้ค่อนข้างสูง แต่สามารถต่อราคาได้ ตามจุดต่างๆ ของถนนนี้มีจุดถ่ายรูปและลานโปรโมชั่นสินค้าลดราคามาให้เลือกซื้อหาเรื่อยๆ

การเดินทางไปถนนคนเดิน Beijing Lu : MRT สถานี Gongyuanqian ทางออก D แล้วเดินตามเลนรถไปประมาณ 350 เมตร จะถึงถนน Beijing Lu

GPS ถนนคนเดิน Beijing Lu : 23.122366, 113.269021

 

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าประเภทเครื่องประดับนานาชนิด ขอแนะนำ ตึก Taikang Jewelry City หรือ “ตึกไท่คัง” ตึกนี้มีทั้ง 6 ชั้น ชั้นที่ 1-2 เป็นเครื่องประดับประเภทสร้อยคอ กำไล ที่คาดผม นาฬิกา ส่วนชั้น 3 เน้นขายสินค้าประเภทตุ้มหูเป็นส่วนมาก ใครกำลังมองหาตุ้มหูคู่ละ 20 บาท ที่นี่มีให้เลือกซื้อในราคาส่งเยอะมากมาย ส่วนชั้น 4-5 เป็นเครื่องประดับประเภทจี้คอ แหวน เครื่องประดับเงิน และสเตนเลส ส่วนชั้น 6 เป็นสินค้าประเภทความสวยความงาม เช่น ขนตาปลอม เล็บปลอม วิกผม กระเป๋า และเครื่องสำอาง เป็นต้น

การเดินทางไปตึก Taikang Jewelry City : MRT สถานี Haizhu ทางออก F หรือ Beijing Lu ทางออก A เดินไปตามถนน Taikang ประมาณ 400 เมตร

GPS ไปตึก Taikang Jewely City : 23.116854, 113.267478

 

และพลาดไม่ได้กับไฮไลท์เด็ดอีกทีใกล้ๆย่านนี้ ที่ ถนน Jiangnan Avenue หรือ “ถนนเจียงหนาน” แหล่งรวบรวมร้านค้าประเภทชุดแต่งงาน และชุดราตรี 2 ข้างทางของถนน ที่มีทั้งชุดแต่งงานสีแดงสไตล์จีน สีแดง สีทอง หรือจะเป็นชุดสีขาวฟูฟ่องแบบสากลก็มีแขวนเรียงรายให้เลือกกันแบบละลานตา ชุดแต่งงานที่นี่เป็นแหล่งที่ร้านเวดดิ้งทั้งหลายจะมาสั่งซื้อไปปล่อยเช่าและขายกัน โดยสามารถนำไปขยับไซส์ให้เหมาะกับรูปร่างคนใส่ได้ สนนราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ (แอบกระซิบว่า หากใครเคยเช่าชุดแต่งงานที่ไทยแล้วลองถามราคาที่นี่ต่อชุด ราคาซื้อใหม่ยังถูกกว่าราคาเช่าที่ไทยด้วยซ้ำ) หากใครสนใจจะเปิดร้านขายและเช่าชุดแต่งงานและชุดราตรี ที่นี่นับว่าเป็นตัวเลือกที่จะนำไปทำกำไรได้มากทีเดียว

การเดินทางไปถนนเจียงหนาน : MRT สถานี Jiangnanxi ทางออก E และ D

GPS ถนนเจียงหนาน : 23.099056, 113.273098

 

7. ตลาด Shahe (ชาเหอ)

ตลาดชาเหอ เป็นตลาดค้าส่งเสื้อผ้าขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของกวางโจว  ถึงแม้ต้องเดินทางออกมาจากตัวเมืองหน่อย แต่ก็สะดวกด้วยการเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน บริเวณโดยรอบมีตลาดค้าส่งหลากหลายตึก ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดขายส่งเสื้อผ้าหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นทั้งหญิงและผู้ชาย เสื้อผ้าเด็ก ราคาสินค้าที่ตลาดนี้จะค่อนข้างถูกกว่าตลาดอื่นๆ จึงเป็นที่น่าสนใจของนักช้อปที่จะเดินทางมาเลือกซื้อหากัน เวลาเปิดปิดของตลาดที่นี่จะเปิด 7:00 น. และจะเริ่มทะยอยปิดตอน 11:00 น. ซึ่งค่อนข้างปิดเร็วกว่าตลาดอื่นๆ จึงควรวางแผนเวลาให้ดีๆด้วย

การเดินทางไปตลาดชาเหอ : MRT สถานี Shaheding ทางออก B แล้วเดินไปทางทิศเหนือตลาดจะอยู่ซ้ายมือ

GPS ตลาดชาเหอ :  23.154035, 113.308741

 

8. งาน Canton Fair

นอกจากการไปเดินตลาดแล้ว หากไปในช่วงที่มี งาน Canton Fair ที่รวบรวมธุรกิจและโรงงานผู้ผลิตจากทั่วโลกมาให้เจรจาซื้อขายกัน ก็ถือว่าได้ 2 เด้ง ทั้งเดินตลาด และเดินงานแฟร์ ซึ่งงานแฟร์จะจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม และตุลาคม-พฤศจิกายน แต่ละครั้งจะแบ่งออกเป็น 3 เฟส แยกกลุ่มประเภทสินค้า ทั้งนี้ก็ต้องเลือกดูว่าสนใจเดินดูสินค้าประเภทไหน แล้วเลือกจองตั๋วเครื่องบินให้ตรงกับวันดังกล่าว โดยสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับวันจัดงาน และธุรกิจที่มาออกบู๊ทในเฟสต่างๆกันได้ที่ www.cantonfair.org.cn/en

การเดินทางไปงาน Canton Fair : MRT สถานี Pazhou ทางออก  A หรือ B

GPS งาน Canton Fair : 23.101908, 113.360742

นอกเหนือจากที่แนะนำไปข้างต้นแล้ว ยังมีตลาดค้าส่งที่น่าสนใจอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งรีวิวนี้เป็นการแนะนำในส่วนหนึ่งสำหรับคนที่คิดอยากจะหาช่องทางในการหาสินค้าหรือลงทุนกับสินค้าใหม่ๆที่กวางโจว

จากประสบการณ์การไปกวางโจวคนเดียวทำให้เห็นมุมมองและเห็นตลาดสินค้าที่หลากหลาย ก่อนไปคิดเยอะมากว่าจะไปหลงทางหรืออดตายเพราะพูดภาษาจีนไม่ได้หรือเปล่า แต่พอไปถึงจริงๆแล้ว การเดินทางไปยังตลาดค้าส่งต่างๆง่ายสุดๆ ระบบการขนส่งของกวางโจวสะดวกสบายมาก อาหารการกินก็มีอย่างครบครัน สั่งกินง่ายไม่ได้ยากอย่างที่คิด

และเช่นเดียวกัน ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคนที่สนใจจะเดินทางไปกวางโจวเอง ทลายขีดจำกัดของการเดินทาง แล้วคุณจะพบโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ ที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ เพราะกวางโจวไม่ได้ยากเกินเอื้อม เพียงแค่ลงมือจองตั๋ว เครื่องบินโอกาสที่ได้ไปถึงที่นั่นมีแต่คำว่าคุ้มกับคุ้มจริงๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง: บัตร “หยางเฉิงทง” (Yang Cheng Tong) บัตรเดียวเที่ยวทั่วกวางโจว

เรื่องและภาพ : @ipookpui DPlus Guide Team