อุโมงยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Water Discharge Tunnel

อุโมงยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Water Discharge Tunnel อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำของเมืองไซตามะนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า The Metropolitanarea Outer Underground Discharge Channel หรือในภาษาญี่ปุ่นคือ Sairyu no Kawa เป็นอุโมงค์ยักษ์ใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นเพื่อรับมือกับภัยพิบัติน้ำท่วมรวมถึงบริหารจัดการน้ำในเมืองหลวงโตเกียวและเขตปริมณฑล โดยผลักดันลงสู่แม่น้ำเอโดะซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักแล้วลงสู่ทะเลที่อ่าวโตเกียวต่อไป

อุโมงยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Water Discharge Tunnel

ก่อนจะเกิดโครงการนี้ บริเวณใจกลางกรุงโตเกียวและรอบๆ เคยมีปัญหาเกี่ยวกับน้ำท่วมมาโดยตลอดเนื่องจากตั้งอยู่บนพื้นที่ราบคันโต ที่เชื่อมติดกับทะเลโดยตรงไม่มีภูเขาหรือที่ราบสูงคั่น อีกทั้งบริเวณกรุงโตเกียวยังเป็นพื้นที่ต่ำเมื่อเจอมรสุม หรือฝนตกหนัก น้ำก็จะท่วมเป็นปรกติจนกระทั่งในกันยายน ปี ค.ศ. 1991 ได้เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมรุนแรงที่สุดในกรุงโตเกียว บ้านเรือนจมน้ำกว่า 30,000 หลัง มีผู้เสียชีวิตถึง 52 คน ไม่เพียงเท่านั้นยังกระจายพื้นที่ความเสียหายไปยังเขตรอบๆ กินเนื้อที่มากกว่า 100 กิโลเมตร ถือเป็นอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ในรอบรอบ 30 ปีของญี่ปุ่น

อุโมงยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Water Discharge Tunnel

โครงการสร้างอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำจึงเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนั้นแต่ด้วยความที่ชุมชนเมืองของโตเกียวความแออัดและขยายตัวอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้มีข้อจำกัดในการสร้างระบบระบายน้ำบนผิวดินจึงได้เลือกที่ทางตอนเหนือ คือ เมืองคาสุคาเบะ (Kasukabe City) จังหวัดไซตามะซึ่งอยู่ใกล้เคียงกรุงโตเกียว และมีสายน้ำพาดผ่านอยู่หลายสาย งานก่อสร้างระดับโลกนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 1993 แล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 2006 ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 13 ปี ด้วยงบประมาณสูงถึง 2,000 ล้านดอลลาร์

อุโมงยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Water Discharge Tunnel

ระบบระบายน้ำดังกล่าวมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า G-Cans เชื่อมโยงเข้ากับกรุงโตเกียวและเมืองรอบๆ โดยมีการวางท่ออุโมงค์ขนาดยักษ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เมตร อยู่ลึกลงไปจากพื้นดิน 50 เมตร มีความยาวทั้งหมด 6.3 กิโลเมตร แต่ละช่วงเชื่อมถังเก็บน้ำ (BANK) ขนาดใหญ่ มีความลึก 70 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 30 เมตร (ความใหญ่ของถังเก็บน้ำสามารถจุเทพีเสรีภาพ หรือเจดีย์ห้าชั้นของวัดอะสะกุสะได้อย่างสบาย) รวมทั้งหมด 5 ถัง แต่ละถังเชื่อมต่อกับแม่น้ำทั้งสายเล็กและสายใหญ่ หากปริมาณน้ำในแต่ละแม่น้ำมีสูงเกินกว่าปกติ ก็จะไหลเข้าสู่ถังเก็บน้ำ โดยระบบการไหลเวียนน้ำจากแม่น้ำลงในถังเก็บน้ำ ถูกออกแบบให้เป็นระบบ Vortex Drop Shaft คือ การไหลโค้งของน้ำ เพื่อป้องกันแรงดัน

อุโมงยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Water Discharge Tunnel

และลดแรงกระแทกของน้ำที่ตกลงมายังบ่อ โดยเรียงจากการผันน้ำคือ ถังที่ 5 เชื่อมกับแม่น้ำ Oootoshifurutone จากนั้นลำเลียงมารวมถังที่ 4 เชื่อมกับแม่น้ำ Kumatsu ส่งต่อไปยังถังที่ 3 เชื่อมที่เข้ากับ 2 แม่น้ำคือ แม่น้ำ Naka ซึ่งเป็นสายใหญ่ และแม่น้ำ Kuramatsu เป็นแม่น้ำสายเล็กๆ จากนั้นจะลำเลียงผ่านท่ออุโมงค์ยักษ์ไปยังถังที่ 2 ซึ่งเชื่อมกับคลองหมายเลข 18 แล้วจะเชื่อมต่อกับถังที่ 1 เป็นสถานี Showa Drainage Pump Station

อุโมงยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Water Discharge Tunnel

ทำหน้าที่ปรับแรงดันของน้ำ (Pressure-adjusting Water Tank) โดยมีเครื่องระบายน้ำถึง 78 ตัว ตามปกติแล้วจะมีการปรับแรงดันของน้ำให้อยู่ในระดับปกติก่อนจะปล่อยสู่แม่น้ำเอโดะต่อไป ในช่วงพิบัติภัยสามารถระบายน้ำ 200 ตันต่อวินาทีเลยทีเดียว

อุโมงยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Water Discharge Tunnelจองผ่านเว็บไซต์ www.ktr.mlit.go.jp สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถือว่ามีข้อจำกัดพอสมควร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่นำชมอุโมงค์ยักษ์ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาญี่ปุ่นในการบรรยายจึงต้องมีความรู้และเชี่ยวชาญในภาษาญี่ปุ่นเป็นอย่างมากหรือไม่ก็ต้องนำล่ามภาษาญี่ปุ่นไปด้วยเท่านั้น การเข้าชมจะถูกจัดเป็นกลุ่ม 6 คน หากมากันไม่ถึง 6 คนจะต้องไปอยู่รวมกับคนอื่นๆ ให้ครบ (การเข้าชมจะต้องจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์)

อุโมงยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Water Discharge Tunnelสำหรับบุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมความพิเศษของอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำแห่งนี้ได้ที่สถานี Showa Drainage Pump Station หรือเรียกสั้นๆ ว่า ริวคิวคัง (龍Q館) ซึ่งเป็นสถานีจัดการน้ำขั้นสุดท้ายก่อนสูบออกไปสู่แม่น้ำเอโดะโดยมีพิพิธภัณฑ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการระบายน้ำของอุโมงค์ยักษ์ตั้งอยู่ในอาคารด้วย ส่วนอุโมงค์ยักษ์นั้นตั้งอยู่ใต้พื้นดินลงไป 22 เมตร ต้องลงบันไดไปถึง 100 ขั้น ติดกับอุโมงค์ยักษ์คือถังเก็บน้ำที่ 1 (มีที่คั่นไม่สามารถเข้าไปดูใกล้ๆ ได้)

อุโมงยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Water Discharge Tunnel

ส่วนอุโมงค์ที่ให้เข้าชมมีความยาว 177 ม. กว้าง 78 ม. และสูง 18 ม. มีเสารองรับน้ำหนักถึง 59 เสา เสาแต่ละต้นมีขนาดยาว 7 ม. กว้าง 2 ม.สูง 18 ม. หนักต้นละ 500 ตัน ด้วยความยิ่งใหญ่ดังกล่าวทำให้สถานที่นี้มีลักษณะเหมือนปราสาทจนได้รับการขนานนามว่า มหาวิหารพาร์เธนอนใต้ดิน (Underground Parthenon) ส่วนด้านนอกของสถานี Showa Drainage Pump Station ในวันที่ฟ้าเปิดยังสามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิซังได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

อุโมงยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Water Discharge Tunnel
[info-p] ฟรี
[info-t] 09:30-16:30 น.
[info-d] จากเมือง Saitama นั่งรถไฟ JR สาย Tohoku Urban park Line for Kashiwa ที่สถานี JR Omiya (Saitama) ลงที่สถานี Minami-Sakurai (Saitama)ใช้เวลา 31 นาที จากนั้นต่อแท็กซี่อีก 7 นาที
[info-g] 35.997449, 139.811488

ที่มาข้อมูลและภาพ : หนังสือ Unseen&Amazing Japan