เจนีวาเป็นเมืองในสวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นชื่อเรื่องความงามตามธรรมชาติและมีบทบาทเป็นศูนย์กลางการทูตระหว่างประเทศ เจนีวาตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบเจนีวาและล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์สวิส เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ขององค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง รวมถึงองค์การกาชาดสากล (ICRC) องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การการค้าโลก (WTO) เมืองนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านอุตสาหกรรมนาฬิกาและเครื่องประดับที่หรูหรา การช้อปปิ้งระดับไฮเอนด์ และอาหารเลิศรส เจนีวาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนทุกปีด้วยทัศนียภาพอันน่าทึ่ง ประวัติศาสตร์อันยาวนาน และความหลากหลายทางวัฒนธรรม

สถานที่เที่ยวที่คุณต้องไป  เมื่อไปเยือนเจนีวา

Cathedral Saint Pierre Geneva

วิหารแซงปีแยร์ หรือที่รู้จักในชื่อ วิหารเจนีวา เป็นโบสถ์นิกายโปรเตสแตนต์เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเมืองและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 และได้รับการออกแบบใหม่และขยายตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ลักษณะเด่นที่สุดคือยอดแหลมสูงเรียวซึ่งมองเห็นได้จากหลายส่วนของเมือง

อาสนวิหารแซ็งปีแยร์มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปนิกายโปรเตสแตนต์ในศตวรรษที่ 16 ที่นี่เองที่จอห์น คาลวิน บุคคลสำคัญในการปฏิรูป ได้กล่าวคำเทศนาของเขา และสถาปนาเจนีวาให้เป็นศูนย์กลางของนิกายโปรเตสแตนต์ ปัจจุบัน อาสนวิหารยังคงเป็นสถานที่สักการะและเป็นสัญลักษณ์ของมรดกทางศาสนาของเจนีวา

ผู้เยี่ยมชมอาสนวิหารสามารถชื่นชมสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง รวมถึงหน้าต่างกระจกสีที่วิจิตรงดงามและงานแกะสลักที่ประณีต และสำรวจประวัติศาสตร์ผ่านการจัดแสดงและการจัดแสดงที่หลากหลาย อาสนวิหารเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ฟรี ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่มาเยือนเจนีวา

น้ำพุเจ็ทโด้ Jet d’Eau

Jet d’Eau เป็นน้ำพุที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ในทะเลสาบเจนีวา ในเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเจนีวาและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม Jet d’Eau ได้รับการติดตั้งครั้งแรกในปี พ.ศ. 2429 เป็นการติดตั้งชั่วคราวเพื่อทำเครื่องหมายศูนย์กลางไฟฟ้าพลังน้ำแห่งแรกในสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีการติดตั้งถาวรและเป็นสัญลักษณ์ของเจนีวาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

Jet d’Eau พุ่งน้ำขึ้นไปในอากาศสูง 140 เมตร (459 ฟุต) ทำให้เป็นหนึ่งในน้ำพุที่สูงที่สุดในโลก จะสวยงามเป็นพิเศษในตอนกลางคืน เมื่อน้ำพุประดับไฟและสามารถมองเห็นได้จากหลายส่วนของเมือง ผู้มาเยือนเจนีวาสามารถชื่นชม Jet d’Eau จากชายฝั่งทะเลสาบเจนีวา หรือนั่งเรือชมเพื่อชมอย่างใกล้ชิด

นอกจากความสูงที่น่าประทับใจแล้ว Jet d’Eau ยังเป็นที่รู้จักในด้านการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสร้างการแสดงน้ำและแสงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครก็ตามที่มาเยือนเจนีวาจะต้องมาชม และต้องทิ้งความประทับใจไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน

จัตุรัส Bourg-de-Four

Bourg-de-Four เป็นจัตุรัสที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเก่าของเจนีวา และเป็นหนึ่งในพื้นที่สาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในเจนีวาอีกด้วย สถานที่นี้ล้อมรอบด้วยอาคารเก่าแก่ นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งและเพลิดเพลินไปกับคาเฟ่ ร้านอาหาร รวมไปถึงร้านขายของที่ละลึกมากมาย ที่นี่ยังมีที่นั่งเล่นกลางแจ้งให้นักท่องเที่ยวได้มานั่งดื่มกันชิลล์ๆ ใต้จัตุรัสยังมีห้องน้ำสาธารณะ และมีทางเดินลาดลงเนิน ไปยังสวน Parc du Bastions อีกทอดหนึ่งด้วย

Pâquis Baths

Pâquis Baths หรือที่เรียกว่า “Les Bains des Pâquis” เป็นสระว่ายน้ำสาธารณะที่ตั้งอยู่ในย่าน Pâquis ของเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในโรงอาบน้ำสาธารณะที่มีชื่อเสียงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว Pâquis Baths ตั้งอยู่บนชายฝั่งของทะเลสาบเจนีวาและมีกิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รวมทั้งสระว่ายน้ำ ห้องซาวน่า และพื้นที่อาบแดด

โรงอาบน้ำมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ย้อนไปถึงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ว่ายน้ำสาธารณะและศูนย์พักผ่อนสำหรับชาวเจนีวา ทุกวันนี้ Pâquis Baths ยังคงให้บรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นกันเอง ทำให้เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่จะเพลิดเพลินริมทะเลสาบ

มาเยือน Pâquis Baths สามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ เช่น ว่ายน้ำ อาบแดด และใช้บริการห้องซาวน่า คอมเพล็กซ์แห่งนี้ยังมีร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่จำนวนมาก ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเพลิดเพลินกับอาหารหรือเครื่องดื่มพร้อมชมทิวทัศน์ของทะเลสาบ ไม่ว่าคุณจะต้องการว่ายน้ำ อาบแดด หรือแค่ชมวิวทะเลสาบเจนีวาที่สวยงาม Pâquis Baths คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับใครก็ตามที่มาเยือนเจนีวา

ลาน Plaine de Plainpalais

หรือเรียกย่อๆ ว่า Plainpalais เป็นลาน ว่างๆ ขนาดใหญ่แบบเดียวกับท้องสนามหลวง รูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด อยู่หลังมหาวิทยาลัย เจนีวา มีรถประจำทางผ่านหลายสาย ปกติเป็น ที่จัดกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ เช่น ตลาดนัด ตลาดพืชผลการเกษตร ลานสเก็ต (ที่ปลาย ด้านทิศเหนือ) ฯลฯ หรืออย่างช่วงที่เราไป ก็แบ่งพื้นที่ส่วนใหญ่มาจัดเป็นร้านๆ และ สวนสนุกแบบเดียวกับงานวัด มีทั้งยิงปืน ม้าหมุน สนามเด็กเล่น หรือจะเป็นเครื่องเล่น หวาดเสียวแบบเรือไวกิ้ง เครื่องเล่นประเภท จำลองการบิน (flight simulator) ที่เอามาตั้ง โปรแกรมเป็นการขับยานอวกาศให้เล่นเก็บ ตังค์ เป็นต้น รวมถึงการแสดงละครสัตว์ที่จัด ขึ้นปีละหลายครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งนัด พบของวัยรุ่น และเป็นจุดที่จะเดินต่อไปยัง ย่านเที่ยวกลางคืนที่อยู่ต่อเนื่องกัน คือถนน Rue de l’Ecole-de-Medecine และ Rue des Bains ด้วย

จัตุรัส Place de Nueve

จัตุรัสนี้อยู่ปลายสุดสวนด้านที่มีกระดานหมากรุกยักษ์ ตรงข้ามกับ Palais Enyard มี อนุสาวรีย์ของนายพล Henri Dufour ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของเจนีวา โดยเป็นผู้บัญชาการทัพของฝ่ายสมาพันธรัฐสวิสในช่วงสงครามกลางเมืองเป็นทหารช่างและวิศวกรที่มีส่วนในการก่อสร้างถนนและสะพานสำคัญๆ เช่น สะพาน Saint Antoine ซึ่งเป็นสะพานแขวนแห่งแรกๆ ของโลกในยุคนั้น (ข้ามจากป้อมปราการย่านกลางเมืองเก่าเจนีวาไปยังพื้นที่รอบนอกถูกรื้อทิ้งไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อนตอนมีการขยายเมืองครั้งใหญ่) รวมทั้งเป็นผู้หนึ่งที่ริเริ่มก่อตั้ง องค์กรกาชาดสากลด้วย

จัตุรัส Place des Nations และประติมากรรมเก้าอี้ขาหัก

เป็นจัตุรัสที่อยู่หน้าประตูอาคารที่ทำการ สหประชาชาติฝั่งทิศใต้ (ป้าย “Nations” สำหรับ รถบัสและรถราง) ซึ่งใครมาเจนีวามักต้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกประติมากรรมรูปเก้าอี้ขาหักนี้สร้างขึ้นในปี 1997 ระหว่างการประชุม ที่เจนีวาเพื่อลงนามในสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ที่ห้ามการใช้กับระเบิดและ ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (land mine) โดยเป็น ผลงานของศิลปินชาวสวิส Daniel Berset มี น้ำหนักถึง 5.5 ตันและสูง 12 เมตร ดำเนินการโดยองค์กรผู้พิการนานาชาติ (Handicap International) เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนเห็นถึงภัยร้าย แรงของการใช้กับระเบิดในสงครามต่างๆ ทั้งในยุโรปเองอย่างคาบสมุทรบอลข่าน (บอสเนีย และประเทศรอบๆ ที่เคยเป็นยูโกสลาเวียเดิม) ในประเทศเขมรและเวียดนาม และที่อื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งทำให้ผู้คนมากมาย ไม่เฉพาะทหารแต่รวมถึงพลเรือนจำนวนมากต้องเสียชีวิต หรือรอดมาได้แต่ก็พิการขาขาดกลายเป็น ปัญหาที่กระทบถึงสังคมโดยรวม และมีผลตกค้างยาวนานหลายสิบปีหลังจากสงครามสิ้นสุดลงไปนานแล้ว

Grand theatre de Geneva

Grand theatre de Geneva โรงละครหลักของเมือง อยู่หน้าจัตุรัส Place de Nueve ตั้งอยู่ในเจนีวา เป็นโรงละครที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นศูนย์กลางศิลปะการแสดงในเมือง โรงละครแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1876  แต่ถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1951 ทำลายเกือบหมดจนต้องปิด และบูรณะใหม่นานหลายปี จนแล้วเสร็จ และเปิดการแสดงได้อีกครั้งในปี 1962 นี่เอง

Grand theatre de Geneva เป็นที่จัดการแสดงสำคัญๆ ต่าง ทั้งละครคลาสสิกและร่วมสมัย การเต้นรำ โอเปร่า และคอนเสิร์ต โรงละครแห่งนี้เป็นที่รู้จักในด้านระบบเสียงที่ยอดเยี่ยมและการแสดงคุณภาพสูง ทั้งยังดึงดูดศิลปินและผู้ชมจากทั่วโลก โรงละครแห่งนี้ยังจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ มากมาย เช่น เทศกาล นิทรรศการ และเวิร์กช็อป ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางทางวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายและมีชีวิตชีวา

นักท่องเที่ยว สามารถเพลิดเพลินกับการแสดง ชมโรงละคร หรือเพียงแค่ชื่นชมสถาปัตยกรรมและการตกแต่งที่สวยงาม โรงละครแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบที่หรูหรา รวมถึงโคมไฟระย้าหรูหรา ผนังที่ตกแต่งอย่างหรูหรา และที่นั่งกล่องหรูหรา ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนตัวยงของศิลปะการแสดงหรือเพียงมองหาประสบการณ์ทางวัฒนธรรม Grand theatre de Geneva เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับใครก็ตามที่มาเยือนเจนีวา

สวนอังกฤษ English Garden

สวนอังกฤษ (English Garden) เรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสท้องถิ่นว่า Jardin Anglais (ฌาแดง อองแกลส์) เป็นสวนสาธารณะที่ทอดยาวไปตามริมทะเลสาบเจนีวามีพื้นที่ไม่มากนัก คือประมาณ 16 ไร่ แต่ทำเลดีที่สุดคืออยู่หน้าตัวเมืองริมน้ำ สร้างขึ้นในปี 1854 โดยตอนแรกมี การจัดสวนสไตล์อังกฤษ จึงเป็นที่มาของชื่อสวนอังกฤษนั่นเอง ในสวนนี้ยังมีแลนด์มาร์คสำคัญ หลายอย่างเช่น

รูปปั้นอนุสรณ์การเข้าร่วมสมาพันธรัฐสวิส

รูปปั้นอนุสรณ์การที่นครรัฐ (Canton) เจนีวาเข้า ร่วมในสมาพันธรัฐสวิส (Swiss confederation หรือ Confederation Helvetia) เมื่อปี 1814

นาฬิกาดอกไม้

ไฮไลท์หนึ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปด้วย ก็คือ นาฬิกาดอกไม้ (Flower Clock หรือ L’horloge fleurie) ซึ่งจะต้องปลูกกันใหม่ทุกๆ ปีเมื่อพ้นหน้า หนาว โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อปี 1955 และต่อเนื่อง กันมากว่า 60 ปีแล้ว

รถไฟเล็กชมเมือง

ริมทะเลสาบจะมีรถไฟเล็กสีแดง สดจอดรอนักท่องเที่ยว สามารถนั่ง วนรอบๆ บริเวณริมทะเลสาบ จาก สวนอังกฤษ ไปเกือบถึงน้ำพุเจ็ทโด้ ประหยัดเวลาเดินแต่ไม่ค่อยทั่วถึง คือไม่ครอบคลุมย่านเมืองเก่าและ ริมทะเลสาบ ค่าใช้จ่ายก็เลยดูแพง ไปนิดนึง

Rue de Rhone และถนนช้อปปิ้งสายหลัก

Rue de Rhone เป็นถนนช้อปปิ้งที่ทอดยาวขนานกับชายฝั่งทะเลสาบ (Rue = road นั่นเอง)ประกอบด้วยร้านแบรนด์อินเตอร์สุดหรูแต่คนเดินจะไม่หนาแน่นนัก นอกจากนี้ถนนช้อปปิ้งของเจนีวายังมีอีก 3 เส้นที่ต่อกันและขนานไปกับ Rue de Rhone คือ Rue de la Confederation,Rue du Marche และ Rue de la Croix-d’Or มีร้านค้าแบรนด์ทั่วๆ ไปที่เรารู้จักมากมาย และมีผู้คนเดินช้อปปิ้งกันคึกคักที่สุดในเจนีวา รวมทั้งมีรถบัสประจำทางผ่านมากสายที่สุดในบริเวณนี้โดยมีจัตุรัสซึ่งเป็นลานโล่งๆ เชื่อมกับ Rue de Rhone สองจุดคือ Place du Molard และ Placede la Fusterie ซึ่งร้านค้าในแถบนั้นก็จะเอาโต๊ะเก้าอี้มาตั้งเป็นที่นั่งกินดื่มชิลล์ๆ กลางลาน