Home Blog Page 79

เชิญคุณน้องๆ หนูๆ มาร่วมกิจกรรม “Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ทะเลลึกเหนือจินตนาการ” ที่ SEA LIFE Bangkok Ocean World กรุงเทพฯ

เวทีแถลงข่าวการจัดกิจกรรม "Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ทะเลลึกเหนือจินตนาการ" ด้านหน้าอควาเรียม SEA LIFE Bangkok Ocean World
เวทีแถลงข่าวการจัดกิจกรรมด้านหน้าอควาเรียม พี่ๆสื่อมวลชนจากทุกแขนงมารอพบกับแขกรับเชิญพิเศษ คุณแม่โบว์ แวนด้า และน้องมะลิ กันเพียบ
เวทีแถลงข่าวการจัดกิจกรรม "Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ทะเลลึกเหนือจินตนาการ" ด้านหน้าอควาเรียม SEA LIFE Bangkok Ocean World
มีมุมสวยๆบนผืนภาพทะเล 3 มิติ พร้อมแนวประการังสวยๆให้ทุกๆคนได้ถ่ายรูปด้วย

เมื่อช่วงบ่ายของ วันพุธที่ 16 มีนาคม 59 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำใต้ทะเล SEA LIFE Bangkok Ocean World อควาเรียมมาตรฐานระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น B1-B2 ศูนย์การค้า สยามพารากอน เค้าได้จัดให้มีกิจกรรม “Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ทะเลลึกเหนือจินตนาการ” ซึ่งทางผู้จัดได้เชิญสื่อมวลชนพร้อมแขกรับเชิญคนพิเศษอย่าง คุณแม่โบว์ แวนด้า และน้องมะลิ ขวัญใจมหาชนคนเก่ง มาร่วมงานเปิดตัวกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย วัตถุประสงค์ของงานนอกจากจะเป็นการประชาสัมพันธ์ตัวอควาเรียมใหม่ ที่ได้รับการเปลี่ยนชื่อและปรับปรุงให้มีความยิ่งใหญ่อลังการขึ้นกว่า Siam Ocean World เดิมแล้ว

คุณแม่โบว์ แวนด้า และน้องมะลิ ขวัญใจมหาชนคนเก่ง ในงานแถลงข่าวการจัดกิจกรรม "Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ทะเลลึกเหนือจินตนาการ" อควาเรียม SEA LIFE Bangkok Ocean World
คุณแม่โบว์ แวนด้า และน้องมะลิ ขวัญใจมหาชนคนเก่ง มาร่วมงานเปิดตัวกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย กรี๊ดดด.ด.ด.! อยู่ห่างๆเข้าม่ายยยยถึงจิงๆ
กลุ่มนักเรียนทัศนศึกษา กิจกรรม "Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ทะเลลึกเหนือจินตนาการ" อควาเรียม SEA LIFE Bangkok Ocean World
โรงเรียนไหนจะจัดมาทัศนศึกษาแบบนี้ บอกเลยว่า เป็นกิจกรรมที่น่าสนับสนุนและคุ้มค่ากับสิ่งที่น้องๆจะได้รับประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจ แล้วนำกลับไปเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ที่บ้านฟังอย่างมาก
บรรยากาศรอบๆ อควาเรียม SEA LIFE Bangkok Ocean World
บริเวณหน้าประตูทางเข้าถูกจัดสรรไว้อย่างเป็นระเบียบ เรียกได้ว่าตื่นตาตื่นใจกันตั้งแต่ประตูทางเข้าเลยทีเดียว ตื่นเต้นแทนน้องๆอ่ะ ^^

กิจกรรมที่ถูกจัดขึ้นในครั้งนี้ ก็เพื่อเชิญชวนคุณน้องๆ หนูๆ มาใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน พักผ่อนอย่างมีประโยชน์และสนุกสนานไปกับกิจกรรมภาพวาดระบายสี เพื่อแต่งแต้มลวดลายและสีสันอันสดใสให้กับสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลตามจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัดของคุณหนูๆ พร้อมๆ ไปกับการได้เรียนรู้ถึงลักษณะลวดลายและสีสันที่แตกต่างกันของปลาแต่ละชนิด ซึ่งจะส่งผลต่อการมีชีวิตรอดในท้องทะเล เสร็จแล้วคุณหนูๆยังนำผลงานที่ได้ไปสแกนผ่านเครื่องมัลติมีเดียสุดล้ำเพื่อเนรมิตออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวดุจมีชีวิตจริง ซึ่งจะช่วยเติมเต็มจินตนาการให้กับเด็กๆ ได้อย่างน่าทึ่งอีกด้วย

บริเวณพื่นที่ทีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภายในธีม “Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ทะเลลึกเหนือจินตนาการ”
บริเวณพื่นที่ทีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภายในธีม “Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ทะเลลึกเหนือจินตนาการ”
บริเวณจอแสดงผลหลังจากที่น้องๆนำผลงานไปสแกนผ่านเครื่องมัลติมีเดีย ผลงานน้องๆจะมาปรากฏเป็นภาพปลาต่างๆเคลือนไหวบนจอ สวยงามตื่นตาตื่นใจมั๊กๆ
บริเวณจอแสดงผลหลังจากที่น้องๆนำผลงานไปสแกนผ่านเครื่องมัลติมีเดีย ผลงานน้องๆจะมาปรากฏเป็นภาพปลาต่างๆเคลือนไหวบนจอ สวยงามตื่นตาตื่นใจมั๊กๆ
พื้นที่กิจกรรมถูกจัดทำขึ้นอย่างสวยงาม แบ่งออกเป็น 4 สเตชั่น ตามลักษณะของปลา
พื้นที่กิจกรรมถูกจัดทำขึ้นอย่างสวยงาม แบ่งออกเป็น 4 สเตชั่น ตามลักษณะของปลา

สำหรับพื้นที่จัดกิจกรรมดังกล่าวนี้จะอยู่ภายในตัวอควาเรียม โดยจะแบ่งออกเป็น 4 สเตชั่น ตามลักษณะของปลา คือ

1. จอมพรางตัวสุดแนบเนียน (Quirky Camouflage) อย่าง เจ้าปลาแมงป่องหัวโขน หรือ “เจ้าแห่งการพรางตัว” มักจะพรางตัวเลียนแบบสภาพแวดล้อมใต้ทะเล เพื่อหลบซ่อนจากนักล่าได้อย่างแนบเนียนรวดเร็ว

2. สารพัดสีสุดมหัศจรรย์ (Technicolour Dreamcoat) เหล่าปลาที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการังที่มักมีสีสันสดใส ใช้จำแนกสายพันธุ์ เพศ และวัย อย่างปลาแมนดารินที่มีสีสันสดใสเสมือนสวมใส่ “เสื้อคลุมสารพัดสี” เปรียบเหมือนชุดผ้าไหมหลากสีสันของเหล่าขุนนางจีนโบราณ ที่รู้จักกันในภาษาอังกฤษว่า “แมนดาริน”

3. ลายแถบสุดโดดเด่น (Striking Stripes) แถบลายทางช่วยอำพรางให้สัตว์ชนิดอื่นสับสนในรูปทรงของลำตัว เช่น ปลาสิงโต ที่ทั้งสวยงามและอันตราย ซึ่งมีแถบลายทางที่ลำตัวที่โดดเด่น ช่วยพรางตัวให้ศัตรูนักล่าเหยื่อมองไม่เห็นจากระยะไกล และยังมีครีบและเงี่ยงพิษอีกด้วย

4. ลายจุดสุดน่ารัก (Pretty Polkadots) ลายจุดกลมๆตามลำตัวของปลาเหล่านี้มักจะมีสีที่ตัดกับลำตัว ทำให้เหล่านักล่าผู้เป็นศัตรูและสัตว์ที่เป็นเหยื่อ ยากที่จะมองออกว่าเป็นสัตว์หนึ่งตัว อย่าง เจ้าปลาปักเป้ากล่องจุดเหลือง สีเหลืองสดใสและลายจุดที่ลำตัวเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัย ให้ศัตรูนักล่าคิดว่าพวกมันมีพิษและไม่ควรเข้ามาใกล้

คุณแม่โบว์ กับน้องมะลิ ก็ลงมือสร้างผลงานผ่านเครื่องมัลติมีเดียด้วยน้า!
คุณแม่โบว์ กับน้องมะลิ ก็ลงมือสร้างผลงานผ่านเครื่องมัลติมีเดียด้วยน้า!

เครื่องเล่นอินเตอร์แอคทีฟภายในโซน “Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ทะเลลึกเหนือจินตนาการ”

สำหรับคุณน้องๆหนูๆหรือคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจ สามารถพาเด็กๆมาร่วมสัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้ควบคู่ไปกับความบันเทิง พร้อมเปิดโลกจินตนาการกับกิจกรรมอินเตอร์แอคทีฟ “Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ท้องทะเลลึกเหนือจินตนาการ” ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ณ อควาเรียมมาตรฐานระดับโลก ซีไลฟ์ แบงคอก โอเชี่ยน เวิร์ล ชั้น บี1-บี2 สยามพารากอน เท่านั้น! หรือสามารถเข้าไปติดตามดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ sealifebangkok.com

สัตว์น้ำที่ SEA LIFE Bangkok Ocean World กรุงเทพฯ

สัตว์น้ำที่ SEA LIFE Bangkok Ocean World กรุงเทพฯ

"Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ทะเลลึกเหนือจินตนาการ" ที่ SEA LIFE Bangkok Ocean World กรุงเทพฯ
ตู้ปลาขนาดใหญ่ ที่มีพี่ๆ ดำน้ำลงมาดูแลปลาให้ชมกันด้วย
"Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ทะเลลึกเหนือจินตนาการ" ที่ SEA LIFE Bangkok Ocean World กรุงเทพฯ
ตู้ปลาขนาดใหญ่แบบนี้มีให้เห็นอยู่มากมาย ทั่ว SEA LIFE Bangkok Ocean World กรุงเทพฯ เลยล่ะ
"Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ทะเลลึกเหนือจินตนาการ" ที่ SEA LIFE Bangkok Ocean World กรุงเทพฯ
ตู้ปลาขนาดใหญ่แบบนี้มีให้เห็นอยู่มากมาย พร้อมที่นั่งฟังบรรยาย ซึ่งเหมาะสำหรับพาน้องๆหนูๆมาทัศนศึกษามากๆ อากาศเย็นสบายยยยย!
"Amazing Creations มหัศจรรย์วาดฝันใต้ทะเลลึกเหนือจินตนาการ" ที่ SEA LIFE Bangkok Ocean World กรุงเทพฯ
ขวัญใจของหนูๆน้องๆเลย เหล่าเพนกวินแสนซนพวกนี้ เข้ามาเล่นกับน้องๆแบบไม่กลัวเลยด้วยนะ น่ารักมาก
โซนของที่ระลึก ที่ SEA LIFE Bangkok Ocean World กรุงเทพฯ
ก่อนจากกัน ก็ยังมีพื้นที่ให้เราเลือกซื้อของที่ระลึกสวยๆฝากตัวเองและเพื่อนๆด้วย

ปล. จากใจทีมงานที่ได้ไปสัมผัสมากับตาตัวเอง ต้องขอบอกว่า เป็นอควาเรียมหรือศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำใต้ทะเลใจกลางกรุงเทพฯที่จัดได้อย่างยิ่งใหญ่ตระการตา และถือได้ว่าคุ้มค่ามากๆสำหรับผู้ที่ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชม งานนี้หากผู้ปกครองท่านใดไม่สะดวกที่จะเดินทางไปต่างจังหวัด แต่อยากพาน้องๆไปชื่นชมชีวิตสัตว์น้ำใต้ท้องทะเล เราขอแนะนำที่นี่ครับ คุ้มค่าตระการตาและยิ่งใหญ่ไม่แพ้อควาเรียมที่อื่นๆแน่นอน ฟันธง!!!


แผนผังภายในบริเวณอควาเรียม SEA LIFE Bangkok Ocean World กรุงเทพฯ
แผนผังภายในบริเวณอควาเรียม SEA LIFE Bangkok Ocean World กรุงเทพฯ

อควาเรียม SEA LIFE Bangkok Ocean World ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำใต้ทะเล
[info-t””] เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10:00 น.- 21:00 น. (จำหน่ายบัตรรอบสุดท้าย 20:00 น.)
[info-p””] ราคาค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 490 บาท/เด็ก (อายุ 3-11 ปี) 350 บาท/เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เข้าชมฟรี!!! (จองตั๋วผ่านเว็บ ลด 10%) (หากเป็นวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ เข้าชมก่อนเที่ยงวัน จองตั๋วผ่านเว็บ ลด 30%)
[info-d””] ชั้น B1-B2 ศูนย์การค้า สยามพารากอน (นั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสยาม)
[info-w””] sealifebangkok.com

แนะนำให้ใช้เวลาเดินชมทั่วๆโดยเฉลี่ยประมาณ 1 ชม. – 1 ชม. 30 นาที

เรื่องและภาพ: Superman DPlus Guide Team

รีวิวไอศกรีมญี่ปุ่น 7 รสจาก 7 จังหวัด ท้าอากาศร้อน!

รีวิวไอศกรีมญี่ปุ่น 7 รสจาก 7 จังหวัด ท้าอากาศร้อน!

นี่คือเรื่องราวของความคับแค้น (?) จากทีมงาน DPlus Guide ที่สิงสถิตอยู่ใน #ทีมยังไม่ได้กินไอติมกูลิโกะ  มานานแสนนาน ตั้งแต่ไอศกรีมกูลิโกะของญี่ปุ่นเข้ามาวางจำหน่ายในเมืองไทยตั้งแต่ต้นปี จวบจนถึงตอนนี้ (เดือนมี.ค.แล้ว) ก็ยังคงไม่ได้ชิมเสียที (…ก็แถวออฟฟิศไม่มีขายอ้ะ!)

บวกเข้ากับสภาพอากาศร้อนๆ ของกรุงเทพมหานครในตอนนี้ ชวนให้คิดถึงอากาศเย็นๆ และไอศกรีมเย็นๆ ของประเทศญี่ปุ่นเสียเหลือเกิน! อย่ากระนั้นเลย ในฐานะที่ทีมงาน DPlus Guide ผู้ได้ออกตะลุยเก็บข้อมูลไปทั่วญี่ปุ่น นานๆ ทีก็แวะพักกินไอติมบ้างอะไรบ้าง (อ่านแล้วจุ๊ๆ ไว้ อย่าไปบอกหัวหน้านะ >ω<‘) เราจึงรวบรวมภาพไอศกรีมรสชาติแปลกๆ มากมายที่เคยชิมมาแบ่งปันเขียนเป็นรีวิวให้เพื่อนๆ ได้ตามไปลิ้มลองกันแทนค่ะ ใน #สวยและเชิดมาก

ในคราวนี้ ทีมงาน DPlus Guide จัดมารีวิวแบบสั้นกระชับ ฉับไว 7 รส จาก 7 จังหวัดในญี่ปุ่น ให้หายร้อนกันไปเลย!

1. ไอศกรีมรสวาซาบิ

เที่ยวญี่ปุ่น ชิมไอศกรีมรสวาซาบิ จาก Daio Wasabi Farm เมือง Azumino จังหวัด Nagano

ไอศกรีมรสวาซาบิถ้วยนี้ มาจากฟาร์มวาซาบิ Daio Wasabi Farm เมือง Azumino จังหวัดนางาโนะ (Nagano) เป็นไอศกรีมรสวาซาบิก็จริง แต่ไม่ได้ขึ้นจมูกฟืดฟาดอะไรขนาดนั้น ตักเข้าปากแล้วได้รสของวาซาบิพอประมาณ กลมกล่อมกำลังดีค่ะ

 

2. ไอศกรีมรสส้ม

เที่ยวญี่ปุ่น ชิมไอศกรีมรสส้ม จาก ปราสาท Matsuyama Castle เมือง Matsuyama จังหวัด Ehime

ไอศกรีมรสส้มโคนนี้ ซื้อจากที่ ปราสาท Matsuyama Castle เมือง Matsuyama จังหวัดเอฮิเมะ (Ehime) รสชาติเข้มข้นทีเดียว มีกลิ่นหอมของส้มด้วย

 

3. ไอศกรีมรส Pear (สาลี่)

เที่ยวญี่ปุ่น ชิมไอศกรีมรสส้ม จาก ปราสาท Matsuyama Castle เมือง Matsuyama จังหวัด Ehimeไอศกรีมรส Pear (สาลี่) จาก ร้านขายของฝากที่ Tottori Sand Dune จังหวัด Tottori

ไอศกรีมรสแพร์ (หรือก็คือสาลี่นั่นเอง) จาก ร้านขายของฝากที่เนินทราย Tottori Sand Dune จังหวัดทตโตริ (Tottori) เนินทรายที่นี่ คนญี่ปุ่นเขาเรียกกันว่า ทตโตริ ซากิว (Tottori Sakyu) เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด Tottori เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็นเนินทรายขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย เมื่อมาเที่ยวกันแล้วต้องไม่ลืมแวะชิมไอศกรีมรสลูกแพร์รสชาติเข้มข้นจากร้านขายของฝากที่นี่ เที่ยวเนินทรายอากาศร้อนๆ แดดเปรี้ยงๆ มาเจอไอศกรีมหอมหวานชื่นใจ เหมือนได้กินลูกแพร์สดๆ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง! อร่อยมากๆ!

ไอศกรีมรส Pear (สาลี่) จาก ร้านขายของฝากที่ Tottori Sand Dune จังหวัด Tottori
ไอศกรีมรส Pear (สาลี่) ที่แม้แต่คุณยายคุณตาชาวญี่ปุ่นก็ยังต้องทาน!

 

4. ไอศกรีมรสมัน

เที่ยวญี่ปุ่น ชิมไอศกรีมรสมัน จาก จุดชมวิว Senjojiki Naruto เมือง Naruto จังหวัด Tokushima

เห็นขาวๆ นวลๆ แบบนี้ ไม่ใช่ไอศกรีมนมธรรมดานะจ๊ะ เพราะนี่คือไอศกรีมรสมันต่างหาก! โคนนี้ได้มาจาก จุดชมวิว Senjojiki Naruto เมือง Naruto จังหวัดโทกุชิมะ (Tokushima) รสชาติออกไปทางจืดๆ ได้รสของมันนิดหน่อย ใครไม่ทานหวานมากน่าจะชอบค่ะ

 

5. ไอศกรีมรสชาเขียว

เที่ยวญี่ปุ่น ชิมไอศกรีมรสชาเขียว พิพิธภัณฑ์ชา Ocha no Sato เมือง Shimada จังหวัด Shizuoka

ไอศกรีมรสชาเขียว …ฟังดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา เพราะเป็นไอศกรีมรสชาเขียวจาก พิพิธภัณฑ์ชา Ocha no Sato เมือง Shimada จังหวัดชิซูโอะกะ (Shizuoka) เพราะฉะนั้นรับประกันความเข้มข้นของชาเขียวจากญี่ปุ่นแท้ๆ ถึงใจ รสชาเขียวมาเต็ม เข้มข้น อร่อยมากจนรู้สึกว่าไม่แนะนำไม่ได้!

 

6. ไอศกรีมรส Chestnut & Vanilla

เที่ยวญี่ปุ่น ชิมไอศกรีมรส Chestnut & Vanilla จากตู้กด วนอุทยานแห่งชาติ Meiji No Mori Minoh จังหวัดโอซาก้า (Osaka)

ไอศกรีมกูลิโกะ Seventeen Ice รส Chestnut & Vanilla (เกาลัดและวานิลลา) เห็นเป็นไอติมตู้แบบนี้ อย่าเพิ่งประมาทว่าเป็นไอติมกูลิโกะแล้วจะหาซื้อกันได้ง่ายๆ เพราะไอศกรีมรสนี้เป็นรสพิเศษตามฤดูกาล ซึ่งจะมีจำหน่ายแค่บางช่วงเวลาเท่านั้น สำหรับรส Chestnut & Vanilla หรือรสเกาลัดและวานิลลาที่เห็นนี้ มีขายเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นจ้า (ไม่แน่ใจว่ามีทุกตู้ไหม แท่งนี้ไปเจอที่ตู้กดไอศกรีมกูลิโกะ ในวนอุทยานแห่งชาติ Meiji No Mori Minoh จังหวัดโอซาก้า (Osaka) ค่ะ) แท่งสีเหลือง เข้มข้น ทั้งกลิ่นทั้งรสเกาลัด ผสมกับวานิลลาได้กลมกลืน ใครไปเที่ยวแล้วมีโอกาสได้เจอรสนี้ อย่าลืมลองกันให้ได้นะ!

 

7. ไอศกรีมรส Soda Float และรส Choco Mint

เที่ยวญี่ปุ่น ชมไอศกรีมรส Soda Float จากตู้กดไอศกรีมกูลิโกะ (Glico)

เที่ยวญี่ปุ่น ชมไอศกรีมรส Choco Mint จากตู้กดไอศกรีมกูลิโกะ (Glico)

อันนี้ค่อนข้างหาง่าย มีแทบทุกตู้กดเพราะเป็นรสซิกเนเจอร์ของแบรนด์กูลิโกะ Seventeen Ice เขาเลย แท่งลายๆ ส้มสลับฟ้าเป็นรส Soda Float มีรสของโซดาเล็กน้อย ในภาพถ่ายมาตอนไปจังหวัดยามางุจิ (Yamaguchi) จ้า

ส่วนแท่งสีฟ้า คือรส Choco Mint แบบเดียวกับที่มีขายในประเทศไทย (พอมาไทยแล้วชื่อรสดาร์กช็อกโกแลตและกลิ่นมินท์) มาจากตู้กดที่เดียวกับไอศกรีมรส Chestnut & Vanilla ข้อที่แล้วจ้า (รสชาติต่างกับที่ไทยมากไหม ไม่รู้เหมือนกัน เพราะจนตอนนี้ยังหาซื้อไอศกรีมกูลิโกะในไทยไม่ได้เลย #ร้องไห้หนักมาก )

 

อันนี้แถมให้ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่ไม่ได้ไปเที่ยวนอกเมืองไกลๆ ในเมืองก็มีตู้กดไอติมที่มีรสชาติแปลกๆ หลายรสให้เลือกเหมือนกันนะ ヽ(≧ω≦)ノ ซึ่งหน้าตาตู้กดไอศกรีมที่ญี่ปุ่นจะเป็นแบบนี้ค่ะ

หน้าตาตู้กดไอศกรีมกูลิโกะที่ญี่ปุ่น
หน้าตาตู้กดไอศกรีมกูลิโกะที่ญี่ปุ่น > <‘

ในตู้กดจะมีทั้ง Seventeen Ice แบบธรรมดา และ Seventeen Ice แบบ SPECIAL SELECTION ซึ่งแบบ SPECIAL SELECTION จะมีแต่แบบโคนให้เลือกเท่านั้น แพงกว่าแบบธรรมดานิดหน่อย มักเป็นรสชาติที่เอาวัตถุดิบสองอย่างขึ้นไปมาผสมกัน เช่น รสกล้วยผสมแมคคาเดเมีย, รสแอปเปิ้ล สตรอว์เบอร์รี และวอลนัต (สามสิ่งนี้รวมกันเป็นรสเดียว) เป็นต้น หรือไม่ก็เป็นรสที่ใช้วัตถุดิบพิเศษ เช่น รสช็อกโกแลตเบลเยี่ยม และรสสตรอว์เบอร์รี Tochiotome ทำจากสตรอว์เบอร์รีพันธุ์ขึ้นชื่อของจังหวัดโตจิงิ (Tochigi)

นอกจากนี้ยังอาจได้เจอตู้กดไอศกรีมญี่ปุ่นยี่ห้ออื่นๆ อีก เอาเป็นว่าละลานตาค่ะ เลือกรสที่ชอบได้เลย!

เรื่องและภาพ: boytheway | เรียบเรียง : naNutt & boytheway DPlus Guide Team

พระใหญ่ไดบุตสุ วัดโคะโตะคุอิน (Kotokuin Temple) เปิดให้เข้าชมตามปกติแล้ว

เที่ยวญี่ปุ่นวัดโคะโตะคุอิน (Kotokuin Temple) สักการะพระใหญ่ไดบุตสุ

ข่าวดีสำหรับคนเที่ยวญี่ปุ่น วัดโคะโตะคุอิน (Kotokuin Temple) เมืองคามาคุระ (Kamakura) จ.คานางาวะ (Kanagawa) ภูมิภาคคันโต (Kanto) ที่เคยปิดซ่อมแซมองค์พระใหญ่ไดบุตสุ ปัจจุบันกลับมาเปิดให้เข้าชมตามปกติแล้ว

ซึ่ง การปิดซ่อมแซมองค์พระใหญ่ไดบุตสุ (Great Buddha – Daibutsu) ที่ผ่านมา ได้ใช้เวลาตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. – 10 มี.ค. 2016 เพื่อปิดซ่อมแซมองค์พระใหญ่ มีการใช้นั่งร้านและมีหลังคาคลุมองค์พระชั่วคราวทำให้ไม่สามารถเข้าชมองค์พระในช่วงเวลาดังกล่าว ปัจจุบันได้ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเปิดให้เข้าชมได้ตามปกติแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. 2016

ผู้ที่มีแผนการท่องเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อไปสักการะองค์พระใหญ่ไดบุตสุที่วัดโคะโตะคุอิน เมืองคามาคุระ จึงสามารถเข้าชมได้ตามปกติแล้วค่ะ

เที่ยวญี่ปุ่นวัดโคะโตะคุอิน (Kotokuin Temple) สักการะพระใหญ่ไดบุตสุ

[icon sp] บทความที่เกี่ยวข้อง: เที่ยวญี่ปุ่นวัดโคะโตะคุอิน (Kotokuin Temple) สักการะพระใหญ่ไดบุตสุ

เรื่อง: DPlus Guide Team | ที่มาข่าว: www.kotoku-in.jp

ร้านอาหารญี่ปุ่น Kaizen Sushi & Hibachi ฟินกับเมนูซูชิและปลาดิบในย่านอารีย์

ร้านอาหารญี่ปุ่น Kaizen Sushi & Hibachi ย่านอารีย์ ใกล้ BTS อารีย์

คอน-นิ-จิ-วะ ^^ วันนี้ทีมงาน DPlus Guide ขอนำท่านฝ่าไอแดดอันร้อนระอุของเดือนมีนาฯ ลงพื้นที่ไปสำรวจหาร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ต้นตำรับในระแวกเขตพญาไท ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS อารีย์กัน  ซึ่งหลังจากได้ข้อมูลมาในเบื้องต้นว่าแถวซอยพหลโยธิน 7 นี้ มีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่มากมายหลากหลายแนวทั้ง ชาบู ซูชิ+ซาซิมิ ดงบุริ (ข้าวหน้าต่างๆ) ยากินิคุ (ปิ้งย่าง) ทั้งที่เป็นบุฟเฟ่ต์และไม่บุฟเฟ่ต์ วันนี้ผมตั้งใจไว้แล้วว่า จะพาทุกท่านมาสัมผัสกับรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของอาหารญี่ปุ่นที่เป็นธรรมชาติที่สุดอย่างซูชิและซาซิมิ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจึงปักหมุดไปที่ร้าน Kaizen Sushi & Hibachi (ไคเซ็น ซูชิ แอนด์ ฮิบาชิ) ที่ได้รับการันตีจากเว็บ Wongnai ให้เป็น 1 ในร้าน User’s Choice 2016 พร้อมแล้วตามผมมาครับ ^^

0002

0003

Kaizen มีอยู่ทั้งหมด 3 สาขาคือ สาขาราชเทวี (ติดรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี), สาขาพระราม 9 (The Shoppes at Belle หลังเซ็นทรัล พระราม 9) และสาขาที่ผมกำลังจะแวะเข้าไปนี้คือ สาขาอารีย์ (ติดรถไฟฟ้า BTS อารีย์) ตำแหน่งที่ตั้งของร้านอยู่ใต้คอนโดมิเนียม Noble Reform ที่ตั้งสูงตระหง่านเป็นสีน้ำตาลเหมือนเค้กช็อกโกแลตก้อนโตอยู่ตรงหน้าปากซอยพหลโยธิน 7 ซึ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าถ้ามาถึงปากซอยแล้วไม่มีหลงแน่นอน! เหลือบมองนาฬิกา อะ! 11 โมงกว่าร้านเปิดแล้วจะมัวรออะไรล่ะ ป่ะ! ลุยกันเล้ยยย!

0004

ทันทีที่เดินเข้ามาในร้าน อาจเพราะเพิ่งเปิดร้านมาได้แค่ไม่กี่นาทีลูกค้าจึงยังดูบางตา ไอ้เราก็เดินดุ่ยๆมองหาที่นั่งริมหน้าต่าง อ๊ะ! เจอแล้ว

0005

ทันทีที่นั่งลงพนักงานก็นำเอาเมนูอาหารกองโตมาให้เลือก มีรายการอาหารให้เลือกมากมายทั้ง ข้าวห่อสาหร่ายหรือ Roll/Maki, ชุดปลาดิบหรือซาซิมิ (Sashimi Set), ดงบุริ (Donburi) หรือข้าวหน้าต่างๆ, ปลาย่าง (Yakimono), เนื้อสเต็ก (Steak), สลัด (Salad), ซูชิหน้าต่างๆ ที่จัดมาเป็นชุด (Sushi Set) หรือจะเลือกหน้าพิเศษมาเป็นคำๆอย่าง Uni (ไข่หอยเม่น : จะบอกดีมั้ยว่า…จริงๆแล้วมันคือ รังไข่หอยเม่นต่างหาก ^^) หรือ Foie Gras (ตับห่าน) ก็มี ซึ่งทุกรายการจะระบุราคาและมีภาพตัวอย่างประกอบที่ชัดเจน สนนราคาโดยรวมๆเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆในระดับเดียวกันแล้วก็ต้องถือว่าไม่แพง เรียกได้ว่าอยู่ในระดับกลางๆ อาทิตย์ละครั้งยังไหว ^^

0006

ผมใช้เวลาเลือกอยู่สักพัก แล้วตัดสินใจสั่งชุดซูชิ Kaizen Sushi Set D ราคา 490 บาท กับชุดซาซิมิ Kaizen Sashimi Set A ราคา 440 บาท เอานี่แหละก็ตั้งใจมากินซูชิกับซาซิมินี่นา (เดี๋ยวมาดูกันนะว่าของจริงจะเหมือนกับในรูปมั๊ย ^^ อิอิ) ชุดซูชิกับซาซิมินี่เป็นเมนูอาหารชุดกลางวันที่เสิร์ฟถึง 15:00 น. เท่านั้น แหม!…มาได้เวลาเหมาะใกล้เที่ยงล่ะ จัดเบยยยย..ยย! ^^

0008

ระหว่างที่นั่งรออาหาร ทางร้านก็จะมีถั่วแระญี่ปุ่นมาเสิร์ฟไว้ให้คุณทานเล่นเพลินๆ อย่าเขินครับ! หยิบมันขึ้นมาทานได้เลย ^^

0010

ระหว่างนั่งรอผมก็มองไปรอบๆ บรรยากาศภายในร้านตกแต่งให้เป็นสไตล์ญี่ปุ่นเรียบง่าย การจัดวางโต๊ะแม้สถานที่จะไม่กว้างขวางแต่ก็จัดวางได้อย่างลงตัวไม่เบียดเสียด ตอนผมมาเป็นช่วงกลางวันข้างนอกแดดจ้าแต่ภายในร้านแสงสว่างทั่วถึงกำลังดีอากาศเย็นสบาย มีเสียงเพลงเบาๆขับกล่อม น่านอน ^^ มีบาร์สำหรับนั่งทานแล้วดูเชฟ 4 คน ประกอบเมนูอาหารจานร้อนต่างๆ หรือที่เรียกว่า Hibachi ให้ดูด้วย พนักงานบริการทั่วถึง รวดเร็ว และคล่องแคล่วดี ชื่นชมบรรยากาศภายในร้านได้ไม่นานอาหารก็มา ^^

0012

ผ่างงง.ง…ง.งง! มาแล้วครับจานแรก ชุดปลาดิบหรือ ชุดซาซิมิ Kaizen Sashimi Set A ประกอบด้วย เนื้อปลาแซลมอน (Salmon), เนื้อแดงของปลามากุโระ (Akami), เนื้อหอยปีกนก (Hokkigai) และปูอัด (Kani) มาพร้อมข้าวญี่ปุ่น หน้าตาเป็นไงครับ! ดูดีคล้ายกับในรูปเลยทีเดียว ทีนี้มาดูรสชาติมั่ง

0024

คำแรกผมขอเป็นเนื้อปลาแซลมอนแล้วกันครับ อดใจไม่ไหวเพราะมันชิ้นใหญ่มากกกก ขนาดปากกว้างๆอย่างผมยังคีบใส่ปากคำเดียวไม่หมด และสีสันดูน่าทานสุดๆ จังหวะที่ใช้ตะเกียบคีบขึ้นมารู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่มของเนื้อปลาแซลมอน ดมดูไม่มีกลิ่นคาวเลยแม้แต่น้อย (สาบานเลย ^^) คีบใส่ปากปุ๊บ! อ๊าส์…รสชาติที่ลิ้นสัมผัสได้คือ “โตะเตะโหมะ โออิชี่“ อร่อยมากกกกก นุ่ม ลื่น หวาน หอม เคี้ยวหนุบหนับ สดแน่นอน นี่แค่ชิ้นแรกยังเหลืออีกตั้ง 2 โอ๊ยยย! คุ้มค่า…น้ำตาจิไหล! ^^

0025

ถัดมาก็ Hokkigai หรือเนื้อหอยปีกนกที่เค้าว่ามีราคาแพงและหากินยาก ดมดูไม่มีกลิ่นคาว คีบใส่ปากปุ๊บ! เคี้ยวหนุบหนึบๆ คล้ายๆ หอยชักตีนบ้านเรา จิ้มโชยุหน่อยก็โอเคร้!

0026

ถัดมา Akami หรือก็คือเนื้อแดงที่มีมันน้อยหรือไม่มีเลยของปลามากุโระ (Maguro) แอบเสียดายที่ไม่ได้ชิม Otoro หรือเนื้อส่วนท้องที่มีไขมันแทรกอยู่ในทุกอณูของเนื้อปลา อันนี้เค้าว่าเด็ดสุด! หลังคีบ Akami ใส่ปากปุ๊บ! เคี้ยวหนุบหนึบๆ รสชาติจืดๆ จิ้มโชยุหน่อยก็โอเคร้! ส่วนที่เหลือก็ Kani หรือปูอัด ไม่รู้คิดไปเองรึป่าว! แต่เคี้ยวแล้วมันกรุบกรอบ อร่อยกว่าปูอัดตามร้านบุฟเฟ่ต์ทั่วไปอยู่นะ ^^ จากนั้นชิ้นที่เหลือก็จิ้มโชยุแล้วจัดหนักกับวาซาบิจนน้ำหูน้ำตาไหลพรากๆ แล้วตามด้วยข้าว อิ่มอร่อย! จบไป 1 เซ็ตกับซาซิมิ ^^

0013

0017

ผ่างงง.ง…ง.งง! จานถัดไป (เริ่มจุก ^^!) ชุดซูชิ Kaizen Sushi Set D ประกอบด้วย ซูชิ 6 คำ ที่มีทั้งหน้าเนื้อปลาแซลมอน, เนื้อแดงของปลามากุโระ, เนื้อปลาฮามาจิ (Hamachi), ไข่ปลาแซลมอน (Ikura), กุ้งหวาน (Amaebi) และเนื้อปลาไหล (น้ำเค็มเรียก Anago แต่ถ้าเป็นน้ำจืดเรียก Unagi) ตามมาด้วยข้าวห่อสาหร่ายสอดไส้เนื้อปลาแซลมอน (Salmon Maki) ตบท้ายด้วยไข่หวาน 2 คำ ในเซ็ตเสิร์ฟพร้อมไข่ตุ๋น หน้าตาน่าทานเหมือนในรูปเลยทีเดียว เนื้อปลาแต่ละคำบนซูชิ มากันชิ้นใหญ่เบิ้มอีกแล้ว ไม่รอช้ามาดูรสชาติกันดีกว่า ^^

0015

0016

จริงๆแล้วการทานซูชิ (Sushi) ที่ถูกต้องควรเริ่มทานจากชิ้นที่มีรสชาติอ่อนๆก่อนแล้วไล่ไปหาชิ้นที่มีรสชาติเข้มอย่างในเซ็ตนี้ เนื้อปลาแซลมอนและไข่ปลานี่อาจเอาไว้ท้ายสุดก็ได้แล้วตบท้ายด้วยไข่หวาน แต่ครั้งนี้ผมขออนุญาตเลือกเอาตามสะดวกโดยเรียงจากซ้ายไปขวาสุดแล้วกันนะครับ ^^

0018

เพราะงั้นคำแรกจึงเป็น ^^ อิอิอิ ของชอบ! ซูชิหน้าเนื้อปลาแซลมอน (Salmon) สีสันดูน่าทาน ไม่มีกลิ่นคาวเลย เนื้อปลาชิ้นใหญ่และยาวมั๊กๆจนปิดข้าวซะมิดเลย ป้ายวาซาบิ จิ้มโชยุ แล้วเอาตะเกียบคีบใส่ปากปุ๊บ! อ๊าส์…เอาอีกแล้ว “โตะเตะโหมะ โออิชี่“ อร่อยมากกกกก นุ่ม ลื่น หวาน หอม เคี้ยวหนุบหนับ สดแน่นอน …น้ำตาไหลพราก ^^ (วาซาบิขึ้นจมูก)

0019

คำต่อมา Hamachi หรือซูชิหน้าเนื้อปลาฮามาจิ เนื้อสีขาวๆ ไม่มีกลิ่นคาว ชิ้นใหญ่และยาวเหมือนเดิม จัดการ ป้ายวาซาบิ จิ้มโชยุ แล้วเอาตะเกียบคีบใส่ปากปุ๊บ! อืมมม.ม..เนื้อแน่น หนุ่บหนับๆ หวานนิดๆ อร่อยดี ^^

0020

คำต่อมา Akami หรือเนื้อแดงของปลามากุโระ ไม่มีกลิ่นคาว จัดการ ป้ายวาซาบิ จิ้มโชยุ แล้วเอาตะเกียบคีบใส่ปากปุ๊บ! อืมมม.ม..ก็รสชาติเหมือนซาซิมิก่อนหน้านี้นั่นแหละ แต่คราวนี้กินกับข้าวหมักน้ำส้มสายชู อร่อยดี ^^

0021

คำต่อมา Amaebi หรือกุ้งหวาน โรยหน้าด้วยไข่กุ้ง ดมดูไม่มีกลิ่นคาว จัดการ ป้ายวาซาบิ จิ้มโชยุ แล้วเอาตะเกียบคีบใส่ปากปุ๊บ! กุ้ง…กุ้ง ก็กุ้งงัย กรุบกรอบ สด อร่อยดี ^^

0022

คำต่อมา Anago หรือเนื้อปลาไหลน้ำเค็ม (ย้ำให้อีกที ถ้าเป็นปลาไหลน้ำจืดจะเรียกว่า Unagi) ย่างไฟแล้วราดด้วยซอสหวานหรือ “คาบายากิ” หน้าตาน่าทานมาก หอมกลิ่นเนื้อปลาย่างไฟอ่อนๆ อันนี้ไม่ป้ายวาซาบิ ไม่จิ้มโชยุ ใช้ตะเกียบคีบ…!! เผละ! คีบ…!! เผละ! เนื้อปลาดูเละไปนิด พอใส่ปากได้ปุ๊บ! เนื้อนุ่ม หวาน หอม แต่ติดตรงที่เละไปนิด จริงๆน่าจะเหนียวหนึบกว่านี้อีกนิดรึป่าว! แต่ก็อร่อยดี ^^

0023

คำสุดท้ายของแถวซูชิคือ Ikura หรือไข่ปลาแซลมอน สีสันดูน่าทาน (ดมดู) ไม่มีกลิ่นคาวนะ ^^! แต่พอคีบเข้าปากเท่านั้นแหละ อุ๊บส์…พอแตกในปาก รสชาติเค็มๆมันๆ ติดคาวนิดๆก็คลุ้งไปทั่วทั้งปาก ต้องคนใจรักจริงๆเลยนะคำนี้ ^^ ส่วนที่เหลือก็คือ ข้าวห่อสาหร่ายสอดไส้เนื้อปลาแซลมอน (Salmon Maki) 3 คำโตๆกับไข่หวานอีก 2 คำ อร่อยมาก ^^ จริงๆ ซัดไม่เหลือ แล้วล้างปากด้วยไข่ตุ๋น นุ่มๆลื่นๆ หอม หวาน มัน และเคี้ยวเพลินกับอีกสารพัดที่บรรจงใส่มาให้ในไข่ตุ๋น อันนี้อร่อยมากขอบอก ^^

0011

หลังทานเสร็จก็เที่ยงพอดีสังเกตไปรอบๆร้านคนเริ่มทยอยมากันหนาตาขึ้น ละแวกนี้เป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการหลายอย่างรวมทั้งห้างร้านบริษัทต่างๆที่อยู่บนอาคารสูง ดูแล้วน่าจะได้รับความนิยมจากคนทำงานในละแวกนี้อยู่ไม่น้อย พอคนเริ่มเยอะด้วยสถานที่ร้านอันกะทัดรัด เสียงพูดคุยจึงค่อนข้างอื้ออึงกลบเสียงเพลงและบรรยากาศที่น่ารื่นรมณ์ไปเสียหมด ถ้าใครจะมานั่งแบบชิลล์ๆ ช่วงคนน้อยๆ หากเป็นวันทำงานก็คงต้องกะเวลาเอาหน่อย

0029

ร้าน Kaizen Sushi & Hibachi (ไคเซ็น ซูชิ แอนด์ ฮิบาชิ) ที่นี่เขาเปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 11:00 – 23:00 น. จะสะดวกเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้า BTS มาลงสถานี อารีย์ หรือจะขับรถมาเลยก็ยังได้ เพราะที่นี่เค้าให้คุณจอดรถได้ที่คอนโด Noble Reform นั่นแหละ โดยทางร้านจะรับผิดชอบออกค่าที่จอดรถให้กับลูกค้าเอง (ตามเวลาที่ทานอาหารในร้านสูงสุดไม่เกิน 2 ชม.) เยี่ยมจริงๆ หรือถ้าใครมีข้อสงสัยที่ต้องการสอบถามเพิ่มเติมก็ติดต่อไปได้ที่เบอร์โทร. 091-670-9981

0027

หลังเรียกพนักงานมาเช็กบิล ทางร้านจะเสิร์ฟแคนตาลูปจานเล็กๆมาให้ทานล้างปากระหว่างรอบิล

0028_01

รอสักพัก…มาแล้ว เห็นบิลแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ ทั้งหมดที่รีวิวมานี้ทั้งซูชิและซาซิมิชุดใหญ่เบ็ดเสร็จแล้วจ่ายไปเพียงแค่พันเศษๆ สำหรับผมที่ตั้งใจจะมาพิสูจน์ แค่ 2 อย่างนี้ก็ถือว่าคุ้มสุดๆ และสมความตั้งใจแล้วครับวันนี้

อ้อ…อย่าลืมนะครับ! ยังไงซะถ้าหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบและหลงใหลในรสชาติของอาหารญี่ปุ่นสไตล์ต้นตำรับแล้วล่ะก็ทีมงาน DPlus Guide ขอบอกว่าอย่าพลาดที่จะหาโอกาสแวะเวียนมาที่ร้าน Kaizen Sushi & Hibachi แห่งนี้นะครับ เพราะอาหารที่นี่เค้าสด อร่อย และบริการดี สมคำร่ำลือจริงๆ วันนี้ผมขอลาไปหาข้อมูลที่อื่นมารีวิวกันต่อ คราวหน้าผมจะพาไปร้านไหน? ไปกินอะไร? ไว้คอยติดตามชมกันนะครับ ซา-โย-นา-ระ ^^

ร้านอาหารญี่ปุ่น Kaizen Sushi & Hibachi ฟินกับเมนูซูชิและปลาดิบในย่านอารีย์
ร้านอาหารญี่ปุ่น Kaizen Sushi & Hibachi ย่านอารีย์ ใกล้ BTS อารีย์

ร้านอาหารญี่ปุ่น Kaizen Sushi & Hibachi ฟินกับเมนูซูชิและปลาดิบในย่านอารีย์
[info-t””] เปิดทุกวัน 11:00 – 23:00 น.
[info-d””] BTS อารีย์ อาคาร Noble Reform ปากซอยพหลโยธิน 7  (เบอร์โทรศัพท์ 091-670-9981)
[info-w””] www.facebook.com/KaizenSushiHibachi
[info-g “”] 13.781121, 100.544806

เรื่องและภาพ: Superman DPlus Guide Team

พก Power Bank ขึ้นเครื่องบินได้ไหมนะ? รึไม่ได้? เอ๊ะ!…ยังไงดี?

พก Power Bank ขึ้นเครื่องบินได้ไหมนะ? รึไม่ได้? เอ๊ะ!...ยังไงดี?
พก Power Bank ขึ้นเครื่องบินได้ไหมนะ? รึไม่ได้? เอ๊ะ!...ยังไงดี?

นำ Power Bank ขึ้นเครื่องบินได้หรือไม่?

ปัจจุบันถือเป็นอีกเรื่องที่ควรใส่ใจและให้ความร่วมมือ สำหรับผู้ที่มีหรือนิยมพกพา แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) ติดตัวไปด้วยในทุกๆที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องโดยสารเครื่องบินเพื่อเดินทางไปไหนมาไหนบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางทั้งภายในหรือภายนอกประเทศ

พก Power Bank ขึ้นเครื่องบินได้ไหมนะ? รึไม่ได้? เอ๊ะ!...ยังไงดี?
พก Power Bank ขึ้นเครื่องบินได้ไหมนะ? รึไม่ได้? เอ๊ะ!…ยังไงดี?

เนื่องจากแบตเตอรี่สำรองหรือ Power Bank นั้น ตามกฏมาตรฐานความปลอดภัยของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศหรือ IATA และกรมการบินพลเรือน ได้ถูกกำหนดให้เป็นวัตถุอันตรายที่ “ไม่อนุญาต” ให้ใส่ไว้ในกระเป๋าที่จะนำไปเช็กอิน (Checked Baggage) เพื่อที่จะโหลดไปไว้ในห้องเก็บสัมภาระบนเครื่องบิน

power-bank-8800
ภาพ : nablopomo.ning.com

เนื่องจากแบตเตอรี่ดังกล่าวเป็นชนิดลิเธียม (Lithium) แบบเดียวกับแบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือ ที่ถ้าหากทำงานผิดปกติหรือเกิดการช็อตขึ้นจะทำให้เกิดความร้อนสูงมาก จนอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นลุกติดไฟ และเกิดการระเบิดขึ้นได้ในขณะที่อยู่บนเครื่องบิน ยิ่งถ้าหากเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นภายในห้องเก็บสัมภาระที่มีกระเป๋าผู้โดยสารอยู่มากมาย และไม่มีใครสังเกตเห็นด้วยแล้ว อาจก่อให้เกิดการลุกลามไปยังแบตเตอรี่ที่อยู่ใกล้เคียงในกระเป๋าใบอื่นๆ จนก่อให้เกิดเป็นไฟไหม้ในวงกว้างนำไปสู่เหตุร้ายแรงขึ้นได้

พก Power Bank ขึ้นเครื่องบินได้ไหมนะ? รึไม่ได้? เอ๊ะ!...ยังไงดี?
ภาพ : naijanitelife.com และ viralsumo.com

ดังนั้นจึงต้องมีการป้องกันโดยออกเป็นกฏระเบียบสากลมา เพื่อช่วยลดความสุ่มเสี่ยงใดๆ ที่อาจนำไปสู่การเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นได้ โดยกฏระเบียบหรือข้อบังคับของการนำแบตเตอรี่สำรองหรือ Power Bank ขึ้นไปบนเครื่องบิน มีรายละเอียดต่างๆที่ผู้โดยสารและลูกเรือต้องปฏิบัติตามดังนี้

พก Power Bank ขึ้นเครื่องบินได้ไหมนะ? รึไม่ได้? เอ๊ะ!...ยังไงดี?
กฏการนำ Power Bank ขึ้นเครื่องบินของการบินไทย

• ห้ามนำแบตเตอรี่สำรอง (Spares Battery) ทั้งที่อยู่ในรูปแบบของ Power Bank ทุกชนิด และแบตเตอรี่เสริมของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น มือถือ กล้อง โน้ตบุ๊ค ฯลฯ ที่ไม่ได้ถูกติดตั้งไว้ในอุปกรณ์ ใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางที่จะนำไปเช็กอิน (Checked Baggage) เพื่อที่จะโหลดไปไว้ในห้องเก็บสัมภาระบนเครื่องบินระหว่างเดินทาง แต่อนุญาตให้พกพาหรือใส่ไว้ในกระเป๋าถือ (Carry-on Baggage) แล้วนำติดตัวขึ้นเครื่องได้โดยไม่จำกัดจำนวนชิ้น ทั้งนี้แบตเตอรี่ดังกล่าวจะต้องมีขนาดความจุไฟฟ้าไม่เกิน 20,000 mAh (น้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 Wh) และหากเป็นแบตเตอรี่เสริมจะต้องถูกแพ็กเอาไว้อย่างมิดชิดเพื่อป้องกันการช็อตวงจร

พก Power Bank ขึ้นเครื่องบินได้ไหมนะ? รึไม่ได้? เอ๊ะ!...ยังไงดี?

• หากเป็นแบตเตอรี่สำรอง (Spares Battery) ที่มีขนาดความจุไฟฟ้าอยู่ระหว่าง 20,000 mAh (มากกว่า 100 Wh) ถึง 32,000 mAh (น้อยกว่าหรือเท่ากับ 160 Wh) อนุญาตให้พกพาหรือใส่ไว้ในกระเป๋าถือ (Carry-on Baggage) แล้วนำติดตัวขึ้นเครื่องได้ คนละไม่เกิน 2 ชิ้น

• ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่สำรอง (Spares Battery) หรือแบตเตอรี่เสริมของอุปกรณ์ใดๆก็ตาม หากมีขนาดความจุไฟฟ้าเกินกว่า 32,000 mAh (มากกว่า 160 Wh) ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องในทุกกรณี (อนุญาตให้ดำเนินการจัดส่งไปทางเครื่องบินขนส่งสินค้าหรือ Cargo เท่านั้น)

พก Power Bank ขึ้นเครื่องบินได้ไหมนะ? รึไม่ได้? เอ๊ะ!...ยังไงดี?

• หากเป็นแบตเตอรี่ที่ถูกติดตั้งไว้ในอุปกรณ์ (In Equipment) เช่น มือถือ กล้อง โน้ตบุ๊ค ฯลฯ อนุญาตให้ใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางที่จะนำไปเช็กอิน (Checked Baggage) และพกพาหรือใส่ไว้ในกระเป๋าถือแล้วนำติดตัวขึ้นเครื่องได้ แต่แบตเตอรี่ของอุปกรณ์นั้นจะต้องมีขนาดความจุไฟฟ้าไม่เกิน 32,000 mAh (น้อยกว่าหรือเท่ากับ 160 Wh) และที่สำคัญคือ ต้องปิดสวิตช์การทำงานของเครื่องให้ดับสนิทเรียบร้อยเสียก่อนจนมั่นใจได้ว่าเครื่องจะไม่เปิดการทำงานขึ้นมาได้เองโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่จะนำไปใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางเพื่อเช็กอิน (Checked Baggage)

• สำหรับแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆ เช่น ถ่านอัลคาไลน์ (Alkaline) ที่เป็นถ่านแบบชาร์จไฟไม่ได้แต่ให้แรงดันไฟต่อเนื่องและมีความจุไฟมากกว่าถ่านธรรมดาหลายเท่า จึงทำให้ใช้งานได้ยาวนานกว่า หรือแม้แต่ถ่านแบบที่ชาร์จไฟได้รุ่นแรกๆที่เป็น Nickle Cadmium (Ni-Cad) และชนิดที่ถูกนำมาใช้กันแพร่หลายอย่าง Nickle Metal Hidried (NiMH) ที่มีความจุไฟมากกว่า ก็ได้รับอนุญาตให้ใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางที่จะนำไปเช็กอิน (Checked Baggage) และพกพาหรือใส่ไว้ในกระเป๋าถือแล้วนำติดตัวขึ้นเครื่องได้ แต่แนะนำว่าก็ควรแพ็กเอาไว้อย่างมิดชิดเช่นกัน

เรื่อง: Superman DPlus Guide Team

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step-by-Step

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!
ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

ปัจจุบัน หนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต ที่ใช้ๆกันอยู่จะเป็น e-Passport หรือ หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีการบันทึกข้อมูลชีวภาพ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือทั้ง 2 ข้าง และถ่ายภาพใบหน้าของเจ้าของ ใส่ไว้ในไมโครชิพแบบ RFID ที่ฝังอยู่ในตัวหนังสือเดินทาง ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีอายุการใช้งาน 5 ปี และเมื่อใกล้จะหมดอายุหรือหมดอายุไปแล้ว ก็จะต้องไปยื่นคำร้องขอทำหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตเล่มใหม่เท่านั้น จะไม่มีการต่ออายุเหมือนในอดีต (หากเล่มเก่ายังอยู่ แนะนำให้พกติดตัวไปด้วย)

รวมไปถึงกรณีที่จำนวนหน้าในเล่ม ถูกใช้ประทับตราจนเต็มแล้วก็จะต้องไปทำเล่มใหม่ ไม่สามารถนำไปเพิ่มหน้าเหมือนแต่ก่อนได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งกรณีที่การตรวจลงตราหรือ VISA ในเล่มเก่าจะยังมีอายุใช้งานได้อยู่ก็ตาม แต่จะอนุญาตให้ยื่นคำร้องขอใช้หนังสือเดินทางเล่มเก่าที่วีซ่ายังไม่หมดอายุ ควบคู่ไปกับหนังสือเดินทางเล่มใหม่ได้ (ถือ 2 เล่ม แม้เล่มเก่าจะถูกยกเลิก แต่วีซ่ายังมีอายุใช้งานได้อยู่)

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

ในการยื่นเรื่องขอทำหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตนั้น จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีกระบวนการหรือขั้นตอนอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อน เพราะหากเป็นบุคคลทั่วไปที่ถือสัญชาติไทยและบรรลุนิติภาวะแล้ว คือมีอายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ก็ใช้เพียงแค่ บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่ยื่นขอเพียงใบเดียว กับ ค่าธรรมเนียม 1,000 บาท และ ค่าไปรษณีย์ 40-60 บาท (ในกรณีให้มีการจัดส่งทางไปรษณีย์) เบ็ดเสร็จแล้วเอาเข้าจริงตั้งแต่รับบัตรคิวจนชำระเงินเสร็จสิ้น จะใช้เวลาแค่ไม่ถึง 15 นาที เว้นเสียแต่ในบางวันหากมีผู้มาใช้บริการเยอะ อาจทำให้เราต้องเสียเวลาไปกับการรอคิวนานหลายนาที ยิ่งถ้าเราเป็นคนยุ่งๆมีเวลาน้อย ทุกสิ่งอย่างจะต้องเป็นไปตามกำหนดเวลาเป๊ะๆ การที่จู่ๆเราจะตัดสินใจออกเดินทางไปทำเลยโดยไม่เตรียมตัวไปก่อนคงไม่ดีแน่ เพราะถ้าไปถึงแล้วหากต้องต่อคิวยาวเป็นหางว่าว ไหนจะกรอกเอกสาร ไหนจะได้ยื่นคำร้อง ก็ต้องใช้เวลาอยู่นานพอควร แถมยังไม่ทราบกำหนดเวลาที่แน่ชัดด้วยว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ถ้าจะรีบไปทำธุระอย่างอื่นต่อก็คงต้องรอไปก่อน


**สำหรับการทำพาสปอร์ตให้กับผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์)** ในกรณีหากผู้ที่ยื่นเรื่องขอทำหนังสือเดินทางเป็นเยาวชนอายุตั้งแต่ 15 ขึ้นไปแต่ยังไม่ถึง 20 ปี หรือยังไม่บรรลุนิติภาวะ นอกจากจะต้องมาติดต่อด้วยตนเองพร้อมบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่ยื่นขอแล้ว ยังต้องมีหนังสือมอบอำนาจจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาด้วย แต่ถ้าในกรณีที่เป็นเด็กอายุยังไม่ถึง 15 ปีบริบูรณ์ ยังไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ก็ให้ใช้สูติบัตรตัวจริงเป็นหลักฐาน และจำเป็นที่บิดามารดาหรือผู้ปกครองจะต้องมาลงนามให้ความยินยอมด้วยทุกครั้ง ซึ่งถ้าหากไม่สามารถมาลงนามพร้อมกันได้ จะต้องมีบิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่ง มาร่วมยื่นเรื่องขอทำหนังสือเดินทางพร้อมกับเด็ก ส่วนฝ่ายที่ไม่ได้มาให้ทำหนังสือยินยอมตามแบบฟอร์มที่กำหนด


ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!
อูยยย ทั้งคิวยาว ทั้งกรอกเอกสาร มาทำพาสปอร์ตอย่าลืมเผื่อเวลาเอาไว้ด้วยนะครับ

ในสถานการณ์เช่นนี้ เรามีช่องทางลัดที่จะมาช่วยให้คุณ สามารถยื่นเรื่องขอทำหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น! เพียงคุณเลือกใช้บริการ “จองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์” ที่ทางกองหนังสือเดินทางกรมการกงศุลจัดทำขึ้น เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในวันนี้ DPlus Guide จะมาสอนขั้นตอนการจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ทีละขั้นตอนแบบ Step by Step ให้ดูกัน ตามมาเลยครับ ^^

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!
รวดเร็ว ฉับไว ไม่ต้องต่อคิว จองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์

จองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์

โดยก่อนที่จะใช้บริการจองคิวในครั้งแรก คุณจะต้องไปลงทะเบียนขอรับบริการหนังสือเดินทางล่วงหน้า หรือพูดง่ายๆก็คือ คุณต้องไปลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกกับเค้าเสียก่อน แล้วถึงจะนำเอาอีเมล (E-mail) กับพาสเวิร์ดที่ได้ลงทะเบียนไว้ ไปใช้บริการจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ได้

ซึ่งการจองคิวในลักษณะนี้ ก็จะคล้ายๆกับการจองตั๋วรถทัวร์หรือรถไฟผ่านอินเตอร์เน็ตนั่นแหละ โดยจะมีข้อดีคือ ช่วยให้คุณสามารถกำหนด วัน เวลา และสถานที่ ที่ต้องการเข้ารับบริการทำพาสปอร์ตได้อย่างชัดเจน โดยที่คุณไม่ต้องมาคอยกังวลว่าถ้าไปถึงแล้วหากมีคนมาใช้บริการเยอะ จะต้องรอคิวไปอีกนานแค่ไหนแล้วจะเสร็จเมื่อไหร่

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

นอกจากบริการจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแล้ว ยังมีบริการอื่นๆที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังคิดจะเดินทางไปยื่นเรื่องขอทำหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตอีกด้วย อาทิ แสดงสถิติการทำหนังสือเดินทางย้อนหลัง 5 วัน เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกวันที่จะมาใช้บริการ และแสดงจำนวนคิว ณ เวลาปัจจุบันของแต่ละสาขาที่ให้บริการ เป็นต้น ส่วนที่ยังเป็นข้อด้อยอยู่ในตอนนี้ก็คือ ระบบจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ ปัจจุบันเปิดให้บริการได้เฉพาะแค่ 5 สาขาคือ กรมการกงศุล (ถนนแจ้งวัฒนะ), ศรีนครินทร์ (ธัญญาพาร์ค), ปิ่นเกล้า, เมืองพัทยา และสาขาที่เปิดใหม่ล่าสุด สาขา MRT คลองเตย เท่านั้น

เงื่อนไขของการลงทะเบียนล่วงหน้า

เห็นคุณประโยชน์ของช่องทางลัดที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วให้กับการทำพาสปอร์ตแบบนี้แล้ว ใช่ว่าใครอยากจะทำก็ทำได้ทุกคนนะครับ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขของการลงทะเบียนล่วงหน้าตามที่เค้าระบุมาด้วย นั่นคือ

– การลงทะเบียนล่วงหน้าใช้สำหรับการยื่นคำร้องขอหนังสือเดินทางธรรมดาเท่านั้น
– สมัครสมาชิก 1 บัญชี ต่อ 1 ท่าน ต่อ 1 รายการจอง
สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ 1 วันทำการ (ไม่นับวันที่ทำรายการ วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) และทำรายการล่วงหน้าได้ไม่เกิน 5 วันทำการ
– คุณต้องมารายงานตัวและแสดง QR Code ต่อเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ท่านลงทะเบียนขอรับบริการไว้อย่างน้อย 30 นาที ก่อนเวลาขอรับบริการ มิฉะนั้นการลงทะเบียนของท่านจะถูกยกเลิก และไม่สามารถใช้บริการลงทะเบียนล่วงหน้าได้อีกภายใน 30 วัน
– ข้อมูลที่กรอกต้องเป็นข้อมูลปัจจุบันของตนเองและเป็นข้อมูลจริงเท่านั้น
– เตรียมเอกสาร-หลักฐานต่างๆให้ครบถ้วนตามที่กำหนด มิฉะนั้นอาจถูกปฏิเสธการยื่นคำร้อง

ขั้นตอนการลงทะเบียนขอรับบริการหนังสือเดินทางล่วงหน้า

หลังจากทราบเงื่อนไขต่างๆแล้ว ทีนี้เรามาดูขั้นตอนของการลงทะเบียนขอรับบริการหนังสือเดินทางล่วงหน้า เพื่อนำไปใช้จองคิวทำพาสปอร์ตแบบออนไลน์กันดีกว่า

1. เริ่มจากเข้าไปที่เว็บไซต์ www.passport.in.th แล้วเข้าสู่ระบบ จากนั้นเลือก ลงทะเบียนทำ Passport

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

2. เลือก สมัครสมาชิกใหม่ (หรือเข้าสู่ระบบอย่างรวดเร็วด้วยบัญชี Facebook หรือ Google (Gmail) ที่มีอยู่แล้ว)

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

3. กรอกข้อมูลสมัครสมาชิกให้ครบถ้วน ถูกต้อง และตรงตามความเป็นจริง เนื่องจากอาจมีข้อมูลบางส่วนถูกนำไปใช้ในเอกสารยื่นคำร้องขอทำหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต เสร็จแล้วเลือก ลงทะเบียนใช้บริการ

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

4. การลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ให้เราไปที่อีเมลตามที่ได้กรอกข้อมูลลงทะเบียนไว้ แล้วคลิกลิงค์จากอีเมลที่ได้รับ เพื่อยืนยันการเข้าใช้งานระบบในครั้งแรก

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

5. เลือกรูปเพื่อพิสูจน์ตัวตน เสร็จแล้วเลือก ยืนยัน

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

 

ขั้นตอนการจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์

หลังลงทะเบียนเสร็จ ก็ถึงคราวที่เราจะมาจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าออนไลน์กันซะที

1. เริ่มต้นด้วยหน้าต่างดังรูป เลือก Login ด้วยบัญชีที่มีอยู่แล้ว (หรือเข้าสู่ระบบอย่างรวดเร็วด้วยบัญชี Facebook หรือ Google ที่มีอยู่แล้ว)

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

2. กรอกอีเมลและรหัสผ่านของเรา เลือก Sign in

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

3. อ่านเงื่อนไขการให้บริการ เสร็จแล้วเลือก ☑ เพื่อยอมรับข้อกำหนด แล้วเลือก ตกลง

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

4. เลือก จอง สาขาที่เราสะดวกจะไปทำพาสปอร์ตในช่วงวันดังกล่าว โดยสามารถตรวจสอบจำนวนคิวที่ว่างอยู่ (คิวที่เหลือ) ระยะทาง และเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปในแต่ละสาขาจากตำแหน่งที่คุณอยู่ได้ทันที

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

5. เลือก ทำการจอง ในวันที่เราต้องการ (สามารถจองล่วงหน้าได้ไม่เกิน 5 วัน) โดยสามารถตรวจสอบจำนวนคิวที่ว่างในแต่ละวันได้ทันที เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกวันที่จะไป

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

6. เลือกช่วงเวลาที่คุณต้องการเข้ารับบริการและมีคิวว่างเหลืออยู่ (อย่าลืมว่า! คุณต้องเดินทางไปถึงก่อนช่วงเวลาที่คุณเลือกนี้ 30 นาที แล้วเมื่อไปถึงสามารถแจ้งที่เคาเตอร์ Q-Online เพื่อยื่นบัตรประชาชนและรอรับบัตรคิวได้เลย)

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

7. เลือกวิธีการรับเล่มหนังสือเดินทาง ซึ่งถ้าเป็นการจัดส่งทางไปรษณีย์จะมีค่าจัดส่งด้วย โดยค่าใช้จ่ายต่างๆจะต้องนำไปชำระในวันที่ไปยื่นคำร้อง

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

8. หากเลือก จัดส่งทางไปรษณีย์ ให้เรากรอกข้อมูลสำหรับการจัดส่ง และบุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน เสร็จแล้วเลือก ทำรายการต่อ

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

9. ตรวจสอบข้อมูลต่างๆโดยละเอียดว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เลือก บันทึกข้อมูลการจอง

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

10. จากนั้นคุณจะได้รับ QR Code ที่จะต้องนำไปแสดงให้กับเจ้าหน้าที่ในวันที่ไปทำหนังสือเดินทาง ซึ่งจะระบุข้อมูลการจองพร้อมรายละเอียดต่างๆเอาไว้ สามารถพิมพ์หรือแคปเจอร์ (capture) หน้าจอเก็บไว้ได้เลย โดยหลังจากนี้คุณสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลการจองก่อนไปทำหนังสือเดินทางได้เพียง 5 ครั้งเท่านั้น เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นการลงทะเบียนและการจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

 

ขั้นตอนการไปทำพาสปอร์ตหลังจากจองคิวล่วงหน้าแบบออนไลน์เอาไว้แล้ว

หลังจากจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์มาจากที่บ้านแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินทางไปทำพาสปอร์ตกันจริงๆ ณ ที่ทำการสาขาที่ให้บริการซะที

หลังจากตรวจสอบ วัน เวลา และสถานที่ที่จะไปใช้บริการทำพาสปอร์ตจนแน่ใจ ให้เรานำเอกสารทั้งบัตรประจำตัวประชาชน, QR Code และพาสปอร์ตเล่มเก่า (ถ้ามี) ติดตัวไปด้วย (ย้ำว่า!!! ควรเดินทางไปถึงก่อนเวลาที่ระบุไว้ในข้อมูลการจอง 30 นาที เช่น จองคิวไว้เวลา 10:15 น. – 10:30 น. ก็ควรมาถึงก่อนเวลา 9:45 น. เป็นต้น)

1. เมื่อเดินทางไปถึง ณ ที่ทำการสาขาที่ให้บริการ ก่อนเวลาที่จองคิวไว้ 30 นาที (ในที่นี้ผมเลือกไปใช้บริการที่กรมการกงศุล แจ้งวัฒนะ เพราะอยู่ใกล้บ้านและเดินทางสะดวก) ก็ให้ตรงไปที่จุดลงทะเบียน Q-Online สำหรับผู้ที่จองคิวออนไลน์เอาไว้ แล้วรอให้เจ้าหน้าที่แจ้งรอบคิวตามเวลาที่จอง

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

 

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

2. เมื่อถึงคิวตามเวลาที่จอง (ในที่นี้คือ 10:15 น. – 10:30 น.) หรือมาถึงก่อนเวลา 30 นาที (ในที่นี้คือ 9:45 น.) ให้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่แล้วยื่นบัตรประจำตัวประชาชน และตรวจสอบเอกสาร พร้อมรับบัตรคิว (จริงๆแล้วมาถึงตรงนี้ใครที่ไม่มี QR Code มาด้วยก็ไม่เป็นไรนะครับ ใช้หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนนี่แหละ แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ได้ อ้าว…ซะงั้น!)

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

3. เมื่อถึงคิวตามหมายเลข ให้เดินไปยังจุดวัดส่วนสูงพร้อมกับยื่นเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะแจ้งหมายเลขบูธเพื่อให้เราเดินเข้าไปรับบริการ

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

4. เจ้าหน้าที่ในบูธจะเอาเอกสารให้เราตรวจสอบความถูกต้องและลงชื่อในคำร้อง พร้อมกับบันทึกข้อมูลชีวภาพ เช่น พิมพ์ลายนิ้วมือทั้งซ้าย-ขวา และถ่ายภาพ (มีตัวอย่างภาพที่ถ่ายให้ดู และภาพที่นำไปใช้ในเล่มจะเป็นขาว-ดำ) และถ้าหากเรามีพาสปอร์ตเล่มเก่ามาด้วยก็ให้ยื่นกับเจ้าหน้าที่ตรงนี้ได้เลยเพื่อยกเลิกซะ เสร็จแล้วเราจะได้รับใบชำระเงินเพื่อนำไปชำระเงิน

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

5. นำใบชำระเงินที่ได้ไปชำระเงินเป็นค่าธรรมเนียมการออกหนังสือเดินทาง จำนวน 1,000 บาท และค่าจัดส่งทางไปรษณีย์ (ถ้ามี) จำนวน 40 บาท สำหรับไปรษณีย์ธรรมดา (ใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน) หรือ 60 บาท สำหรับไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS (เฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ใช้เวลาประมาณ 2 วัน นอกเขตอาจใช้เวลามากกว่า 2 วัน) (ในกรณีนี้ผมเลือกที่จะรอรับไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS อยู่ที่บ้าน)

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

6. เสร็จแล้วเราจะได้รับใบเสร็จรับเงินของทั้งค่าธรรมเนียม และค่าจัดส่งทางไปรษณีย์ (ถ้ามี) เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต ผ่านช่องทางการจองคิวล่วงหน้าแบบออนไลน์ หลังจากนี้ก็กลับไปบ้านแล้วนอนรอให้ไปรษณีย์ไปส่งหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตให้ถึงหน้าบ้านคุณ

ทำพาสปอร์ตได้ไวไม่ต้องต่อคิว สอนจองคิวทำพาสปอร์ตล่วงหน้าแบบออนไลน์ แบบ Step by Step!

อยากจะบอกว่าวิธีนี้ผมใช้เวลาไปเบ็ดเสร็จทั้งสิ้น ตั้งแต่ยื่นบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมรับบัตรคิวที่จุดลงทะเบียน Q-Online จนถึงได้รับใบเสร็จรับเงิน แค่ 10 นาที!!! จริงๆครับแค่ 10 นาที นี่ขนาดไปเดินหลงๆ หาช่องทางไม่ถูกก่อนจะไปชำระเงินค่าธรรมเนียม และค่าจัดส่งทางไปรษณีย์ ก็ยังใช้เวลาไปแค่นี้จริงๆ เจ๋งมากๆขอบอก ทีนี้มีธุระอะไรจะไปไหนหลังเวลา 10:15 น. – 10:30 น. ที่ผมจองคิวไว้ก็สบายหายห่วง ดีแบบนี้ก็อดที่จะมาแนะนำบอกกล่าวกันไม่ได้อ่ะนะครับ ท่านผู้ชมมมมม.ม..ม.ม!

เรื่องและภาพ: Superman DPlus Guide Team

ประกาศผลกิจกรรม “แอด Line @dplusguide ลุ้นตั๋ว Thai AirAsia X”

ร่วมสนุกลุ้นบินญี่ปุ่น! เพียงแอด Line @dplusguide ลุ้นตั๋ว Thai AirAsia X 2 ที่นั่ง

ประกาศผลกิจกรรม “แอด Line @dplusguide ลุ้นตั๋ว Thai AirAsia X” แอด Line แล้วลุ้นโชครับตั๋วเครื่องบิน ดอนเมือง – โอซาก้า

ผู้ได้รับรางวัลตั๋วเครื่องบิน Thai AirAsia X (ไป – กลับ) เส้นทางดอนเมือง – โอซาก้า 2 ที่นั่ง ฟรี !! (1 รางวัล) ได้แก่ คุณอารีฟา เจ๊ะอาลี 

ซึ่งทางทีมงานจะติดต่อกลับไปทางช่องทางติดต่อที่ได้ส่งมาทาง Line @dplusguide ของเรานะคะ

หมายเหตุ :

  1. ตั๋วเครื่องบิน Thai AirAsia X เส้นทางดอนเมือง – โอซาก้า จะเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2559 นี้เท่านั้น
  2. ตั๋วเครื่องบิน Thai AirAsia X ไม่สามารถใช้สำรองที่นั่งเพื่อเดินทางในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดเทศกาลต่อเนื่อง และช่วงที่มีอัตราการเดินทางสูง (Embargo Period)
  3. ตั๋วเครื่องบิน Thai AirAsia X ไม่รวมค่าภาษีสนามบิน ค่าประกันภัย ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ขึ้นอยู่กับเส้นทางบิน) บริการเสริมต่างๆ และค่าธรรมเนียมอื่นๆ
  4. ต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าก่อนการเดินทางอย่างน้อย 10 วันทำการ
  5. เมื่อสำรองที่นั่งเรียบร้อยแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางหรือชื่อผู้เดินทางได้
  6. ตั๋วเครื่องบิน Thai AirAsia X ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดได้

ขอแสดงความยินดีกับผู้โชคดีและขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกิจกรรมกับเรานะคะ

สำหรับใครที่พลาดรางวัลนี้ ยังไม่ต้องเสียใจนะคะ DPlus Guide ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายรอให้เพื่อนๆ มาร่วมสนุก สามารถติดตามได้ทางเพจ D+Plus Guide และ Line @dplusguide เพื่อร่วมสนุกในกิจกรรมครั้งหน้าและรับสิทธิพิเศษต่างๆ จากเรานะคะ

DPlus Guide จัดให้! เที่ยวฮอกไกโด ปั่นจักรยานกลางทุ่งดอกไม้ Panorama Road ที่ Biei

Christmas Tree เส้นทางปั่นจักรยาน ที่ Panorama Road เมือง Biei
Christmas Tree หนึ่งในจุดหมายเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด ที่ Panorama Road เมือง Biei

ต้อนรับเทรนด์ปั่นจักรยานเที่ยวญี่ปุ่น ทีมงาน DPlus Guide จัดให้! เส้นทางปั่นจักรยานกลาง ทุ่งดอกไม้ Panorama Road เมืองบิเอ (Biei) ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido)

จากที่เราได้รู้จัก ทุ่งดอกไม้ Panorama Road ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของเมืองบิเอ (Biei) ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido) กันไปแล้ว DPlus Guide จัดให้! รอบนี้ จึงขอเสนอวิธีการท่องเที่ยวแนวใหม่ ตอบสนองผู้รักการปั่นจักรยานเที่ยว ด้วยบทความเจาะลึกเส้นทางปั่นจักรยานใน Panorama Road ที่ทีมงาน DPlus Guide ไปเที่ยวฮอกไกโดลงทุนไปปั่นเก็บข้อมูลมาฝากเพื่อนๆ กัน!

ทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา วิวจากเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด ที่ Panorama Road เมือง Biei พาโนรามาสมชื่อจริงๆ!
ทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา วิวจากเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด ที่ Panorama Road เมือง Biei พาโนรามาสมชื่อจริงๆ!
ทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา วิวจากเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด ที่ Panorama Road เมือง Biei
เนิน~ เนิน~ เนิน~ บนเส้นทาง Panorama Road ที่เมือง Biei ฮอกไกโดค่ะ

เส้นทางปั่นที่ Panorama Road จะอยู่ทางใต้ของตัวเมือง เป็นบริเวณที่จะสามารถมองเห็นวิวท้องทุ่งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาแบบพาโนรามาตามชื่อเส้นทาง แนะนำให้เริ่มการปั่นที่สถานี Bibaushi ซึ่งอยู่ถัดจากสถานี Biei มาทางใต้หนึ่งสถานี

ก่อนอื่นก็ต้องไปหาร้านเช่าจักรยานกันก่อน~!

ร้านเช่าจักรยาน Gaido no Yamagoya

ร้านเช่าจักรยาน Gaido no Yamagoya Shop จุดเริ่มต้นเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei
ร้านเช่าจักรยาน Gaido no Yamagoya Shop จุดเริ่มต้นเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei
ร้านเช่าจักรยาน Gaido no Yamagoya Shop จุดเริ่มต้นเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei
ร้านเช่าจักรยาน Gaido no Yamagoya Shop จุดเริ่มต้นเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei

ร้านเช่าจักรยานจะอยู่ใกล้กับสถานี JR Bibaushi กรณีที่มาด้วยรถไฟให้ลงที่สถานี JR Bibaushi จะเห็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ของร้านเช่าจักรยานอยู่ตรงสถานีเลย ให้เดินตรงมาจากป้ายโฆษณาแล้วเลี้ยวขวาที่แยกก็จะพบกับร้านเช่าตั้งโดดเด่นอยู่ทางด้านซ้ายมือ ร้านนี้มีล็อกเกอร์เก็บของและให้บริการรับฝากกระเป๋าเดินทางด้วย

[info-t] open 08:00-18:00 น. (หรือจนกว่าพระอาทิตย์ตกดิน)
ปิดวันฝนตก, สภาพอากาศไม่ดี, หิมะตกหรือปกคลุมไปด้วยหิมะ
[info-p] มีจักรยานให้เลือกเช่า 4 แบบคือ
A type Normal Electric Bike ครึ่งวันหรือต่ากว่า 4 ชั่วโมง 2,200 เยน, 1 วันหรือมากกว่า 5 ชั่วโมง 3,000 เยน,
B type Cute Electric Bike ครึ่งวันหรือต่ากว่า 4 ชั่วโมง 2,500 เยน, 1 วันหรือมากกว่า 5 ชั่วโมง 3,500 เยน,
C type Electric Cross Bike ครึ่งวันหรือต่ากว่า 4 ชั่วโมง 3,000 เยน, 1 วันหรือมากกว่า 5 ชั่วโมง 6,000 เยน,
E type Economy Electric Bike ต่ากว่า 2 ชั่วโมง 1,200 เยน
[info-w] www.yamagoya.jp
[info-g] 43.536897, 142.447550

หลังจากเลือกรุ่นจักรยานและจำนวนชั่วโมงที่จะเช่าได้แล้ว เมื่อจ่ายค่าเช่าเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะแจ้งเวลาที่ต้องนำ จักรยานมาคืน รวมถึงแนะนำวิธีเปลี่ยนเกียร์การเปิด-ปิดมอเตอร์ไฟฟ้า และวิธีล็อคจักรยาน จากนั้นก็เริ่มไปปั่นกันได้เลย

ออกจากจุดสตาร์ทกันได้เลย ลุย!!!

จากร้านเช่าจักรยานปั่นมาเรื่อยๆประมาณ 1 กิโลเมตรก็จะถึงโรงเรียน Bibaushi Elementary ซึ่งมีตัวอาคารที่สวยงามแปลกตานักท่องเที่ยว (รวมถึงเราด้วย) จึงนิยมแวะเวียนมาถ่ายรูปกัน แต่ทางโรงเรียนไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้า ดังนั้นเราจึงได้แค่ถ่ายภาพตัวอาคารจากด้านนอก แต่อาจจะต้องเดินหามุมเหมาะๆกันสักหน่อยกว่าจะได้รูปสวยๆ

โรงเรียน Bibaushi Elementary

โรงเรียน Bibaushi Elementary School จุดแวะแรก เส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei
โรงเรียน Bibaushi Elementary School จุดแวะแรก เส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei

Bibaushi Elementary School เป็นโรงเรียนประถมศึกษาซึ่งตั้งอยู่ในเมืองบิเอซึ่งไม่เปิดใช้บุคคลภายนอกเข้าไปในโรงเรียน ด้วยลักษณะอาคารที่โดดเด่นแปลกตาทาให้มีนักท่องเที่ยวไปแวะถ่ายรูปมุมต่างๆ ของโรงเรียนกันอยู่เสมอ

[info-t] ไม่เปิดให้เข้าชมภายในโรงเรียน
[info-g] 43.536144, 142.454658

จากนั้นก็ปั่นต่อไปเรื่อยๆ ขึ้นๆลงๆ เนินแบบเบาๆ ไปตามเส้นทางจนถึงแยกที่มีป้ายไปสวนดอกไม้ ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อไปยังสวน Shikisai no Oka สวนดอกไม้ดังซึ่งมีขนาดใหญ่ และมีนักท่องเที่ยวปั่นมาเที่ยวที่นี่กันเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นคนไทย จีน ฝรั่งหรือญี่ปุ่น โดยสวนนี้จะอยู่ห่างจากร้านเช่าแค่สองกิโลกว่าๆ เท่านั้นเอง

สวน Shikisai-no-Oka

สวน Shikisai-no-Oka จุดแวะสำคัญของเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei
สวน Shikisai-no-Oka จุดแวะสำคัญของเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei

สวน Shikisai-no-Oka จุดแวะสำคัญของเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei

สวนดอกไม้ที่เปิดให้เข้าชมได้ทั้ง 4 ฤดูกาล ซึ่งจะปลูกดอกไม้สลับกันไปตามฤดูกาลตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่เป็นไฮไลท์ที่สุดคือหน้าร้อน ภายในสวนมีพื้นที่ 15 ไร่ โดยจะปลูกดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์สลับสีกันสวยงามมาก มีบริการรถ ATV และรถลากพาเที่ยวชมสวนโดยรอบด้วย (มีค่าบริการเพิ่ม)

[info-t] เมษายน-พฤษภาคม/ตุลาคม 09:00-17:00 น., มิถุนายน-กันยายน 08:30-18:00 น., พฤศจิกายน 09:00-16:30 น., ธันวาคม-กุมภาพันธ์ 09:00-16:00 น., มีนาคม 09:00-16:30 น.
[info-p] admission ฟรี (มีกล่องรับบริจาคตามความสมัครใจคนละ 200 เยนเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายในการดูแลสวนดอกไม้)
[info-w] www.shikisainooka.jp/english
[info-g] 43.529163, 142.464395

พอขึ้นมาถึงสวนก็จะเห็นที่จอดรถจักรยานอยู่ด้านหน้าตรงทางเข้าเลย หาที่จอดล็อคกุญแจให้เรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปถ่ายรูปในสวนกันเพลินๆ สวนนี้สามารถเข้าได้ฟรีไม่มีค่าเข้าชมแต่อย่างใด เก๊าชอบตรงนี้แหละ!

ภายในสวนถึงแม้ว่าจะคนเยอะมาก!!! เพราะเป็นสวนดังที่ใครๆ มาฮอกไกโดหน้าร้อนต้องไม่พลาด แต่ด้วยความกว้างใหญ่ของสวนและดอกไม้หลากหลายพันธุ์ที่ปลูกสลับกันอย่างเป็นระเบียบสวยงาม แม้ว่าแดดจะแรงก็สามารถเดินถ่ายรูปกันเพลินๆ ไปได้จนเกือบจะทั่วทั้งสวน ถ้าไม่อยากเดินก็มีรถพาชมสวนไว้บริการ หรือจะเช่ารถ ATV ขับในสวนก็ยังได้

สวน Shikisai-no-Oka จุดแวะสำคัญของเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei
สวน Shikisai-no-Oka จุดแวะสำคัญของเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei

ก่อนกลับก็แวะเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาคลายร้อนแล้วช้อปปิ้งสักนิดในร้านของฝาก พักเหนื่อยชิมเมล่อนหวานๆ หอมๆ ผลไม้ดังของฮอกไกโด รวมๆ แล้วก็จะใช้เวลาอยู่ที่สวนประมาณ 2-3 ชั่วโมง (ถ้าเช่าจักรยานมาเพียงครึ่งวันต้องดูเวลานิดนึงนะคะ เพราะยังต้องไปที่อื่นกันต่ออีก) คนรักดอกไม้ชอบถ่ายรูปอย่าเพลินจนลืมเวลากันหละ

จุดหมายถัดไปของเราก็คือ แกลเลอรี่ Takushinkan ซึ่งเป็นสถานที่แสดงผลงานภาพถ่ายของช่างภาพ Shinzo Maeda สามารถเข้าชมได้ฟรีแต่ภายในอาคารแสดงผลงานนั้นห้ามถ่ายรูป ถ้าสนใจภาพถ่ายหรือโปสการ์ดสวยๆ ก็สามารถติดต่อซื้อหากลับไปได้ด้วย

แกลเลอรี่ Takushinkan

Takushinkan Gallery บนเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei
Takushinkan Gallery บนเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei

แกลเลอรี่แสดงภาพส่วนตัวของ Shinzo Maeda ช่างภาพผู้มีชื่อเสียง โดยใช้โรงยิมของโรงเรียนประถมศึกษาเก่ามาปรับปรุงเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานภาพถ่ายวิวทิวทัศน์ในฤดูต่างๆ ของสถานที่มีชื่อเสียงในเมืองบิเอ

[info-t] พฤษภาคม-ตุลาคม 09:00-17:00 น., พฤศจิกายน-เมษายน 10:00-16:00 น. ปิดช่วงฤดูหนาว
[info-p] ฟรี
[info-w] www.harukanaruoka.com/gallery
[info-g] 43.529877, 142.489334

ใกล้กับอาคารจะมีแปลงดอกไม้ขนาดไม่ใหญ่มากให้แวะถ่ายรูปกันพอหอมปากหอมคอ หลังจากนั้นก็จะไปกันต่อ ซึ่งระหว่างทางก็จะมีวิวทิวทัศน์ของเส้น Panorama Road ให้ได้แวะถ่ายรูปกันเป็นระยะๆ โดยจะมีเนินสูงให้ได้ออกแรงปั่นกันสักหน่อย ส่วนขาลงเนินควรใช้ความระมัดระวังกันนิดนึง เพราะเนินค่อนข้างสูง ตอนลงเนินก็ลงกันเร็วพอดูเลยทีเดียว

สวนดอกไม้ข้างๆ Takushinkan Gallery บนเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโดที่ Panorama Road เมือง Biei ใครที่ปั่นจักรยานมาถึงนี่แล้ว อย่าลืมแวะกันเชียวนะ!
สวนดอกไม้ข้างๆ Takushinkan Gallery บนเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโดที่ Panorama Road เมือง Biei
ใครที่ปั่นจักรยานมาถึงนี่แล้ว อย่าลืมแวะกันเชียวนะ!

ที่สำคัญ ให้ระวังรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปมาและจักรยานของผู้ร่วมทางคนอื่นๆ ด้วยนะคะ ถ้าจะแวะถ่ายรูปข้างทางแนะนำให้จอดตรงพื้นที่ที่เตรียมไว้สำหรับการจอดแวะ โดยจะเป็นเวิ้งเล็กๆ ที่ยื่นไปออกจากถนนปกติ และก่อนจะแวะก็ดูหน้าดูหลังให้ดีๆ เสียก่อนนะคะ เพราะอาจมีเพื่อนร่วมทางขี่อยู่ใกล้ๆ ถ้าหยุดแวะกะทันหันอาจมีอันตรายเกิดขึ้นได้ค่ะ

อวดระหว่างทางเก๋ๆ ถ่ายมาจากเส้นทางปั่นจักรยาน Panorama Road
อวดระหว่างทางเก๋ๆ ถ่ายมาจากเส้นทางปั่นจักรยาน Panorama Road

จุดหมายปลายทางถัดไปคือต้นไม้ที่มีชื่อเรียกว่า ต้น Christmas Tree ระหว่างทางที่ปั่นไปยังต้น Christmas Tree ก็จะมีวิวสวยๆ กว้างไกลสุดสายตาให้จอดแวะถ่ายเป็นระยะๆ ตรงถนนช่วงนี้จะมีรถและจักรยานไม่เยอะเท่าไหร่ เราเลยขี่กันแบบสบายๆ และแวะถ่ายรูปกันไปแบบชิลล์ๆ

ต้น Christmas Tree

Panorama Road Christmas Tree จุดมุ่งหมายของเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei
Panorama Road Christmas Tree มุ่งหมายของเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด Panorama Road ที่ Biei

ต้นไม้แลนด์มาร์คอีกต้นหนึ่งในบิเอ เป็นต้นสนที่มีรูปลักษณ์เหมือนต้นคริสต์มาสที่สวยงาม สมบูรณ์แบบ ตั้งโดดเดี่ยวอยู่บนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ สามารถแวะไปถ่ายรูปต้นคริสต์มาสในฤดูกาลต่างๆ ได้ตลอดทั้งปี

[info-g] 43.554399, 142.444323

พอปั่นมาถึงต้น Christmas Tree ที่ยืนต้นเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทุ่งหญ้าเขียวขจีซึ่งต้นไม่ใหญ่มาก และมีรูปลักษณ์คล้ายกับต้นคริสต์มาส จึงเป็นที่มาของชื่อนั่นเอง เราแวะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย จากนั้นก็ถึงเวลาปั่นกลับเพื่อนำจักรยานไปคืนยังร้านเช่ากันแล้ว

Christmas Tree เส้นทางปั่นจักรยาน ที่ Panorama Road เมือง Biei
Christmas Tree หนึ่งในจุดหมายเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวฮอกไกโด ที่ Panorama Road เมือง Biei

เส้นทางปั่นนี้จะยาวประมาณ 13 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง รวมเวลาแวะถ่ายรูปวิวข้างทาง แวะเข้าชมสถานที่ต่างๆ ในเส้นทาง รวมๆ แล้วน่าจะใช้เวลาราว 5 ชั่วโมงค่ะ

 

สรุปเส้นทางเที่ยวฮอกไกโด ปั่นจักรยานชมท้องทุ่งดอกไม้ ตามเส้นทางทุ่งดอกไม้ Panorama Road ที่ Biei
ระยะทาง
 13 กิโลเมตร
จุดหมาย 5 จุด
ระยะเวลา 2 ชั่วโมง 50 นาที – 5 ชั่วโมง

[info-l] เมือง Biei เขต Kamikawa, จังหวัด Hokkaido, ภูมิภาค Hokkaido
[info-d] ซัปโปโร จากสถานี JR Sapporo นั่งรถไฟด่วนขบวน LTD. EXP SUPER KAMUI มายังสถานี JR Asahikawa ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 25 นาที จากนั้นเปลี่ยนมานั่งรถไฟโลคอลขบวน JR Furano Line มาลงที่สถานี JR Bibaushi ใช้เวลา 43 นาที

สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวญี่ปุ่น ยังมีอีกหลายเส้นทาง บรรจุอยู่ในหนังสือปั่นจักรยานท่องเที่ยวญี่ปุ่นเล่มใหม่ล่าสุด ปั่น ญี่ปุ่น 

"ปั่น ญี่ปุ่น" หนังสือการท่องเที่ยวแนวใหม่โดยการปั่นจักรยานไปตามเส้นทางต่างๆ ของเมืองท่องเที่ยวชื่อดังในญี่ปุ่น 28 เส้นทางปั่นที่ได้รับความนิยมจากชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวทั่วโลก

รวมเส้นทางปั่นจักรยานของเมืองท่องเที่ยวชื่อดังในญี่ปุ่น 28 เส้นทางปั่นที่ได้รับความนิยมจากชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวทั่วโลก

“และคุณจะหลงรักการปั่นจักรยานในญี่ปุ่น”

 

เรื่อง: @keawkoong ภาพ: oyochan DPlus Guide Team | ข้อมูลจาก : หนังสือท่องเที่ยว ปั่น ญี่ปุ่น

17-21 ก.พ. พบกับงานเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 18

17-21 ก.พ. พบกับงาน เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 18 วันที่ 17 -21 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ DPlus Guide ลดสูงสุดถึง 80%
17-21 ก.พ. พบกับงาน เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 18 วันที่ 17 -21 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ DPlus Guide ลดสูงสุดถึง 80%

เตรียมพบกับงาน เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 18 วันที่ 17 -21 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 10:00 – 21:00 น.

งาน เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 18 ปีนี้มีทุกความต้องการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมาเสิร์ฟ ทั้งทัวร์ในประเทศ ทัวร์ต่างประเทศ ที่พัก โรงแรม และรีสอร์ทมากมาย รวมทั้งสายการบินต่างๆ ก็มาออกบูธในงานด้วย ผู้ที่มีแผนจะท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ สามารถมาอัปเดตข่าวสารท่องเที่ยวจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ ได้ที่นี่ และสามารถตามหาตั๋ว บัตรเดินทางต่างๆ ราคาโปรโมชั่นได้ในงานนี้อีกด้วย

ในส่วนของ DPlus Guide บูธ ZC29 โซนพลาซ่า ในงาน เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 18 คราวนี้ เราขนหนังสือท่องเที่ยวไปมากมาย ลดสุงสุดถึง 80%! พร้อมโปรโมชั่นซื้อครบ 1,200 บาท รับกระเป๋า Shopping Bag ฟรี 1 ใบ!

17-21 ก.พ. พบกับงาน เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 18 วันที่ 17 -21 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ DPlus Guide ลดสูงสุดถึง 80%
17-21 ก.พ. พบกับงาน เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 18 วันที่ 17 -21 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
DPlus Guide ลดสูงสุดถึง 80%

ไม่เพียงเท่านั้น เรายังมีกิจกรรมแจกตั๋วเครื่องบินให้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันฟรีๆ ด้วย! ในกิจกรรม “แอด Line @dplusguide ลุ้นตั๋ว Thai AirAsia X” เพียงแอด Line มาหาเรา ก็ลุ้นตั๋วเครื่องบินไป – กลับ (ดอนเมือง – โอซาก้า) 2 ที่นั่ง 1 รางวัล ฟรี!!

ร่วมสนุกลุ้นบินญี่ปุ่น! เพียงแอด Line @dplusguide ลุ้นตั๋ว Thai AirAsia X 2 ที่นั่ง

ซึ่งเพื่อนๆ ที่แอด Line @dplusguide กับเราเรียบร้อยแล้ว สามารถโชว์หน้าจอ Line ของเราเพื่อรับส่วนลดพิเศษได้ที่บูธ DPlus Guide ในงาน  เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 18 ได้เลย

รายละเอียดเพิ่มเติมกิจกรรม “แอด Line @dplusguide ลุ้นตั๋ว Thai AirAsia X” :
www.dplusguide.com/2016/line-dplusguide-thai-airasia-x

อย่าลืมแวะมาที่บูธกันเยอะๆ นะคะ!

รายละเอียดเพิ่มเติม เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 18 : www.facebook.com/ttaatitf

ร่วมสนุกลุ้นบินญี่ปุ่น! เพียงแอด Line @dplusguide ลุ้นตั๋ว Thai AirAsia X 2 ที่นั่ง

ร่วมสนุกลุ้นบินญี่ปุ่น! เพียงแอด Line @dplusguide ลุ้นตั๋ว Thai AirAsia X 2 ที่นั่ง

DPlus Guide ชวนเพื่อนๆ มาร่วมสนุกในกิจกรรม “แอด Line @dplusguide ลุ้นตั๋ว Thai AirAsia X” เตรียมรับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ ได้ลุ้นโชคไม่พอ ยังได้รับส่วนลดพิเศษเมื่อซื้อหนังสือกับเรา!

แอด Line @dplusguide รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ

ต่อที่ 1 : แอด Line แล้วลุ้นโชครับตั๋วเครื่องบิน ดอนเมือง – โอซาก้า

เพียงแค่เพื่อนๆ แอด Line @dplusguide (ต้องมี @ ด้วยนะ) ก็มีสิทธิ์ลุ้นตั๋วเครื่องบิน – กลับ (ดอนเมือง – โอซาก้า) 2 ที่นั่ง!

ร่วมสนุกลุ้นบินญี่ปุ่น! เพียงแอด Line @dplusguide ลุ้นตั๋ว Thai AirAsia X 2 ที่นั่ง

ขั้นตอนง่าย ๆ เพียง…

1. แอด Line @dplusguide (ต้องมี @ ด้วยนะ)

2. แคปเจอร์ (capture) หน้าจอที่มีข้อความต้อนรับเพื่อนใหม่จากไลน์ของ @dplusguide แล้วส่งไลน์มาหาเรา (ทักไลน์ @dplusguide แล้วส่งรูปภาพที่แคปเจอร์หน้าจอเข้ามาได้เลยค่ะ) พร้อมพิมพ์ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล เพียงเท่านี้ ก็ลุ้นตั๋วเครื่องบินฟรีๆ เลยจ้า

ของรางวัลได้แก่:
ตั๋วเครื่องบิน Thai AirAsia X (ไป – กลับ) เส้นทางดอนเมือง – โอซาก้า 2 ที่นั่ง ฟรี !! (1 รางวัล)

หมดเขต: วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559
ประกาศผล: วันอังคารที่ 1 มีนาคม 2559

หมายเหตุ :

  1. ตั๋วเครื่องบิน Thai AirAsia X เส้นทางดอนเมือง – โอซาก้า จะเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2559 นี้เท่านั้น
  2. ตั๋วเครื่องบิน Thai AirAsia X ไม่สามารถใช้สำรองที่นั่งเพื่อเดินทางในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดเทศกาลต่อเนื่อง และช่วงที่มีอัตราการเดินทางสูง (Embargo Period)
  3. ตั๋วเครื่องบิน Thai AirAsia X ไม่รวมค่าภาษีสนามบิน ค่าประกันภัย ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ขึ้นอยู่กับเส้นทางบิน) บริการเสริมต่างๆ และค่าธรรมเนียมอื่นๆ
  4. ต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าก่อนการเดินทางอย่างน้อย 10 วันทำการ
  5. เมื่อสำรองที่นั่งเรียบร้อยแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางหรือชื่อผู้เดินทางได้
  6. ตั๋วเครื่องบิน Thai AirAsia X ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดได้

 

ต่อที่ 2 : แอด Line แล้วรับส่วนลดที่งาน Japan Expo In Thailand 2016 & งานไทยเที่ยวไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 18

นอกจากจะได้ลุ้นตั๋วเครื่องบินแล้ว ผู้ที่แอด Line @dplusguide มา ยังจะได้รับส่วนลดพิเศษเมื่อซื้อหนังสือกับเราที่บูธ DPlus Guide ในงานท่องเที่ยว

ร่วมสนุกลุ้นบินญี่ปุ่น! เพียงแอด Line @dplusguide ลุ้นตั๋ว Thai AirAsia X 2 ที่นั่ง

เพียงโชว์หน้าจอ Line @dplusguide ที่บูธ DPlus Guide รับส่วนเพิ่มมากขึ้น จากที่ลดราคาในงานอยู่แล้ว ก็ลดเพิ่มขึ้นอีก 5% ถึง 2 งานด้วยกัน!

– พบกันครั้งแรกที่ Japan Expo In Thailand 2016 ณ สยามพารากอน ชั้น 5 รอยัลพารากอนฮอล (ฮอล 3) บูธ DPlus Guide H20 วันที่ 12 – 14 กุมภาพันธ์ 2559

– ยังไม่จุใจใช่ไหม? มาโชว์หน้าจอ Line ใช้เป็นส่วนลดได้อีกหนที่ งานไทยเที่ยวไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 18 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โซนพลาซ่า บูธ DPlus Guide ZC29 วันที่ 17 – 21 กุมภาพันธ์ 2559 ค่ะ

โอกาสดีๆ สิทธิพิเศษ 2 ต่อแบบนี้ ไม่ร่วมสนุกไม่ได้แล้ว (ღ≧◡≦ღ) แอดมาหาเราเลย!

ร่วมสนุกลุ้นบินญี่ปุ่น! เพียงแอด Line @dplusguide ลุ้นตั๋ว Thai AirAsia X 2 ที่นั่ง

ร่วมสนุกลุ้นบินญี่ปุ่น! เพียงแอด Line @dplusguide ลุ้นตั๋ว Thai AirAsia X 2 ที่นั่ง

หรือคลิกลิงก์: http://line.naver.jp/ti/p/cAGqkDi4t9

อย่าลืมมาร่วมสนุกกันเยอะๆ นะคะ

ฮ่องกงชวนนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เช็คอินที่เที่ยว กิน เล่น ครบรสฉบับคนฮ่องกง ปี 2561

ฮ่องกงเปิดเอาต์เลทเพิ่ม ชวนนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เช็กอินที่เที่ยวครบรสฉบับคนฮ่องกง

การท่องเที่ยวฮ่องกงชวนนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เช็คอินที่เที่ยว กิน เล่น ครบรสฉบับคนฮ่องกง ปี 2561 เผยเปิดแฟชั่นเอาต์เลท (Fashion Outlet) ใหม่ๆ ใกล้ย่านรถไฟฟ้า MTR ช่วยให้นักท่องเที่ยวช้อปปิ้งของแบรนด์เนมได้สะดวกยิ่งขึ้น