Home Blog Page 126

โบสถ์ชุงดอง (Chungdong Church) โบสถ์สีหวานในสถานที่โรแมนติก

เที่ยวเกาหลี โบสถ์ชุงดอง (Chungdong Church) โบสถ์สีหวานในสถานที่โรแมนติก

โบถส์สีหวานที่เห็นนี้อยู่ในกรุงโซล ประเทศเกาหลี เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนถนน ชองดง-กิล ถนนสายโรแมนติกที่เต็มไปด้วยผลงานศิลปะและสีเหลืองของต้นกิงโกะ ใครมาเที่ยวที่ถนนเส้นนี้แล้วไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

บนถนนสายโรแมนติกที่มีชื่อเสียงของเกาหลี ถนนชองดง-กิล (Jeongdong-gil) ที่ยามฤดูใบไม้ร่วงจะเต็มไปด้วยสีเหลืองของต้นกิงโกะ (ต้นแปะก๊วย) ที่ร่วงหล่นเต็มพื้นและบนยอดไม้ ระหว่างทางมีจุดแวะชมที่น่าสนใจคือ โบสถ์ชุงดอง (Chungdong Church) ที่มีกำแพงอิฐสีแดงตัดกับสีเหลืองของใบกิงโกะเด่นชัด เป็นหนึ่งในจุดแวะถ่ายรูปสุดหวานน่ารักโรแมนติกจุดหนึ่ง

เที่ยวเกาหลี โบสถ์ชุงดอง (Chungdong Church) โบสถ์สีหวานในสถานที่โรแมนติก

Deoksu-Palace_3753

 

โบสถ์ชุงดอง เป็นโบสถ์คริสเตียนแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดของเกาหลี โดยมีจุดเด่นคืออิฐแดง และรูปแบบของโบสถ์ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรียนกอธิก (Victorian Gothic) เลียบไปกับกำแพงของถนนชอนดองกิล ทำให้โบสถ์แห่งนี้มีเสน่ห์และมีสีสันไม่น้อยเลยทีเดียว

โบสถ์ชุงดอง (Chungdong Church)
[info-g]37.565437,126.97236
[info-t]เปิดทุกวัน 09:00-17:00 น.
[info-f]ฟรี
[info-d]รถไฟใต้ดิน Seoul Subway สาย 1 สถานี City Hall 132 ทางออก 2, รถไฟใต้ดินสาย 2 สถานี City Hall 201 ทางออก 1 หรือ 2
เริ่มต้นจากหน้าประตูหลักของพระราชวังถ็อกซู ให้เลี้ยวขวาเดินเลียบไปตามแนวกำแพงพระราชวังไปเรื่อยๆ ถนนเส้นเลียบกำแพงนี้ก็คือถนนชองดง-กิล (Jeongdong-gil) นั่นเอง (จากนั้นสามารถไปชมพระราชวังเคียงฮุยต่อได้เลย), หากเริ่มจากหน้าประตูหลักของพระราชวังเคียงฮุย ให้เลี้ยวขวาเดินมาเรื่อยๆ จนเจอ Police Museum จากนั้นข้ามถนนเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนชองดง-กิล โบสถ์จะอยู่ตรงข้ามโรงละครชองดอง ใกล้กับวงเวียน
[info-w] www.chungdong.org

ที่มา : หนังสือ “สองขาพาตะลุย เกาหลี Seoul และรอบโซล”

พระราชวังเคียงฮุย (Gyeonghui Palace)

พระราชวังเคียงฮุย (Gyeonghui Palace) หนี่งในห้าพระราชวังของราชวงศ์โซซอน ประเทศเกาหลี  แม้จะเป็นพระราชวังขนาดเล็ก แต่ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมเหมือนกับพระราชวังอื่นๆในเกาหลี ที่สำคัญคือเปิดให้เข้าชมฟรี !

พระราชวังเคียงฮุย สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1617 เป็นหนึ่งในพระราชวังทั้ง 5 ของราชวงศ์โซชอน โดยพระบัญชาขององค์ชายควางแฮกุน ซึ่งแต่เดิมวังแห่งนี้เรียกว่า “ซอกวอล” หมายถึงพระราชวังตะวันตกโดยเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินมากว่า 280 ปี  จุดเด่นที่น่าสนก็คือซุ้มประตูใหญ่ตรงทางเข้า (Heunghwamun Gate) และพระที่นั่งหลัก (Sungjeongjeon Hall)

ในสมัยก่อน เมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดครอง พระตำหนักหลายหลังได้ถูกเผาทำลายไป ภายหลังก็ได้มีการบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ พื้นที่บางส่วนก็ถูกปรับให้กลายเป็นสวนเคียงฮุยกุง และสำหรับใครที่ชื่นชอบงานศิลปะ ในเขตพระราชวังทางด้านหน้ายังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งโซล (Seoul Museum of Art) ให้เข้าชมกันด้วย

Deoksu-Palace_1562_edited1พระราชวังเคียงฮุย แม้จะมีตำหนักขนาดเล็ก แต่ก็มีความเป็นมาอันยาวนานถึง 280 ปี

พระราชวังเคียงฮุย (Gyeonghui Palace)
[info-g]37.570365,126.968865
[info-t]เดือนมี.ค. – ต.ค. เปิด 9:00 – 20:00 น. (วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุด เปิด 10:00 – 19:00 น.) ปิดทุกวันจันทร์ และวันขึ้นปีใหม่ (1 มกราคม)
[info-f]ฟรี
[info-d]รถไฟใต้ดิน Seoul Subway สาย 5 สถานี Seodaemun 532 ทางออก 4 หรือ สถานี Gwanghwamun 533 ทางออก 7, จากพระราชวังถ็อกซู เดินผ่านถนน Jeondong-gil พบสี่แยกแล้วเลี้ยวขวา จะเห็นพระราชวังอยู่ฝั่งซ้ายของถนน
[info-w] http://jikimi.cha.go.kr/english

ที่มา : หนังสือ “สองขาพาตะลุย เกาหลี Seoul และรอบโซล”

สถานที่น่าเที่ยวคันไซ (Kansai)

สถานที่น่าเที่ยวคันไซ (Kansai)

พูดถึงเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อไหร่ ใคร ๆ ก็จะนึกถึงแต่โตเกียว โยโกฮามา ทั้งที่จริง ๆ แล้วยังมีภูมิภาคและเมืองอื่น ๆ ที่น่าสนใจกว่าโตเกียวมาก อย่างภูมิภาคคันไซ ที่เมื่อมีโอกาสเมื่อไหร่จะต้องกลับไปเยี่ยมเยือนตลอดทุก ๆ ปี และไม่เคยจะเบื่อ อาจเป็นเพราะผู้คนในแถบคันไซมีอุปนิสัยและการดำเนินชีวิตที่แตกต่างจากชาวโตเกียว ชาวคันไซมีมนุษย์สัมพันธ์ดี ยิ้มแย้มมีนํ้าใจ ง่าย ๆ สบาย ๆ ชอบช่วยเหลือคนแปลกหน้าชีวิตประจำวันแม้จะดูเร่งรีบตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่น แต่ก็ดูไม่เร่งรัดเท่าชาวโตเกียว

โอซาก้า (Osaka) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคนี้ก็ไม่แออัดเท่าโตเกียวพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะดูจะมีมากกว่าถนนหนทางยังคงมีกลิ่นอายของบรรยากาศเก่า ๆ แทรกซึมอยู่ในทุกย่าน แถมยังเป็นเมืองที่เป็นต้นกำเนิดของสินค้าและอาหารชื่อดังต่าง ๆ มากมาย เช่น กูลิโกะ, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนิชชินโอโคโนมิยากิ, ทาโกยากิ ฯลฯ และเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงจากโอซาก้า คุณสามารถหลีกหนีจากความวุ่นวายและอึกทึกของเมืองหลวง ออกไปสู่อ้อมกอดของขุนเขาหรือท้องทะเลในเมืองที่อยู่รอบ ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโกเบ (Kobe) ที่มีที่เที่ยวทั้งริมทะเลและบนเขา เกียวโต (Kyoto) และ ารา (Nara) อดีตเมืองหลวงที่ยังคงมีบรรยากาศเก่า ๆ ให้สัมผัสตามท้องถนนหรือมุ่งหน้าลงใต้เพื่อไปเยือนวาคายามา (Wakayama) เมืองแห่งผลไม้และอาหารทะเลสด ๆ แถมยังมีออนเซ็นริมทะเลอีกด้วย เหตุผลแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะตอบคำถามว่าทำไมถึงต้องเที่ยวคันไซ และคันไซมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจอะไรบ้างไปดูกัน!

โอซาก้า (Osaka)

osk5_web-754x1024
ปราสาทโอซาก้า

โอซาก้า เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรมของภูมิภาคคันไซ มีประชากรอยู่อาศัยราว 2 ล้านกว่าคน ถือเป็นเมืองที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่นรองจากโตเกียว โอซาก้าได้ชื่อว่าเป็น “ครัวของประเทศ” เนื่องจากเคยเป็นศูนย์กลางของการค้าขายทั้งข้าว ผัก ผลไม้และอาหารทะเลมาตั้งแต่สมัยเอโดะ โอซาก้ายังเป็นเมืองที่ให้กำเนิดบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นมากมาย เช่น พานาโซนิค ไดฮัทสุ มิตซูบิชิ หรือขนมหวานที่เรารู้จักกันดีอย่าง กูลิโกะ ก็ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองโอซาก้าแห่งนี้

สถานที่เที่ยวน่าสนใจในโอซาก้า ได้แก่ ปราสาทโอซาก้ายูนิเวอร์แซล สตูดิโอย่านช้อปปิ้งนัมบะ, พิพิธภัณฑ์สัตว์นํ้าไคยูคัง เป็นต้น

โกเบ (Kobe)

MG_2237
วิวเมืองโกเบยามค่ำคืน บนจุดชมวิว Rokko garden terrace เขาร็อคโค

โกเบเมืองท่าที่สำคัญของจังหวัดเฮียวโงะ แม้จะเคยบอบชํ้าจากผลกระทบของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2538 (เรียกว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิน) ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 6 พันคน ถนนหนทางและบ้านเรือนเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาลแต่ปัจจุบันเมืองท่าแห่งนี้กลับพลิกฟื้นสู่ความเจริญก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดจนแทบไม่เหลือร่องรอยของความเสียหายในอดีต

ch1
ไชน่าทาวน์ Nankinmachi

โกเบนอกจากจะเป็นเมืองท่าและเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญของภูมิภาคคันไซแล้วยังเป็นเมืองที่มีความหลากหลายของวัฒนธรรม เนื่องจากในอดีตโกเบเคยเป็นเมืองท่าที่ใช้สำหรับค้าขายกับชาวต่างชาติ ปัจจุบันจึงมีชุมชนชาวต่างชาติที่เคยมาอาศัยอยู่ที่โกเบตั้งอยู่ โดยเฉพาะไชน่าทาวน์ (Nankin-machi) ที่เป็นศูนย์รวมร้านอาหารจีนชื่อดัง

สถานที่เที่ยวน่าสนใจในโกเบ ทางด้านเหนือของอ่าวโกเบเป็นที่ตั้งของเทือกเขาร็อคโค (Mt. Rokko) ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามติดอันดับของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมี ฟาร์มปศุสัตว์ ร็อคโค พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ลานสกี และอาบน้ำแร่เช่ออนเซน

เกียวโต (Kyoto)

kansai-thru-pass_web
อาราชิยามา แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามของเมืองเกียวโต
อุโมงค์โทริอิ ที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หรือศาลเจ้าจิ้งจอก

เมืองท่องเที่ยวชื่อดังติดอันดับหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่นเมื่อพันกว่าปีก่อน เป็นศูนย์รวมงานฝีมือด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องผ้ากิโมโนของเกียวโตมีชื่อเสียงมาก

ในเมืองเกียวโตเต็มไปด้วยวัดและศาลเจ้าทั้งใหญ่เล็กมากมาย เราสามารถพบเห็นศาลเจ้าขนาดเล็กๆ ตั้งติดอยู่กับตึกรูปทรงทันสมัยอย่างไม่ขัดเขิน วัดและศาลเจ้าในเมืองเกียวโตถือว่ามีความเก่าแก่และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์หลายแห่งถูกประกาศให้เป็นมรดกด้านวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก

การแสดงของไมโกะ ซึ่งเป็นชื่อเรียกของเกอิชาฝึกหัด

เมืองเกียวโตนี้ยังเป็นสถานที่กำเนิดหญิงสาวผู้ทาหน้าขาวในชุดกิโมโนนาม “เกอิชา” ซึ่งเป็นที่เลื่องลือในหมู่นักท่องเที่ยวให้ตามหาและเจอตัวจริงสักครั้ง เป็นเมืองที่มีความคึกคัก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติตลอดทั้งปี

สถานที่เที่ยวน่าสนใจในเกียวโต ได้แก่ อาราชิยามา  ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หอคอยเกียวโต (Kyoto Tower) พระราชวังเกียวโต ตลาดนิชิกิ วัดปราสาททองคินคะคุจิ วัดเรียวอันจิ วัดนินนาจิ

นารา (Nara)

tdjNew
วัดโทไดจิ วัดโบราณได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก

นาราเคยเป็นอดีตเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 1,300 กว่าปีก่อน ในอดีตนาราเคยเป็นที่ตั้งของเมืองเฮโจเคียว (Heijo-kyo) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 710 และเจริญรุ่งเรืองจนถึงปี ค.ศ. 784 ก่อนจะถูกย้ายไปยังนางาโอกะ (Nagaoka) ในช่วงสมัยนั้นถือได้ว่าเป็นช่วงที่พุทธศาสนาเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก มีการรับเอาศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมเข้ามาจากประเทศจีนรวมทั้งเกาหลีด้วย วัดเก่าแก่หลายๆ แห่งได้ถูกสร้างขึ้น อาทิวัดโทไดจิ (Todai-ji) วัดโคฟุคุจิ (Kofuku-ji) และวัดโทโชไดจิ (Toshodai-ji) ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก นารายังได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งกวาง” เนื่องจากในสวนสาธารณะใจกลางเมืองจะมีฝูงกวางที่ปล่อยให้เดินเล่นกันอย่างอิสระ จนกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองนี้และเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเที่ยวชม

สถานที่เที่ยวน่าสนใจในนารา ได้แก่ วัดโทไดจิ (Todai-ji) วัดโคฟุคุจิ (Kofuku-ji) วัดโทโชไดจิ (Toshodai-ji) สวนสาธาธณะนารา

วากายามา (Wakayama)

วัด Danjo Garan แห่ง เขาศักดิ์สิทธิ์โคยะซัง (Koyasan)

เมืองเกษตรกรรมและแหล่งประมงที่สำคัญของภูมิภาคคันไซ ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่มีพื้นที่ชายฝั่งที่ทอดยาวเหมาะกับการทำประมง ผืนดินอุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งเพาะปลูกพืชผักและผลไม้ที่ขึ้นชื่อจังหวัดวาคายามาและยังเป็นที่ตั้งของเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์โคยะซัง (Koyasan) ต้นกำเนิดพุทธศาสนานิกาย Shingon ซึ่่งก่อตั้งโดยพระคูไค ด้านบนเขาเป็นที่ตั้งของอารามศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก เส้นทางเดินแสวงบุญและสุสานศักดิ์สิทธิ์ของท่านคูไคที่มีหลุมฝังศพกว่าสองแสนหลุม ตั้งแต่สามัญชนคนธรรมดาไปจนถึงบรรดาหลุมศพของเหล่าบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

สถานที่เที่ยวน่าสนใจในวากายาม่า ได้แก่ เทือกเขาศักดิ์สิทธิ์โคยะซัง (Koyasan) ต้นกำเนิดพุทธศาสนานิกาย Shingon ปราสาทวาคายามา นายสถานีแมวเหมียวทามะหนึ่งเดียวของญี่ปุ่น ฟาร์มสตอร์เบอรี่ในเมืองคิโนกาวา

ชิงะ (Shiga)

ทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น

จังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของคันไซ มีเมืองหลวงชื่อโอทสึ (Otsu) เป็นจังหวัดที่ตั้งของทะเลสาบบิวะโกะ ทะเลสาบนํ้าจืดที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น บริเวณรอบทะเลสาบบิวะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆมากมาย

cast1
ปราสาทฮิโคเนะ (Hikone Castle)

โดยเฉพาะเมืองฮิโคเนะ (Hikone) ในอดีตเคยเป็นเมืองที่สำคัญ มีปราสาทฮิโคเนะ (Hikone Castle) เป็น 1 ใน 4 ปราสาทงามสง่าของญี่ปุ่น ที่ประกอบด้วยหอคอย 3 ชั้น ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นบนเขาฮิโคเนะ (Mt.Hikone) ในยุคเอโดะ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1614 ใช้เวลาสร้างถึง 18 ปี จัดเป็นสมบัติแห่งชาติทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ด้วย

สถานที่เที่ยวน่าสนใจในชิงะ ได้แก่ ทะเลสาบบิวะโกะ ทะเลสาบนํ้าจืดที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ปราสาทฮิโคเนะ (Hikone Castle)

ที่มา : หนังสือ Japan Kansai เที่ยวญี่ปุ่น ฉบับตะลุยคันไซ | ผู้เขียน : ตะวัน พันธ์แก้ว

ชองดง-กิล (Jeongdong-gil) ถนนสายโรแมนติกริมย่านราชวังเกาหลี

ทางด้านทิศใต้ของพระราชวังถ็อกซู มีถนนเลียบกำแพงหิน (Stonewall Street) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและโรแมนติกสายหนึ่งในเกาหลี ถนนสายนี้มีชื่อว่า ถ็อกซูกุง โดดัม-กิล (Deoksugung Doldam-gil) หรือชองดง-กิล (Jeongdong-gil) 

ชองดง-กิล (Jeongdong-gil) เป็นถนนระยะทางประมาณ 1 กม. ที่เชื่อมระหว่างพระราชวังถ๊อกซูกับพระราชวังเคียงฮุย สองข้างทางจะเรียงรายไปด้วยต้นกิงโกะ (แปะก๊วย) ที่ปลูกไว้เลียบไปกับความโค้งของเส้นถนน ขนานกับแนวกำแพงหินสีน้ำตาลเทาสวยงาม ทำให้ถนนเส้นนี้มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ในตัวอย่างล้นเหลือ ระหว่างทางยังมีทั้งโรงละคร โบสถ์ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ และรูปปั้น 3 มิติ จางดอกแด (Jangdockdae) อยู่ตรงบริเวณลานนํ้าพุหน้าพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งกรุงโซลให้ชมกันด้วย

ทางเดินกำแพงหินแสนโรแมนติก ชองดงกิล ย่านพระราชวังถ็อกซู
ทางเดินกำแพงหินแสนโรแมนติก ชองดงกิล ย่านพระราชวังถ็อกซู

การเดินทางมาเยือนถนนชองดง-กิล (Jeongdong-gil) ในแต่ละช่วงเวลา ก็จะได้บรรยากาศที่แตกต่างกันไป ช่วงที่แนะนำคือ ช่วงเวลาที่ต้นกิงโกะ (แปะก๊วย) เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสะพรั่งในฤดูใบไม้ร่วง (เดือน ก.ย. – ต.ค)

หากมาถึงแล้วก็ไม่ต้องแปลกใจหากเพื่อนๆ จะเห็นใบของต้นกิงโกะร่วงหล่นเต็มพื้นถนนโดยไม่มีใครกวาด เพราะนั่นถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ถนนเส้นนี้ติดอันดับถนนสายโรแมนติกนั่นเอง (จะเรียกเป็นนโยบายก็ได้ ท่านรัฐมนตรี Yoo In Chon สั่งมาโดยตรงให้บิลท์บรรยากาศโรแมนติกให้เต็มที่ อิอิ)

งานศิลปะรูปปั้นสามมิติรูปคน จางดอกแด (Jangdockdae) ริมถนนชอนดองกิล ย่านพระราชวังถ็อกซู
งานศิลปะรูปปั้นสามมิติรูปคน จางดอกแด (Jangdockdae) ริมถนนชอนดองกิล ย่านพระราชวังถ็อกซู
ในช่วงเวลาสายๆ จะได้เห็นงานศิลปะที่ศิลปินนำมาขายริมทาง ช่วยเพิ่มสวยงามและให้อารมณ์ศิลป์กับเส้นทางโรแมนติกเส้นนี้สุดๆ
ในช่วงเวลาสายๆ จะได้เห็นงานศิลปะที่ศิลปินนำมาขายริมทาง ช่วยเพิ่มสวยงามและให้อารมณ์ศิลป์กับเส้นทางโรแมนติกเส้นนี้สุดๆ
ทางเดินโค้งกับกำแพงหินสีสวยงามสุดโรแมนติกทอดจากราชวังถ็อกซูไปสิ้นสุดที่บริเวณวงเวียน จากนั้นก็จะเข้าสู่ถนนชองดงกิล
ทางเดินโค้งกับกำแพงหินสีสวยงามสุดโรแมนติกทอดจากราชวังถ็อกซูไปสิ้นสุดที่บริเวณวงเวียน จากนั้นก็จะเข้าสู่ถนนชองดงกิล

หนุ่มสาวเกาหลีมีความเชื่อเกี่ยวกับถนนสายโรแมนติกเส้นนี้อยู่ 2 แบบ คือ ถ้ามาเดินถนนเส้นนี้ในช่วงที่หิมะตก ความรักจะยืนยาว กับความเชื่ออีกแบบที่ตรงข้ามกัน คือ ถ้าหนุ่มสาวคู่ไหนมาเดินด้วยกันที่นี่ จะเลิกร้างกันไป เอ๊ะ! แล้วจะเชื่ออันไหนดีล่ะเนี่ย!?? แต่เท่าที่เห็นก็มีคู่รักไปเดินกันหลายคู่นะคะ แถมยังมีซีรี่ย์สหลายๆ เรื่อง รวมทั้งหนังของต่างชาติ (ของไทยเราก็มี) ก็มาถ่ายทำที่นี่ด้วย แน่นอนว่าถ้าใครมากับทัวร์ก็อดกันไป!

ความโรแมนติกของร้านและอาคารริมถนน Jeongdong-gil
ความโรแมนติกของร้านและอาคารริมถนน Jeongdong-gil

ถนนชองดง-กิล (Jeongdong-gil)
[info-t] เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
[info-f] ฟรี
[info-d] รถไฟใต้ดิน Seoul Subway สาย 1 สถานี City Hall 132 ทางออก 2, รถไฟใต้ดินสาย 2 สถานี City Hall 201 ทางออก 1 หรือ 2 เริ่มต้นจากหน้าประตูหลักของพระราชวังถ็อกซู เลี้ยวขวาเดินเลียบไปตามแนวกำแพงพระราชวังไปเรื่อยๆ ถนนเส้นเลียบกำแพงนี้ก็คือ ถนนชองดง-กิล (Jeongdong-gil) นั่นเอง (จากนั้นสามารถไปชมพระราชวังเคียงฮุยต่อได้เลย) หากเริ่มจากหน้าประตูหลักของพระราชวังเคียงฮุย ให้เลี้ยวขวาเดินมาเรื่อยๆ จนเจอ Police Museum จากนั้นข้ามถนนเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนชองดง-กิล
[info-g] 37.5662,126.9718

ที่มา : หนังสือ “สองขาพาตะลุย เกาหลี Seoul และรอบโซล”

พระราชวังถ็อกซู (Deoksugung Palace) สถานที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์

พระราชวังถ็อกซู (Deoksugung Palace) เป็นหนึ่งในห้าพระราชวังสำคัญของราชวงศ์โชซอนที่ไม่ควรพลาดชม เป็นพระราชวังที่มีความเก่าแก่ถึงกว่า 500 ปี ตั้งอยู่ท่ามกลางอาคารและย่านเมืองที่คึกคัก ฝั่งตรงข้ามเป็น Seoul Plaza และศาลาว่าการเมืองที่เพิ่งปรับปรุงใหม่ มีห้างร้านสรรพสินค้าที่เป็นสถาปัตยกรรมทันสมัย ให้ภาพลักษณ์ขั้วตรงข้ามที่แปลกตาและมีเสน่ห์เฉพาะตัว

ภายในมีจุดเยี่ยมชมที่น่าสนใจอย่าง ประตูหลักแทฮันมุน (Daehanmun Gate) พระที่นั่งชุงวาจอนและท้องพระโรง (Jungwajeon) หอระฆังกวางเมียงมุน (Gwangmyeonmun) รวมถึงพระตำหนักอื่นๆอีกรวมทั้งหมด 12 จุดด้วยกัน นอกจากนี้ยังเป็นพระราชวังเดียวที่มีอาคารรูปทรงตะวันตก ซกโชจอน (Seokjojeon) สร้างอยู่ภายในบริเวณพระราชวังด้วย

ในช่วงที่ต้นแปะก๊วยออกดอกสีเหลืองสะพรั่งและร่วงหล่นเต็มพื้น (ประมาณเดือน ก.ย. – พ.ย.) พระราชวังถ็อกซูจะสวยงามเป็นพิเศษ หากไม่รีบไปที่ไหนต่อช่วงแดดร่มลมเย็นก็เหมาะจะเดินชม รับลมชิลล์ๆ ผ่อนคลาย ซึมซับบรรยากาศเก่าๆ ของสถานที่ในประวัติศาสตร์ก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวเลย

มีพิธีผลัดเวรยามให้ชมด้วยค่ะ
มีพิธีผลัดเวรยามให้ชมด้วยค่ะ

ตามประวัติกล่าวไว้ว่ากษัตริย์ซุนจอง (กษัตริย์องค์สุดท้าย) ได้พระราชทานชื่อวังนี้ว่า ถ็อกซูกุง ซึ่งมีความหมายว่า “พระราชวังแห่งอายุยืนยาวและมั่นคง” และใกล้ๆกับเขตพระราชวังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เช่น พระราชวังเคียงฮุย, โบสถ์แองกลิกัน, พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์กรุงโซล, โรงละครนันทา ฯลฯ

พิธีผลัดเวรยามหลวงรักษาประตู จัดแสดงเวลา 11:00 น., 14:00 น. และ 15:00 น. (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ)
พิธีผลัดเวรยามหลวงรักษาประตู จัดแสดงเวลา 11:00 น., 14:00 น. และ 15:00 น. (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติถ็อกซูกุงเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปแห่งเดียวที่อยู่ภายในพระราชวัง มีชื่ออาคารว่า “ชกโจจอน” (Seokjojeon Hall) ส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์จะอยู่ปีกตะวันตก ด้านหน้ามีลานนํ้าพุแบบยุโรป ส่วนด้านในใช้จัดนิทรรศการหมุนเวียน ซึ่งหากจะเข้าชมต้องจ่ายทั้งค่าเข้าวังและค่าชม (ราคาขึ้นอยู่กับนิทรรศการที่มาจัด)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติถ็อกซูกุงเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปแห่งเดียวที่อยู่ภายในพระราชวัง

พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติถ็อกซูกุง มีชื่ออาคารว่า “ชกโจจอน” (Seokjojeon Hall) ส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์จะอยู่ปีกตะวันตก ด้านหน้ามีลานนํ้าพุแบบยุโรป ส่วนด้านในใช้จัดนิทรรศการหมุนเวียน ซึ่งหากจะเข้าชมต้องจ่ายทั้งค่าเข้าวังและค่าชม (ราคาขึ้นอยู่กับนิทรรศการที่มาจัด)

หากใครตั้งใจไปเยี่ยมชมพระราชวังสำคัญๆ ให้ครบใน 1 วัน (พระราชวังเคียงบกกุง, พระราชวังชางด๊อกรวมถึงสวนลับหรือฮูวอน, พระราชวังชางคียงกุง, พระราชวังถ้อกซู และศาสนสถานชงเมียว) แนะนำให้ซื้อตั๋วรวม ราคา 10,000 วอน เหมาจ่ายไปเลยเพราะจะเข้าได้ทั้งพิพิธภัณฑ์ และพระราชวัง

พระราชวังถ็อกซู (Deoksugung Palace)
[info-g]37.566487,126.976303
[info-t]9.00-21.00 น. ปิดทุกวันจันทร์
[info-f]เฉพาะพระราชวัง ผู้ใหญ่ 1,000 วอน, เด็ก 500 วอน หากต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ด้วยสามารถซื้อบัตรเหมาทั้งราชวังและนิทรรศการ (ราคาขึ้นอยู่กับนิทรรศการหมุนเวียนที่มาจัด)
[info-d]รถไฟใต้ดิน Seoul Subway สาย 1 สถานี City Hall 132 ทางออก 2, รถไฟใต้ดินสาย 2 สถานี City Hall 201 ทางออก 1 หรือ 2
[info-w] www.deoksugung.go.kr

ที่มา : หนังสือ “สองขาพาตะลุย เกาหลี Seoul และรอบโซล”

ตามรอยแมวเหมียวนายสถานี “เจ้าทามะ” ขวัญใจทาสแมวแดนปลาดิบ

ตามรอยแมวเหมียวนายสถานี “เจ้าทามะ” ขวัญใจทาสแมวแดนปลาดิบ

ท่ามกลางกระแสทาสแมว ที่ใครๆ ต่างก็หลงรักเจ้าสัตว์สี่ขาหน้าตาน่ารักน่าชังนี้ ในขณะที่เมืองไทยมีแมวเซเลบ “เจ้าหลง” แมวประจำสถานีรถไฟลาดกระบัง แต่รู้ไหมที่ญี่ปุ่นก็มี “เจ้าทามะ” แมวนายสถานีในเครื่องแบบสุดเท่และน่ารัก แห่งสถานีรถไฟคิชิ เมืองวาคายามา (Wakayama) ภูมิภาคคันไซ ด้วยนะ!!

DPlus Guide ขอพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับนายสถานีที่เป็นแมวเหมียว ซึ่งเป็นอดีตแมวนายสถานีหนึ่งเดียว (ก่อนที่จะมีเจ้าหลงมาเป็นคู่แข่ง) ที่โด่งดังไปทั่วโลก “เจ้าทามะ” นายสถานีแห่งสถานีรถไฟคิชิ (Kishi Station) นั่นเอง

เจ้าเหมียวทามะบนโปสเตอร์ ชุดที่เห็นนี้คือชุดพิเศษของเจ้าทามะ “Wakayama de Knight”
เจ้าเหมียวทามะบนโปสเตอร์ ชุดที่เห็นนี้คือชุดพิเศษของเจ้าทามะ “Wakayama de Knight”

ทามะจัง (たまちゃん) เป็นแมวสามสีเพศเมีย ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายสถานี (หญิง) ประจำสถานีรถไฟคิชิ (Kishi) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟท้องถิ่น ของรถไฟสายคิชิกาวา รถไฟสายนี้เป็นรถระยะสั้นๆ ระยะทางประมาณ 14 กม. วิ่งเชื่อมระหว่างสถานีวาคายามา (JR Wakayama) กับสถานีคิชิ เมืองคิโนกาวา

เจ้าเหมียวทามะกับหมวกเครื่องแบบ เท่สุดๆ ไปเลย!
เจ้าเหมียวทามะกับหมวกเครื่องแบบ เท่สุดๆ ไปเลย!
เจ้าเหมียวทามะนอนขดอยู่ในตะกร้า
เจ้าเหมียวทามะนอนขดอยู่ในตะกร้า
เจ้าเหมียวทามะยามตื่น ลุกมาเฝ้าสถานีและพบปะแฟนๆ
เจ้าเหมียวทามะยามตื่น ลุกมาเฝ้าสถานีและพบปะแฟนๆ

แมวเหมียวทามะนั้นไม่ธรรมดา เพราะเจ้าเหมียวตัวนี้เป็นแมวชื่อดังขนาดที่มีรถไฟลวดลายตัวการ์ตูนของตัวเองด้วย!! นั่นคือ “รถไฟขบวนทามะ” (Tama Densha) นอกจากลายด้านนอกจะเป็นรูปตัวการ์ตูนเหมียวทามะแล้ว ด้านในก็ “คาวาอี้” (น่ารัก) มากๆ เลยล่ะ!

รถไฟทามะ หรือ “ทามะเดงฉะ” ลวดลายแสนน่ารักบาดใจ แค่เห็นก็อยากก้าวเข้าไปลองนั่งแล้วล่ะสิ!
รถไฟทามะ หรือ “ทามะเดงฉะ” ลวดลายแสนน่ารักบาดใจ แค่เห็นก็อยากก้าวเข้าไปลองนั่งแล้วล่ะสิ!
รถไฟขบวนนี้แหละที่จะพาเราเดินทางจากสถานี JR Wakayama ไปยังสถานีคิชิ ซึ่งเป็นที่ทำงานประจำของเจ้าทามะ
รถไฟขบวนนี้แหละที่จะพาเราเดินทางจากสถานี JR Wakayama ไปยังสถานีคิชิ ซึ่งเป็นที่ทำงานประจำของเจ้าทามะ
ด้านในรถไฟทามะ ตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนทามะจัง และเบาะนั่งลวดลายแมวสามสีแบบเดียวกับเจ้าทามะ
ด้านในรถไฟทามะ ตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนทามะจัง และเบาะนั่งลวดลายแมวสามสีแบบเดียวกับเจ้าทามะ
ขบวนรถไฟงามๆ แบบนี้ เขาทุ่มทุนตกแต่งกันถึง 20 ล้านเยนเลยนะจ๊ะ
ขบวนรถไฟงามๆ แบบนี้ เขาทุ่มทุนตกแต่งกันถึง 20 ล้านเยนเลยนะจ๊ะ

นอกจากนี้เจ้าเหมียวทามะยังมีแมวผู้ช่วยซึ่งก็คือ เจ้าทามะรุ่นที่สอง หรือที่เรียกว่า “นิทามะ” (ニタマ) ประจำอยู่ที่สถานีอิดากิโสะ (Idakiso Station) จะทำงานสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันกับเจ้าทามะ เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากไปเยี่ยมทามะจังกับนิทามะ ก่อนไปก็อย่าลืมตรวจสอบวันเวลาทำงานของนายสถานีแต่ละตัว เอ้ย แต่ละท่านกันก่อนที่เว็บไซต์ www.wakayama-dentetsu.co.jp/sstama.html นะ!

ทามะกับนิทามะ แยกออกไหมเอ่ยว่าตัวไหนเป็นตัวไหน มีเฉลยด้านท้ายบทความนะคะ
ทามะกับนิทามะ แยกออกไหมเอ่ยว่าตัวไหนเป็นตัวไหน มีเฉลยด้านท้ายบทความนะคะ
เซเลบไม่เซเลบก็ลองดูสิ มีสื่อมวลชนให้ความสนใจมากมายขนาดนี้เลยนะ
เซเลบไม่เซเลบก็ลองดูสิ มีสื่อมวลชนให้ความสนใจมากมายขนาดนี้เลยนะ

สำหรับความเป็นมาของนายสถานีแมวเหมียวขวัญใจชาวญี่ปุ่นนั้น คล้ายๆ กับเจ้าหลงของประเทศไทยเลยเชียว เริ่มต้นมาจากเมื่อครั้งที่รถไฟท้องถิ่นสายคิชิคาว่าประสบกับภาวะขาดทุนซบเซาจนเกือบต้องล้มเลิกกิจการ เนื่องประชาชนในพื้นที่เริ่มมีรถยนต์และใช้บริการรถไฟกันน้อยลง

จุดเปลี่ยนของรถไฟสายนี้เริ่มขึ้นเมื่อพนักงานร้านขายของชำที่อยู่ใกล้ๆได้นำ “ทามะจัง” แมวจรจัดเพศเมียที่เจ้าของร้านเก็บมาเลี้ยง มาใส่ตระกร้าวางไว้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วของสถานีคิชิทุกวัน เมื่อผู้โดยสารที่พบเห็นก็นำไปเล่าให้คนอื่นฟังถึงความน่ารักของเจ้าเหมียวกันปากต่อปาก จนเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายไปยังเมืองอื่น หลายคนจึงเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อดูแมวเพียงตัวเดียว

เจ้าแมวเซเลบสุดโด่งดังน่ารักขนาดนี้ เลยจับมาเป็นพรีเซนเตอร์ของสถานีซะเลย!
เจ้าแมวเซเลบสุดโด่งดังน่ารักขนาดนี้ เลยจับมาเป็นพรีเซนเตอร์ของสถานีซะเลย!

รถไฟสายคิชิคาวา จากที่เคยเงียบเหงาจนแทบจะล้มละลาย ก็เริ่มมีรายได้จากนักท่องเที่ยว และยิ่งโด่งดังไปทั่วโลกเมื่อ CNN มาทำข่าว จนในที่สุดทางการรถไฟวาคายามาจึงได้แต่งตั้งให้ทามะจังเป็นนายสถานี ในระยะเวลาแค่ปีแรกทามะจังก็ทำรายได้ให้กับรถไฟสายนี้และสร้างความคึกคักให้กับสถานีคิชิ ได้ถึง 1.1 พันล้านเยนเลยทีเดียว

ทามะจังจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “Super Station Master” หรือ สุดยอดนายสถานี มีการทำข่าวและประชาสัมพันธ์กันโด่งดังมากในญี่ปุ่น มีรถไฟที่ออกแบบลวดลายทามะจัง และผลิตสินค้าที่ระลึกลายเจ้าเหมียวมากมาย มีแม้กระทั่งปฏิทิน เครื่องเขียน สมุด และหนังสือรวมภาพทามะจัง!

สมุดลายทามะจัง หนึ่งในคอลเลกชั่นเครื่องเขียนลายทามะจัง สินค้าของสถานีคิชิ
สมุดลายทามะจัง หนึ่งในคอลเลกชั่นเครื่องเขียนลายทามะจัง สินค้าของสถานีคิชิ
ปฏิทินลาย “ทามะจัง” และ “นิทามะ” ตัวไหนน่ารักกว่า เลือกไม่ถูกเพราะน่ารักทั้งคู่เลย >w<
ปฏิทินลาย “ทามะจัง” และ “นิทามะ” ตัวไหนน่ารักกว่า เลือกไม่ถูกเพราะน่ารักทั้งคู่เลย >w<

จุดแตกต่างที่สำคัญของทามะกับนิทามะ ก็คือสีและลวดลายบนตัวค่ะเจ้าทามะจะมีลายสีดำอยู่บริเวณหูขวาและส่วนใบหน้า ส่วนนิทามะจะมีลายสีดำอยู่ฝั่งซ้ายนั่นเอง

หนังสือภาพทามะจัง! คิดดูซิว่าต้องมีแฟนคลับคลั่งไคล้มากมายขนาดไหนถึงจะมีหนังสือรวมภาพเป็นของตัวเองได้
หนังสือภาพทามะจัง! คิดดูซิว่าต้องมีแฟนคลับคลั่งไคล้มากมายขนาดไหนถึงจะมีหนังสือรวมภาพเป็นของตัวเองได้

น่าจะเรียกได้ว่าทามะจังเป็นแมวนำโชค แมวกวักเงินกวักทองของสถานีคิชิของแท้ของจริง เห็นแบบนี้แล้ว เห็นแบบนี้แล้ว “เจ้าหลง” แมวที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี เอ้ย แมวเหมียวนายสถานีตัวน้อยตัวที่สองของโลก พอจะสู้ไหวไหมน้อ?

สถานีรถไฟคิชิ (Kishi Station) ที่ทำการของเจ้าเหมียวทามะ
[info-g]34.2094,135.3121
[info-t]10:00-16:00 น.
[info-f]ค่าตั๋วรถไฟทามะ ผู้ใหญ่ 350 เยน, เด็ก 180 เยน, ตั๋วแบบเหมา 1 Day ขึ้นได้ไม่จำกัดเที่ยว 650 เยน
[info-d]เริ่มจากสถานี JR Wakayama (ไม่ใช่สถานี Wakayamashi ของนันไคนะจ๊ะ)
เมื่อมาถึงสถานี Wakayama แล้ว ให้เดินไปที่ชานชาลาหมายเลข 9 ตามรอยเท้าแมวบนพื้นไป หรือไปที่ด่านตรงที่มีนายสถานีประจำอยู่ แล้วบอกว่าจะไปขึ้นรถไฟทามะ (ทามะเดงฉะ) เขาจะเปิดให้ผ่านเข้าไปซื้อตั๋วได้เลย
[info-t]ตรวจสอบเวลาประจำการได้ที่ www.wakayama-dentetsu.co.jp/sstama.html

 

ข้อมูลและภาพ : Monotrendy (ตะวัน พันธ์แก้ว) | เรียบเรียง : naNutt DPlus Guide Team | ที่มา: หนังสือ Japan Kansai เที่ยวญี่ปุ่น ฉบับตะลุยคันไซ ผู้เขียน ตะวัน พันธ์แก้ว | รูปภาพบางส่วนจาก: www.wakayama-dentetsu.co.jp และ www.wakayama-dentetsu.co.jp/tama-museum

เที่ยวสวนดอกไม้ประจำชาติเกาหลี Mugunghwa Dongsan

เที่ยวเกาหลี ที่กรุงโซล ถัดจาก บลูเฮาส์ (Blue House) หรือทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลี ไปไม่ไกลนัก มีสวน Mugunghwa Dongsan หรือ Rose of Sharon Garden ซึ่งเป็นสวนที่ปลูกดอกมูกุงฮวา ดอกไม้ประจำชาติของประเทศเกาหลีใต้ สังเกตได้จากลานกว้างที่มีรูปปั้นนกฟีนิกซ์ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมถนนบริเวณสามแยก

Mugunghwa Dongsan เป็นสวนที่ปลูกดอกมูกุงฮวา (หรืออีกชื่อคือดอก Rose of Sharon) ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศเกาหลีใต้ ดอกมูกุงฮวาจะบานในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม จุดเด่นของดุอกมูกุงฮวาคือทนต่อสภาพอากาศที่เลวร้ายและศัตรูพืชได้เป็นอย่างดี ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นอมตะของประวัติศาสตร์ชาติเกาหลี

ดอกมูกุงฮวา (무궁화) หรือ Rose of Sharon เป็นดอกไม้ประจำชาติเกาหลี
ดอกมูกุงฮวา (무궁화) หรือ Rose of Sharon เป็นดอกไม้ประจำชาติเกาหลี

ด้านหน้าจะมีอนุสาวรีย์รูปนกฟีนิกซ์ สัญลักษณ์ของความเป็นอมตะตั้งอยู่ใกล้กับ บลูเฮาส์ (Blue House) และมีพิพิธภัณฑ์ Cheongwadae Sarangchae อยู่เยื้องๆกับอนุสาวรีย์แห่งนี้ด้วย นอกจากนั้นบริเวณใกล้เคียงยังเป็นสถานที่รับรองแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญ ดังนั้นจึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบยืนรักษาการณ์และตรวจตราอยู่เป็นจุดๆ

Mugunghwa Dongsan (Rose of Sharon Garden)
[info-g]37.5832,126.9729
[info-t]เปิด 24 ชั่วโมง (แต่ไม่แนะนำให้ไปตอนมืดๆ นะ!)
[info-f]ค่าเข้าฟรี
[info-d]รถไฟฟ้าใต้ดิน Seoul Subway สาย 3 ลงสถานี Gyeongbokgung 327 ทางออก 4 สวนจะอยู่หลังพระราชวังเคียงบก เยื้องไปทางซ้ายมือ บริเวณสามแยกริมถนนใหญ่ หากออกมาจากบลูเฮาส์จะเจอทันที

ที่มา : หนังสือ “สองขาพาตะลุย เกาหลี Seoul และรอบโซล”

เยือนทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีที่ Blue House

บลูเฮาส์นี้ มีชื่อภาษาเกาหลีว่า ชอง วา แด (청와대: Cheong Wa Dae) ซึ่งแปลว่า “เรือนสีฟ้า” โดยที่นี่เป็นสถานที่ทำงานของประธานธิบดีของเกาหลีใต้
บลูเฮาส์นี้ มีชื่อภาษาเกาหลีว่า ชอง วา แด (청와대: Cheong Wa Dae) ซึ่งแปลว่า “เรือนสีฟ้า” โดยที่นี่เป็นสถานที่ทำงานของประธานธิบดีของเกาหลีใต้

เที่ยวเกาหลี ที่กรุงโซล พื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 250,000 ตารางเมตร ที่ประกอบด้วยเรือนหลังใหญ่เล็กสลับซับซ้อนและสวนกว้างใหญ่สีเขียวขจีนี้คือ บลูเฮาส์ (Blue House) หรือทำเนียบประธานธิบดีของประเทศเกาหลีใต้นั่นเอง

บลูเฮาส์นี้ มีชื่อภาษาเกาหลีว่า ชอง วา แด (청와대: Cheong Wa Dae) ซึ่งแปลว่า “เรือนสีฟ้า” โดยที่นี่เป็นสถานที่ทำงานของประธานธิบดีของเกาหลีใต้
บลูเฮาส์นี้ มีชื่อภาษาเกาหลีว่า ชอง วา แด (청와대: Cheong Wa Dae) ซึ่งแปลว่า “เรือนสีฟ้า” โดยที่นี่เป็นสถานที่ทำงานของประธานธิบดีของเกาหลีใต้

 

บลูเฮาส์นี้ มีชื่อภาษาเกาหลีว่า ชอง วา แด (청와대: Cheong Wa Dae) ซึ่งแปลว่า “เรือนสีฟ้า” โดยที่นี่เป็นสถานที่ทำงานของประธานธิบดีของเกาหลีใต้ ด้านในมีกลุ่มอาคารหลายหลังด้วยกัน เช่น หอประชุมใหญ่ ที่พำนักของประธานธิบดี เรือนรับรอง ห้องแถลงข่าว และอาคารสำนักงานเลขาธิการฯ ที่ล้วนสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์เกาหลี และจัดวางตามหลักฮวงจุ้ยให้เป็นมงคลที่สุด

DSC_0042

 

หากเพื่อนๆ มาท่องเที่ยวที่นี่เองโดยไม่ได้จองก่อน จะชมได้เฉพาะบริเวณภายนอกรั้วด้านหน้าเท่านั้น (มองทะลุรั้วเข้าไปเห็นตัวอาคารหลักและสวนรอบๆ ได้บ้าง) หากต้องการเข้าชมด้านใน จะต้องจองคิวเพื่อให้ไกด์ของบลูเฮาส์พาชมเท่านั้น ไม่สามารถเดินชมเองได้ เมื่อจองได้แล้ววันที่จะเข้าชมต้องไปรอขึ้นรถที่ประตูวังฝั่ง East Gate หรือบริเวณ Geonchunmun

ใครที่อยากเข้าไปชมต้องจองล่วงหน้า จะต้องมีวางแผนเอาไว้บ้างแล้ว เพราะในขั้นตอนการจองจะต้องกำหนดวันและเวลาอย่างชัดเจน ซึ่งแต่ละวันทาง Blue House จะจำกัดจำนวนผู้เข้าชมด้วย ดังนั้นหากจะไปเยี่ยมชม แนะนำให้รีบจองค่ะ และที่สำคัญ วันที่ไปชมต้องนำพาสปอร์ตไปยืนยันด้วย

ถัดไปไม่ไกลจากที่นี่ ยังมีสวน Mugunghwa Dongsan ซึ่งเป็นสวนที่ปลูกดอกมูกุงฮวาดอกไม้ประจำชาติเกาหลี ให้ไปเที่ยวชมกันด้วย หากมาชมทำเนียบประธานาธิบดีที่นี่ ก็สามารถแวะไปชมต่อได้

บลูเฮาส์ (Blue House)
[info-g]37.584467,126.975178
[info-t]09:00-18:00 น. ปิดวันจันทร์
[info-f]ค่าเข้าฟรี (ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 21 วัน)
[info-d]รถไฟฟ้าใต้ดิน Seoul Subway สาย 3 ลงสถานี Gyeongbokgung 327 ทางออก 5 โดย Blue House จะอยู่หลังพระราชวังเคียงบก สามารถมองทะลุไปเห็นได้ แต่จะไม่สามารถเข้าชมภายในได้หากไม่ได้จองเอาไว้
[info-w] www.president.go.kr


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ “สองขาพาตะลุย เกาหลี Seoul และรอบโซล”

เที่ยวโซล เยือนพระราชวังเคียงบก (Gyeongbok Palace) พระราชวังเก่าแก่ที่สุดแห่งราชวงศ์โชซอน

เที่ยวโซล เกาหลี หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่เรียกได้ว่า ถ้ามาเที่ยวถึงกรุงโซล เกาหลีใต้ แล้วไม่ได้มา พระราชวังเคียงบก (Gyeongbok Palace)  ก็เหมือนกับคุณได้พลาดครั้งใหญ่หลวงแล้ว

เพราะพระราชวังเคียงบกนั้นถือว่าเป็นพระราชวังที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในบรรดา 5 พระราชวังสำคัญของเกาหลีใต้ อีกทั้งยังมีวิวตำหนักริมน้ำเป็นสถานที่ยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเก็บภาพกันอีกด้วย

เยือนพระราชวังเคียงบก (Gyeongbok Palace) พระราชวังเก่าแก่ที่สุดแห่งราชวงศ์โชซอน

พระราชวังเคียงบกกุง (กุง ในภาษาเกาหลีแปลว่า วัง) เป็นพระราชวังเก่าแก่ที่สุดและถือเป็นสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์โชซอน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1394 พระราชวังเคียงบก นับว่าเป็นพระราชวังที่สวยงามและโดดเด่นเป็นสง่าที่สุดก็ว่าได้ เมื่อเทียบกับพระราชวังทั้งหมดที่สร้างขึ้นในราชวงศ์นี้

เยือนพระราชวังเคียงบก (Gyeongbok Palace) พระราชวังเก่าแก่ที่สุดแห่งราชวงศ์โชซอน

อาจจะด้วยทำเลที่ตั้งที่มีเทือกเขาพูกักซานเป็นฉากหลัง ประกอบกับภายในบริเวณเขตพระราชวังยังมีทั้งพระที่นั่งสำคัญอย่าง คึนชองจอน (Geunjeongjeon), พระตำหนักกลางน้ำ ที่สวยงามโดดเด่น, พิพิธภัณฑ์ รวมถึงพระตำหนักและอาคารสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ อีกหลายหลังท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ พระราชวังเคียงบก จึงสวยงามโดดเด่น และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนถึงกรุงโซล เกาหลีใต้

นอกจากจะได้ไปชมความงดงามทางสถาปัตยกรรมที่ยังคงอยู่แล้ว พิธีสำคัญที่ยังคงสืบทอดกันมา อย่างเช่น พิธีเปลี่ยนเวรราชองครักษ์ที่ประตูควางฮวามุน ประตูหลักของพระราชวัง อยู่ทางทิศใต้ของพระราชวัง มีลานกว้างและซุ้มประตู) ที่ยิ่งใหญ่อลังการก็ถือเป็นไฮไลท์ทางวัฒนธรรมที่ไม่ควรพลาดชม

เยือนพระราชวังเคียงบก (Gyeongbok Palace) พระราชวังเก่าแก่ที่สุดแห่งราชวงศ์โชซอน
พิธีเปลี่ยนเวรราชองครักษ์ที่ประตูควางฮวามุน ที่จะจัดขึ้นบริเวณประตู Gwanghwamun ทางทิศใต้ของพระราชวัง

การทัวร์พระราชวังมีไกด์นำเที่ยวอธิบายให้นักท่องเที่ยวฟังเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจะมีเป็นรอบๆ ตามตารางเวลาการเยี่ยมชม หากใครตั้งใจไปเยี่ยมชมพระราชวังสำคัญๆ ให้ครบใน 1 วัน (พระราชวังเคียงบกกุงพระราชวังชางด๊อกรวมถึงสวนลับหรือฮูวอนพระราชวังชางคียงกุงพระราชวังถ้อกซู และศาสนสถานชงเมียว) อาจจะซื้อตั๋วรวม ราคา 10,000 วอน เหมาจ่ายไปเลยก็ได้ค่ะ คุ้มกว่า

เยือนพระราชวังเคียงบก (Gyeongbok Palace) พระราชวังเก่าแก่ที่สุดแห่งราชวงศ์โชซอน
[info-g “”] 37.579532,126.976973
[info-t “”] เปิด 9.00-18.00 ปิดทุกวันอังคาร (ระหว่างเดือน พ.ย.-ก.พ. ปิดเวลา 17.00 น.)
[info-p “”] ผู้ใหญ่ 3,000 วอน, อายุ 7 – 18 ปี 1,500 วอน, อายุต่ำกว่า 6 ปี เข้าชมฟรี
[info-d “”] รถไฟฟ้าใต้ดิน สาย 3 ลงสถานี Gyeongbokgung 327 ทางออก 5 จากนั้นเดินตรงไปไม่กี่ร้อยเมตรจะเจอประตูทางออกในวังเคียงบก
[info-w “”] www.royalpalace.go.kr

บทความที่เกี่ยวข้อง : DPlus Guide จัดให้! One Day Trip in Seoul แพลนทริปไปโซล 2 พระราชวังใน 1 วัน ชิลล์ๆ

เรียบเรียง: notto DPlus Guide Team | ที่มา: หนังสือ “สองขาพาตะลุย เกาหลี Seoul และรอบโซล”

เดินทางไปภูมิภาคคันไซ

เดินทางไปภูมิภาคคันไซ

เที่ยวญี่ปุ่นภูมิภาคคันไซเดินทางได้สะดวกสบายหลายช่องทาง

เครื่องบิน

สนามบินนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport) หรือเรียกย่อๆว่า KIX เปรียบเสมือนประตูสู่ภูมิภาคคันไซ สนามแห่งนี้ถือว่าเป็นสนามบินที่มีความคึกคักและทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโอซาก้าราว 50 กิโลเมตร สร้างขึ้นจากการถมทะเล เปิดใช้งานเมื่อปี 1994

รถไฟ

รถไฟด่วนพิเศษชินคันเซนสายไทโคโด  จาก โตเกียว -โอซาก้า เกียวโต และโกเบ

 

เดินทางภายในภูมิภาคคันไซ

รถไฟ

JR

รถไฟของ JR จะวิ่งเชื่อมระหว่างสนามบินไปยังเมืองใหญ่ๆของคันไซ โดยให้บริการตั้งแต่ตี 5 จนถึง 5 ทุ่มของทุกวัน ซึ่งรถไฟของ JR ที่วิ่งระหว่างสนามบินคันไซนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ขบวน คือ

jr

 

JR Kansai Airport Rapid

รถด่วนธรรมดา ซึ่งจะแวะจอดตามสถานีต่างๆระหว่างทางบ้างเพื่อรับ-ส่งผู้โดยสาร รถขบวนนี้จะใช้เวลาเดินทางจากสนามบินถึงสถานีโอซาก้าประมาณชั่วโมงนิดๆ

jrexpress

JR Limited Express “Haruka”

รถด่วนพิเศษฮารุกะ มีที่นั่งกว้างขวางสะดวกสบาย มีพื้นที่ เก็บกระเป๋าและมีห้องนํ้าในตัว ความหรูหราประมาณน้องๆชินคันเซ็น วิ่งไปกลับระหว่างสนามบินคันไซกับสถานีเกียวโตโดยจอดแวะระหว่างทางเพียง 2 สถานี (สถานี Tennojiและ Shin-Osaka) ใครที่พักในเกียวโตควรขึ้นรถไฟขบวนนี้

เพราะใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงเศษๆเท่านั้น ส่วนใครที่จะเดินทางเข้าโอซาก้าต้องระวังนิดนึง เนื่องจากรถขบวนนี้จะจอดแค่ที่ สถานีเทนโนจิ Tennoji) และ สถานีชินโอซาก้า(Shin-Osaka) เท่านั้น หากใครพักย่านสถานีอื่นๆ เช่น นัมบะ (Namba) หรือชินอิมามิยะ (Shin-Imamiya) ต้องลงมาเปลี่ยนขบวนที่สถานีเทนโนจิด้วย ไม่งั้นอาจได้นั่งเลยไปถึงเกียวโตได้นะ

Nankai

เป็นรถไฟของเอกชนที่วิ่งให้บริการในแถบภูมิภาคคันไซและยังเป็นเอกชนรายเดียวที่ให้บริการรถด่วนเชื่อมระหว่างสถานีนัมบะ (Nankai Namba) กับสนามบินคันไซ รถไฟนันไคเหมาะสำหรับคนที่พักแถวๆสถานีนัมบะ เนื่องจากรถไฟจะวิ่งตรงไปสุดสายที่สถานีนัมบะเลย ซึ่งเราสามารถต่อรถไฟใต้ดินหรือรถไฟขบวนอื่นๆได้สะดวกกว่า (รถไฟ JR จะไม่ผ่านสถานีนัมบะ เราต้องลงมาเปลี่ยนขบวนที่สถานีอื่นซึ่งยุ่งยากกว่า) รถไฟนันไคจะแบ่งออกเป็น 2 แบบเช่นเดียวกับของ JR คือ

nanki-airport-express

 

Nankai Airport Express

เป็นรถด่วนธรรมดา จะแวะจอดรับ-ส่งคนตามสถานีต่างๆระหว่างทางบ้าง ใช้เวลาในการเดินทางจากสนามบินคันไซไปยังสถานีนัมบะประมาณ 50 นาทีค่าโดยสารไม่แพง สามารถใช้บัตร Kansai Thru Passขึ้นได้ฟรี

nankai-raptt

Nankai “Rap:t”

รถด่วนพิเศษ “ราปิโตะ” ของนันไค มีเอกลักษณ์ตรงหัวขบวนรภไฟที่เหมือน หมวกอัศวิน และหน้าต่างทรงกลมที่ไม่เหมือนใคร ภายในกว้างขางนั่งสบายมีห้องน้ำและตู้จำหน่ายเครื่องดื่มในขบวนทุกที่นั่ง ที่นังจะเป็นแบบ Reserved คือระบุที่นั่งแน่นอน ตั๋วจึงแพงกว่ารถด่วนธรรมดา ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินนัมบะประมาณ 35 นาที หากใช้ตั๋ว Kansai Thru Pass ขึ้นรถขบวนนี้ต้องเสียค่าจองที่นั่งเพ่ิมอีก 500 เยน

คำแนะนำ
การเลือกรถไฟเดินทางเข้าตัวเมืองนั้น ควรดูว่าจุดหมายของเราอยู่ที่เมืองไหนหรือสถานีใดเป็นหลัก หากเราพักที่เกียวโต ควรจะนั่งรถด่วนพิเศษฮารุกะของ JR ไปเลยทีเดียวจบ หากพักแถวสถานีเทนโนจิหรือชินโอซาก้า ก็ต้องนั่งรถไฟของ JR เช่นเดียวกัน แต่หากพักแถวสถานีนัมบะ เทนโนจิ หรือ ชินอิมามิยะแนะนำให้นั่งรถไฟของนันไคจะสะดวกกว่าเพราะเป็นทางผ่าน

รถ

limusin

 

รถลีมูซีน เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทางจากสนามบินเข้าสู่เมือง ซึ่งจะเหมาะสำหรับคนที่พักโรงแรมที่อยู่ในย่านสำคัญๆ เช่น นัมบะ อุเมดะ ชินโอซาก้าหรือแม้แต่เมืองอื่นๆ เช่น โกเบหรือนาราเป็นต้น คนที่มีกระเป๋าสัมภาระมากเดินทางหลายคนควรใช้บริการรถบัสลีมูซีน ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.kansai-airport.or.jp/en/access/bus/index.html

แท็กซี่

taxi

 

เป็นทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก (มีตังค์) เนื่องจากเป็นวิธีการเดินทางที่แพงที่สุด ใช้เวลาเดินทางพอๆกับนั่งรถไฟ (หรือนานกว่าถ้ารถติด) มีข้อดีตรงที่สะดวกไม่ต้องรอรถออกตามเวลา รถแท็กซี่ขึ้นที่สนามบินคันไซนั้นจะมีอัตราค่าโดยสารที่คงที่ตามปลายทางที่กำหนดไว้เลย (ส่วนที่อื่นๆนอกเหนือจากนั้นคิดตามมิเตอร์)

 

เรือ

boat_web

 

เรื่อเฟอร์รี่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องไปต่อเครื่องที่สนามบินโกเบ (Kobe Airport) ก็สามารถใช้บริการเรือเฟอร์รีได้ ซึ่งเรือจะวิ่งจากสนามบินคันไซไปยังสนามบินโกเบ ใช้เวลาเดินทางประมาณ30 นาที ค่าโดยสาร 1,800 เยน เด็ก 900 เยน

 

ที่มา: หนังสือ Japan Kansai เที่ยวญี่ปุ่น ฉบับตะลุยคันไซ

ผู้เขียน : ตะวัน พันธ์แก้ว