Home Blog Page 93

Osaka Castle 3D Projection Mapping งานประดับไฟยิ่งใหญ่สุดในญี่ปุ่น ที่ปราสาทโอซาก้า

Osaka Castle 3D Projection Mapping Super Illumination 

งานแสดงแสงไฟประกอบเสียง 3 มิติ ที่ ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เมือง โอซาก้า ภูมิภาคคันไซ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวที่มีคนจดจำให้ความสนใจเข้าชมเป็นจำนวนมาก ประสบความสำเร็จในการจัดงานเมื่อปีที่ผ่านมา ปีนี้จัดให้ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเพื่อเฉลิมฉลอง 400 ปี ปราสาทโอซาก้า และขยายเวลาจัดงานถึงเดือนมี.ค. 58

Osaka Castle 3D Projection Mapping Super Illumination งานประดับไฟยิ่งใหญ่สุดในญี่ปุ่น ที่ปราสาทโอซาก้า

Osaka Castle 3D Projection Mapping งานประดับไฟยิ่งใหญ่สุดในญี่ปุ่น ที่ปราสาทโอซาก้า
งาน Osaka Castle 3D Projection Mapping Super Illumination งานประดับไฟที่ปราสาทโอซาก้า มีการใช้ไฟในการแสดงมากที่สุดในโลกกว่า 10 ล้านดวง เป็นงานประดับไฟยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ภายในงานมี 4 จุดหลักๆ ให้เลือกชม

– จุดที่ 1 Osaka Castle 3D Projection Mapping จัดบริเวณปราสาทโอซาก้า การแสดงแสง สี ประกอบดนตรี โดยมีปราสาทโอซาก้าเป็นฉากหลัง โดยมีรอบการแสดงเวลา 18:45 น., 20:15 น., 21:45 น. ใช้เวลาการแสดงรอบละประมาณ 10 นาที

– จุดที่ 2 Japan’s Largest! 3D Mapping on the Pyramid Tree จัดบริเวณสวนรอบๆ ปราสาทโอซาก้า จุดเด่นอยู่ที่กล่องลูกบาศก์ทรงพีระมิดขนาดใหญ่กลางสวนที่ประดับด้วยแสงไฟสีสันสดสวย

– จุดที่ 3 The Big Blue เมื่อลอดซุ้มอุโมงค์ประดับไฟเข้ามาก็เจอกับแสงสีฟ้าให้อารมณ์เหมือนคลื่นในทะเลที่พริ้วไหวไปกับแรงลม

– จุดที่ 4 Jewel Illumination Show การประดับไฟตกแต่งสไตล์บาโรกพร้อมดนตรีคลาสสิคเพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับผู้เข้าร่วมงาน

 

วิดีโองาน Osaka Castle 3D Projection Mapping Super Illumination

Osaka Castle 3D Projection Mapping Super Illumination งานประดับไฟยิ่งใหญ่สุดในญี่ปุ่น ที่ปราสาทโอซาก้า
[info-c”13 ธ.ค. 57 – 1 มี.ค. 58″]
[info-t”17:30 – 22:30 น. (วันที่ 1 มี.ค. 5 8 เปิด – ปิด เวลา 18:00 – 22:30 น.)”]
[info-f”มี 2 แบบคือ Regular และ Premium”]
Regular ผู้ใหญ่อายุ 12 ปีขึ้นไป ราคา 1,700 เยน เด็กอายุ 4 – 11 ปี 1,000 เยน (วันที่ 13 ธ.ค. 57 – 4 ม.ค. 58 เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ ผู้ใหญ่ 2,100 เยน และเด็ก 1,300 เยน)
Premium ผู้ใหญ่อายุ 12 ปีขึ้นไป ราคา 3,100 เยน เด็กอายุ 4 – 11 ปี 1,900 เยน (วันที่ 13 ธ.ค. 57 – 4 ม.ค. 58 เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ผู้ใหญ่ 3,600 เยน และเด็ก 2,200 เยน)
ติดต่อซื้อตั๋ว ตั๋วเข้าชมล่วงหน้าจองและซื้อได้จากร้าน Lawson หรือ Mini Stop ในโอซาก้า หรือ www.his-bkk.com
[info-l”ปราสาทโอซาก้า Osaka Castle, Nishinomaru Garden”]
[info-d” สถานีรถไฟใต้ดิน Tanimachi 4-chome เดินประมาณ 10 นาที หรือสถานี JR Morinomiya station เดินประมาณ 20 นาที”]
[info-w””]http://www.osaka-info.jp/3d_mapping/en/3d.pdf

ข้อมูลเพิ่มเติม ปราสาทโอซาก้า


เรียบเรียง: จิตตานันท์ ทองทับ
ที่มาข้อมูลและภาพ: Osaka Convention & Tourism Bureau
ที่มาวิดีโอ: 大阪の夜景動画チャンネル Night Movie Channel of Osaka Japan

ชมดอกซากุระญี่ปุ่น ที่สวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi) โตเกียว

สวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi 千鳥ヶ淵)

ตั้งอยู่ในย่านคุดันชิตะ (Kudashita) เมืองโตเกียว (Tokyo) หนึ่งในสถานที่ยอดนิยมในการชมดอกซากุระที่ญี่ปุ่น 

ชมดอกซากุระญี่ปุ่น ที่สวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi) โตเกียว

ชมดอกซากุระญี่ปุ่น ที่สวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi) โตเกียว

ชมดอกซากุระญี่ปุ่น ที่สวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi) โตเกียว

 

บริเวณคูน้ำคดเคี้ยวด้านตะวันตกเฉียงเหนือของพระราชวังอิมพีเรียล (อยู่ทางตะวันตกของสวน Kita No Maru) ตั้งแต่ประตูทางเข้าสวน Kita No Maru ลงไปเป็นจุดชมดอกซะกุระที่ญี่ปุ่นเมืองโตเกียวที่มีชื่อเสียงมาก โดยต้นซะกุระจะปลูกอยู่สองฝั่งของคูน้ำและตรงริมน้ำฝั่งตรงข้ามสวน Kita No Maru จะมีจุดชมวิวให้ถ่ายภาพ และเช่าเรือพายเล่นในคูเพื่อชมทัศนียภาพได้

หลังจากดอกชมซากุระแล้ว ในช่วงเทศกาลยังสามารถเดินไปเที่ยวต่อที่ศาลเจ้ายะสุคุนิซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi) ในระยะที่เดินไปได้ เที่ยวชมงาน ชิมอาหาร ช้อปสินค้า เล่นเกม จากร้านค้าต่างๆ คล้ายๆ กับงานวัดที่เมืองไทย^^

ชมดอกซากุระญี่ปุ่น ที่สวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi) โตเกียว

ชมดอกซากุระญี่ปุ่น ที่สวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi) โตเกียว

ชมดอกซากุระญี่ปุ่น ที่สวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi) โตเกียว

 

ข้อมูลเพิ่มเติม
เตรียมตัวให้พร้อม กับฤดูแห่งการท่องเที่ยวชมซากุระที่ญี่ปุ่น 2015
สถานที่เที่ยวเทศกาลชมดอกซากุระที่ญี่ปุ่น

ชมดอกซากุระญี่ปุ่น ที่สวนจิโดริกะฟุจิ (Chidorigafuchi) โตเกียว
[info-t]เช่าเรือ 11:00-17:30 น. ปิดวันจันทร์
[info-f]เช่าเรือ 500-800 เยน ต่อ 30 นาที
[info-d]จากสถานี Kudanshita ทางออก 2 เลยทางเข้าสวน Kita No Mara จะเป็นคูน้ำ Chidorikafuchi เลย แต่จุดที่เช่าเรือให้เดินไปจนถึงแยกซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายเลียบคูไปอีกประมาณ 500 เมตร จากทางแยก
[info-g]35.690781,139.747478

เรื่องและภาพ: Katto @Redlovetree | ข้อมูลจาก: หนังสือ Tokyo โตเกียวใครๆ ก็เที่ยวได้

เตรียมตัวไปเที่ยวเทศกาลหิมะที่งาน DPlus Guide Meeting #5 : Hokkaido ลุยเที่ยวเทศกาลหิมะ

เตรียมตัวไปเที่ยวฮอกไกโดกับ DPlus Guide Meeting #5 : Hokkaido ลุยเที่ยวเทศกาลหิมะ
เตรียมตัวไปเที่ยวฮอกไกโดกับ DPlus Guide Meeting #5 : Hokkaido ลุยเที่ยวเทศกาลหิมะ

พบกับ คุณวศิน เพิ่มทรัพย์ ผู้เขียนหนังสือ “Hokkaido เล่มเดียวเที่ยวได้ทั้งปี” เตรียมพาคุณไปเที่ยวฮอกไกโด (Hokkaido) ดินแดนแห่งความหนาวเย็น ภูเขาไฟ ทะเลสาบ ทุ่งหญ้า ดอกไม้และพืชพรรณธรรมชาติสวยงาม พร้อมอัพเดทข้อมูลสถานที่ที่ห้ามพลาด

 

DPlus Guide Meeting #5 : Hokkaido ลุยเที่ยวเทศกาลหิมะ

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม 2558 เวลา 13:00 – 16:00 น. ณ บริษัท โปรวิชั่น จำกัด อาคารพหลโยธินเพลส ชั้น 9 (ใกล้ BTS อารีย์)

เตรียมตัวไปเที่ยวฮอกไกโดกับ DPlus Guide Meeting #5 : Hokkaido ลุยเที่ยวเทศกาลหิมะ

กำหนดการ

13.00 น.  ลงทะเบียน

13.30 น.  เริ่มงาน

– เตรียมตัว วางแผนเดินทาง จองตั๋ว จองที่พัก

–  เตรียมตัวเที่ยว Hokkaido
– แนะนำแหล่งช้อปปิ้ง ร้านของฝาก ร้านอาหาร และจุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด

16.00 น.  ถามตอบ ข้อสงสัย

 

ลงทะเบียนสำรองที่นั่ง  คลิกที่นี่

หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0 2619 0070 ต่อ 311, 314

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ปราสาทสวย มรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่น

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)

ตั้งอยู่ในเมืองฮิเมะจิ (Himeji) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo)  ภูมิภาคคันไซ (Kansai) ว่ากันว่าเป็นปราสาทสวยที่สุดในญี่ปุ่นจนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1993 เป็นแห่งแรกของโบราณสถานในญี่ปุ่น

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) แห่งนี้มีอายุยาวนานกว่า 400 ปี และคงสภาพเดิมได้ดีที่สุดเพราะไม่เคยได้รับความเสียหายจากสงครามหรือภัยธรรมชาติใดๆ เลย ตัวปราสาทมีสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นและซับซ้อนเรียกว่า Coalition Style Donjon ซึ่งเป็นแห่งเดียวในญี่ปุ่น สร้างขึ้นโดยใช้ไม้ทั้งหมด มีเพียงส่วนของป้อมและกำแพงต่างๆ เท่านั้นที่สร้างจากหิน

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ปราสาทสวย มรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่น

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ปราสาทสวย มรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่น

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ปราสาทสวย มรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่น

 

แต่เดิมพื้นที่ตรงนี้เป็นเพียงป้อมปราการขนาดเล็กที่สร้างโดย โนริมุระ อะคามัตสึ (Norimura Akamatsu) เมื่อปี ค.ศ. 1333 ก่อนจะปรับโครงสร้างให้ออกมาเป็นปราสาทโดย คุโรดะ ชิเกตะกะ (Kuroda Shigetaka) จนแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1561 ปราสาทนี้ตกไปสู่มือเจ้าของใหม่คือ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) ซึ่งเป็นไดเมียว (เจ้าเมืองหรือขุนศึก) ผู้มีอำนาจสูงสุดในญี่ปุ่นขณะนั้น และเป็นผู้สร้างปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) ด้วย ต่อมาในปี ค.ศ. 1580 ได้มีการปรับโครงสร้างอีกครั้ง

จนกระทั่งปี ค.ศ.1601 อิเคดะ เทรุมาสะ (Ikeda Terumasa) บุตรเขยของโชกุนโทกุงะวะ อิเอยะสึ (Tokugawa Ieyasu) จึงได้บูรณะต่อเติมปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ออกไปอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ซึ่งเพิ่งผ่านการบูรณะใหญ่และเปิดให้เข้าชมภายนอกในปลายปี 2557 ส่วนภายในมีกำหนดเปิดให้เข้าชมในวันที่ 27 มีนาคม 2558 เป็นต้นไป

นอกจากนั้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิต้นซากุระจำนวน 1,000 ต้นภายในปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ยังบานสะพรั่งต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมความงามของดอกซากุระที่ญี่ปุ่นในปราสาทแห่งนี้อีกด้วย

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ปราสาทสวย มรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่น

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ปราสาทสวย มรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่น

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ปราสาทสวย มรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่น

ชาวญี่ปุ่นนิยมเรียกปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) แห่งนี้ว่า ปราสาทนกกระสาขาว (White Heron Castle) หรือปราสาทหงส์ขาว ว่ากันว่ามีที่มาจากสีขาวของผนังปราสาทนั่นเอง

 

ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ปราสาทสวย มรดกโลกแห่งแรกของญี่ปุ่น
[info-t]09:00-17:00 น.
[info-f]บริเวณรอบปราสาทฟรี, ภายในปราสาทผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 100 เยน
[info-w] http://www.himeji-kanko.jp/th/
[info-l]เมืองฮิเมะจิ จังหวัดเฮียวโงะ ภูมิภาคคันไซ
[info-d]เริ่มต้นเดินทางจากตัวเมือง Kobe ซึ่งเป็นเมืองหลักของจังหวัด Hyogo โดยให้นั่งรถไฟ JR ที่สถานี Sannomiya สาย JR Special Rapid Line หรือสาย Ltd. Exp Super Hakuto ใช้เวลา 39 นาที มาลงที่สถานี JR Himeji จากนั้นให้นั่งรถบัสไปยังตัวปราสาท หรือจะเดินก็ได้ ใช้เวลาราวๆ 15 นาที ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
[info-g]34.83945,134.69405

ข้อมูลจากหนังสือ BEST OF JAPAN
เรื่อง: DPlus Guide Team
ภาพ: ตะวัน พันธ์แก้ว

เที่ยวยุโรป กรองด์ปลาซ (Grand Place) มรดกโลก ที่บรัซเซลส์ ประเทศเบลเยียม

กรองด์ปลาซ (Grand Place)

หรือ Market Square ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบรัซเซลส์ (Brussel) ประเทศเบลเยียม (Belgium)  จัดว่าเป็น 1 ในจัตุรัสที่งดงามมากที่สุดในยุโรป ที่หากใครมีโอกาสได้มาเยือนเมืองนี้ ต้องมาเห็นด้วยตาของตัวเองให้ได้

จัตุรัสแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 ด้วยความยาว 110 เมตร กว้าง 68 เมตร แม้จะไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่โตมาก แต่การประดับตกแต่งภายในบริเวณนั้นงดงามและประณีตไม่ได้แพ้ที่ใดๆ ในโลก ด้วยศิลปะสไตล์บาโรค โกธิค และนีโอโกธิคที่มีความเก่าแก่มากกว่า 300 ปี

เที่ยวยุโรป กรองด์ปลาซ (Grand Place) มรดกโลก ที่บรัซเซลส์ ประเทศเบลเยียม

 

กรองด์ปลาซ (Grand Place) เคยถูกโจมตีโดยทหารฝรั่งเศสจนเสียหายหนัก ก่อนจะได้รับการบูรณะซ่อมแซมในปี ค.ศ. 1695 และอยู่ยืนยงจนถึงปัจจุบัน ในแต่ละวันจะเห็นนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมาชื่นชมจัตุรัสแห่งนี้อย่างมากมาย โดยเฉพาะยามค่ำคืนที่มีการเปิดไฟประดับประดาสวยงามจับใจ จะเห็นผู้คนต่างจับจองโต๊ะที่นั่งตามร้านอาหารรอบจัตุรัสกันอย่างหนาแน่นทีเดียว และด้วยความงดงามอย่างที่กล่าวทำให้จัตุรัสนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1998

เที่ยวยุโรป กรองด์ปลาซ (Grand Place) มรดกโลก ที่บรัซเซลส์ ประเทศเบลเยียม

เที่ยวยุโรป กรองด์ปลาซ (Grand Place) มรดกโลก ที่บรัซเซลส์ ประเทศเบลเยียม

 

สถานที่สำคัญของเมืองบรัซเซลส์ (BRUSSEL) ที่ตั้งอยู่ภายในจัตุรัสกรองด์ปลาซ (Grand Place) แห่งนี้ ได้แก่ Town Hall และ The King’s House

Town Hall หรือ The Hotel De Ville อาคารที่สร้างในสมัยยุคกลาง ในสไตล์โกธิคผสมผสานกับบาโรคอันแสนวิจิตรนี้ ตั้งอยู่ทางใต้ของจัตุรัสกรองด์ปลาซ มีความสูงถึง 96 เมตร ดูโดดเด่นเป็นสง่า มองเห็นได้จากแทบทุกแห่งภายในเมือง ก่อสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1420 โดยตอนที่ก่อสร้างเสร็จนั้น ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ทั้งตัวอาคารหลักล้วนสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์นี้ทั้งสิ้น ก่อนที่จะเพิ่มสถาปัตยกรรมแบบบาโรคเข้าไปในปี ค.ศ. 1706 และได้ทำการบูรณะครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1840 ภายหลังได้มีการประดับตกแต่งรอบอาคารด้วยรูปปั้นจำนวนมาก ส่วนบนของอาคารเป็นหอระฆังทรงแปดเหลี่ยมตกแต่งประดับด้วยงานแกะสลักนูนต่ำ และตกแต่งยอดปลายแหลมด้วยลายประดับทอง พร้อมรูปหล่อนักบุญมิคาเอล บริเวณยอด

เที่ยวยุโรป กรองด์ปลาซ (Grand Place) มรดกโลก ที่บรัซเซลส์ ประเทศเบลเยียม

 

Masion du Roi (Broodhuis) หรือ The King’s house พระราชวังของพระราชา อดีตเคยเป็นที่ทำการกองทัพของเมือง ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับ Town hall ภายในจตุรัส กรองด์ปลาซ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1504 แต่ปัจจุบันได้แปรสภาพเป็น พิพิธภัณฑ์ของเมือง ตั้งแต่ค.ศ. 1887 ภายในได้รวบรวมเอาเรื่องราวที่น่าสนใจของเมืองเอาไว้ ทั้งประวัติการก่อตั้งเมือง เสื้อผ้าในยุคสมัยต่างๆ การรบในพื้นที่ต่างๆ และไฮไลท์อยู่ที่ชุดของประติมากรรมเจ้าหนูยืนฉี่ Manneken Pis ที่โด่งดัง ซึ่งเก็บรวบรวมเอาไว้กว่า 300 ชุดทีเดียว

 

เที่ยวยุโรป กรองด์ปลาซ (Grand Place) มรดกโลก ที่บรัซเซลส์ ประเทศเบลเยียม

 

เที่ยวยุโรป กรองด์ปลาซ (Grand Place) มรดกโลก ที่บรัซเซลส์ ประเทศเบลเยียม
[info-d”รถไฟใต้ดินสาย 1 หรือ 5 ลงสถานี Gare Centrale หรือเดินจากสถานี หลักคือ Brussels centraal ก็ได้

การเดินทางมาบรัซเซลส์
เครื่องบิน การเดินทางมาที่ Brussels มีสนามบินประจำเมืองคือ Brussels Airport อยู่ห่างจากตัวเมืองไปราว 20 กิโลเมตร สามารถนั่ง Airport City Express เข้าเมืองได้ ใช้เวลาราว 30 นาที ค่าโดยสาร 3 ยูโร

รถไฟ หากมาจากเมืองอื่นๆ ใกล้เคียง การเดินทางโดยรถไฟจะสะดวกและมีราคาไม่แพง โดยสถานีหลักของเมือง คือ Brussels Centraal /Nord และ Midi โดยรถไฟนั้นจะวิ่งตลอดทั้งวัน ส่วนใหญ่จะวิ่งทุกๆ ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย สามารถซื้อตั๋วได้จากสถานีรถไฟทุกสถานี โดยในบริเวณสถานีมีตารางการเดินรถให้ตรวจสอบ หรือจะถามจากนายสถานีก็ได้

เดินทางในบรัซเซลส์

Metro ระบบรถไฟใต้ดินเป็นระบบการเดินทางที่สะดวกสบายมากที่สุดในเมือง รถไฟใต้ดินมีทั้งหมด 4 สายโดยรถจะวิ่งทุกๆ 3-10 นาที โดยรถใต้ดินนั้นครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดในเมือง

รถราง มีรถราง 2 สายให้บริการ บางครั้งเส้นทางจะซ้อนทับกับรถไฟใต้ดิน มีข้อดีคือวิ่งบนเมืองจะสามารถเห็นวิวได้ระหว่างทาง

รถบัส สามารถนั่งรถบัสได้ในกรณีที่ ที่พักของเราอยู่ห่างไกลจากรถไฟใต้ทั้งหลาย ราคาถูกมาก แค่ 2 ยูโร ต่อ 1 ชั่วโมงเท่านั้น สามารถต่อรถบัสได้ในระยะเวลาที่กำหนด”]

[info-g”50.846730,4.352415″]
[codespacing_progress_map]

เรื่องและภาพ : Travelkanuman
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือยุโรป เส้นทางแห่งสายน้ำ โดย Travelkanuman

เทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain Snow Festival) ประเทศเกาหลี

เทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain Snow Festival) อีกหนึ่งเทศกาลหิมะยอดนิยมของเขตคังวอนโด ประเทศเกาหลี เทศกาลหิมะนี้จัดขึ้นที่บริเวณอุทยานภูเขาแทแบ็ค ทางตอนใต้ของคังวอนโดเป็นประจำในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี ซึ่งจัดเพียงปีละ 9 วันเท่านั้น ในปี 2558 นี้จัดขึ้นวันที่ 23 ม.ค. 58 – 1 ก.พ. 58

เทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain Snow Festival) ประเทศเกาหลี

เทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain Snow Festival) ประเทศเกาหลี

 

ในช่วงเวลาดังกล่าวภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain) จะปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน มีทัศนียภาพที่สวยงาม เหมาะสำหรับจัดกิจกรรมในฤดูหนาวเป็นอย่างยิ่ง

กิจกรรมภายในงานจะแตกต่างกับที่อื่นๆ ตรงที่เทศกาลแทแบ็คจะไม่มีการตกปลาและเครื่องเล่นผาดโผนอะไรมากมายเนื่องจากเป็นพื้นที่เชิงเขา แต่จะมีการประกวดงานแกะสลักก้อนนํ้าแข็งเป็นรูปต่างๆ แทน มีลานนํ้าแข็งให้เด็กๆ เล่น มีบ้านจำลองของชาวเอสกิโม นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันปีนเขาที่มีหิมะขาวโพลนระดับชาติ การแข่งขันประดิษฐ์ตุ๊กตาหิมะ รวมถึงสนุกกับเลื่อนหิมะ “โอกุง” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain) แห่งเดียวเท่านั้น

เทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain Snow Festival) ประเทศเกาหลี

เทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain Snow Festival) ประเทศเกาหลี

เทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain Snow Festival) ประเทศเกาหลี

เทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain Snow Festival) ประเทศเกาหลี

 

ภายในบริเวณใกล้ๆ กันยังมีพิพิธภัณฑ์ถ่านหิน Taebaek Coal Museum (태백석탄박물관) ที่จัดแสดงประวัติของถ่านหิน การขุดเจาะและการนำมาใช้งาน ผ่านทางข้าวของเครื่องใช้และอุปกรณ์ในการขุดเจาะถ่านหินที่เคยใช้งานจริงในอดีต ซึ่งปัจจุบันเชื้อเพลิงจากถ่านหินได้ถูกยกเลิกในการนำมาใช้แล้ว เนื่องจากมีปัญหาด้านมลพิษสูง เรื่องราวต่างๆ ของเชื้อเพลิงชนิดนี้จึงคงเหลืออยู่แต่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เท่านั้น หรือถ้าใครจะเข้าวัดเพื่อสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขาแห่งนี้ก็มีวัด Baekdansa ซึ่งมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ด้วย

เทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain Snow Festival) ประเทศเกาหลี

เทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain Snow Festival) ประเทศเกาหลี

เทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain Snow Festival) ประเทศเกาหลี

เทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain Snow Festival) ประเทศเกาหลี

 

เทศกาลหิมะที่ภูเขาแทแบ็ค (Taebaeksan Mountain Snow Festival) ประเทศเกาหลี
[info-l]อุทยานแทแบ็ค (Taebaeksan Provincial Park)
[info-c]23 ม.ค. 58 –  1 ก.พ. 58 (งานจัดขึ้นในเดือนมกราคมของทุกปี ตรวจสอบวันที่ในการจัดงานได้ที่เว็บไซต์ *วันจัดงานมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี)
[info-t]8:00 – 20:00 น.
[info-f]ฟรี สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ภายในงานเลือกจ่ายตามชนิดของเครื่องเล่น หรือกิจกรรม โดยหากจะเข้าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ถ่านหินที่อยู่ในบริเวณงานก็เสียเพิ่มคือ ผู้ใหญ่ 2,000 วอน, เด็ก 700 วอน
[info-d]ไปขึ้นรถที่สถานีขนส่ง Dong Seoul Bus Terminal (รถไฟใต้ดินสาย 2 สถานี Gangbyeon 214 ทางออก 3, 4) โดยนั่งรถบัสไปลงที่เมืองแทแบ็ค (태백) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง และจากสถานีขนส่งแทแบ็ค นั่งรถบัสที่จะไป Danggol (당골) เพื่อไปลงที่ป้ายอุทยานแทแบ็ค (Taebaeksan Provincial Park :태백산도 립공원) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
[info-w] festival.taebaek.go.kr, english.visitkorea.or.kr
[info-g]37.118066,128.915548

ข้อมูลจากหนังสือ: เกาหลี เล่มเดียวเที่ยวทั้งประเทศ
เรื่องและภาพ: ปวีณา มีป้อง, ตะวัน พันธ์แก้ว
ที่มาภาพบางส่วน: องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี

Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด

ใครที่มาเที่ยวแถบฟุระโนะตอนกลางของเกาะฮอกไกโด มักจะมีจุดหมายหลักอยู่ที่เมืองบิเอหรือฟุระโนะ แต่ที่จริงแล้วถ้าเลยลงมาทางใต้อีกไม่ไกล ยังมี เมือง Minamifurano เมืองเล็กๆ ปลายทะเลสาบ Kanayama อยู่

และในพื้นที่สวนป่าตอนเหนือของทะเลสาบนี้เองเป็นที่ตั้งของโรงแรมเล็กๆ ที่ดูอบอุ่นชื่อ Log Hotel Larch ซึ่งประกอบด้วยกระท่อมไม้ซุงสองชั้นขนาดครอบครัวหลายหลัง กับห้องพักที่เป็นอาคารรวม สร้างด้วยไม้ซุงเช่นเดียวกัน เข้ากับบรรยากาศสวนป่า

Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
ดูข้างนอกเป็นกระท่อมไม้ซุง
Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
แต่ดูข้างในแล้ว…
Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
…เรียกว่าเรียบหรู อยู่สบายทีเดียว
Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
ห้องนอนดูอบอุ่น

 

จากหน้าบ้านมองออกไปเห็นวิวทะเลสาบอยู่ไม่ไกลพอเดินได้ ในบ้านพักของ Log Hotel Larch นั้น หรูหราและอุ่นสบายด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวก็จะมีห้องครัว ห้องนอน ห้องนั่งเล่น แยกกันเป็นสัดส่วน ถ้าเป็นห้องพักในอาคารรวม ก็จะมีบันไดขึ้นชั้นลอย ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องนอน ยกพื้นสูงให้เห็นวิวไกลออกไปอีก

จัดว่าเป็นที่พักที่บรรยากาศหรูหราและวิวดีที่สุดในแถบนี้ แถมยังไม่ไกลจากสนามบิน New Chitose เพราะที่ตั้งค่อนลงมาทางใต้กว่าเมือง Furano หรือ Biei เพียงแต่ช่วงจากโรงแรมมาออกถนนสายหลักต้องขับตามเส้นทางคดเคี้ยว เลาะภูเขาและเลียบทะเลสาบออกมาประมาณ 10 กม. เท่านั้น

Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
ทะเลสาบอยู่ไม่ไกล ระยะพอเดินได้ อยู่หลังแนวไม้ใกล้ที่พัก
Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
ทางเดินไปห้องพักตึกรวม มองจากโถงล็อบบี้
Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
ห้องทำงานและนั่งเล่นอยู่ล่าง ห้องนอนอยู่บน ขึ้นบันไดเอาหน่อย

 

ลา มอนตาจน์ (La Montagne) ห้องอาหารหรู

นอกจากความหรูหราสะดวกสบายของที่พักแล้ว ห้องอาหาร ลา มอนตาจน์ (La Montagne) (ชื่ออ่านยาก) ของโรงแรม Log Hotel Larch แห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการจัดแต่งให้สวยงาม พอๆ กับรสชาติของอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารฝรั่ง เหมาะเจาะเข้ากับบรรยากาศกระท่อมไม้ซุงทีเดียว (ตามรูป) หรือแม้แต่เซ็ตมื้อเช้าแบบญี่ปุ่นที่เรียบง่ายก็ยังจัดได้ดูดีทีเดียว

Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
บรรยากาศในห้องอาหาร
Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
ออเดิฟเรียกน้ำย่อย
Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
จานนี้ทะเล กุ้งกับปลา
Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
ตามด้วยเนื้อชุ่มๆ ที่จัดมาสวยงาม
Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
ผักกับเต้าหู้ก็จัดสวย
Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
ปิดท้ายด้วยสตรอว์เบอรี่
Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
มื้อเช้าแบบญี่ปุ่น

 

Log Hotel Larch กระท่อมไม้ซุงแสนอบอุ่นแห่ง Minamifurano ฮอกไกโด
[info-t]ตลอดเวลา
[info-f]ห้องพัก คืนละประมาณ 3,000 – 7,000 บาท กระท่อมทั้งหลัง คืนละประมาณ 5,000 – 13,000 บาท แล้วแต่ขนาดกระท่อม บางราคารวมอาหาร 2 มื้อ เช้า – เย็นด้วยแล้ว
[info-d]จาก Minamifurano ขับรถเลียบทะเลสาบมาประมาณ  10 กม. อยู่ใกล้สวนป่า Kanayama Forest Park
[info-w] http://larch.jp (ภาษาญี่ปุ่น)
[info-g]43.162922, 142.492352

ข้อมูล เรื่อง และภาพ: DPlus Guide Team / วศิน เพิ่มทรัพย์

เที่ยวญี่ปุ่น ชมซากุระก่อนใคร ที่แหล่งชมซากุระริมน้ำ เมือง Kawazu จ. Shizuoka

เที่ยวญี่ปุ่น ชมซากุระก่อนใคร ที่แหล่งชมซากุระริมน้ำ เมือง Kawazu จ. Shizuoka

เที่ยวญี่ปุ่น เมือง Kawazu จ. Shizuoka ภูมิภาคชูบุ (Chubu)

จุดชมซากุระที่แรกๆ ของญี่ปุ่น เนื่องจากดอกซากุระของที่นี่เป็นพันธุ์เฉพาะคาวาสึซากุระ (Kawazuzakura) ที่บานเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ จะบานเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ ประมาณ 1 เดือน เราจึงสามารถชมซากุระได้ที่นี่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – ต้นเดือนมีนาคม ทุกๆ ช่วงต้นปีจะมีงาน Kawazu Cherry Blossom Festival เป็นเทศกาลชมซากุระที่มีชื่อเสียงของที่นี่ด้วย

เที่ยวญี่ปุ่น ชมซากุระก่อนใคร ที่แหล่งชมซากุระริมน้ำ เมือง Kawazu จ. Shizuoka

เที่ยวญี่ปุ่น ชมซากุระก่อนใคร ที่แหล่งชมซากุระริมน้ำ เมือง Kawazu จ. Shizuoka

 

ไฮไลท์จะอยู่ที่ The Original Tree of Kawazu-Zakura ต้นซากรุะขนาดใหญ่อายุกว่า 60 ปี และทั่วทั้งเมืองยังมีซากุระกว่า 8,000 ต้น ที่จะผลิดอกสร้างความสำราญใจแก่ชาวเมืองและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะความสวยงามของซุ้มดอกซากุระกว่า 800 ต้นที่ปลูกเป็นแนวยาวเลียบแม่น้ำ Kawazu รวมระยะทางราว 4 กม. ตั้งแต่สถานี Kawazu จนถึง Mine Onsen

เที่ยวญี่ปุ่น ชมซากุระก่อนใคร ที่แหล่งชมซากุระริมน้ำ เมือง Kawazu จ. Shizuoka

เที่ยวญี่ปุ่น ชมซากุระก่อนใคร ที่แหล่งชมซากุระริมน้ำ เมือง Kawazu จ. Shizuoka

 

ในช่วงนี้จะมีงานเทศกาลชมซากุระ Kawazu Zakura Matsuri หรืองาน Kawazu Cherry Blossom Festival เป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงเรียกนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างชาติกว่าล้านคนมาร่วมงาน นอกจากความสวยงามของดอกซากุระในเวลากลางวันแล้ว ยามค่ำคืนยังมีการเปิดไฟประดับที่ต้นซากุระ ตั้งแต่ 18:00–21:00 น. ทำให้ได้บรรยากาศและความสวยงามอีกแบบ

เที่ยวญี่ปุ่น ชมซากุระก่อนใคร ที่แหล่งชมซากุระริมน้ำ เมือง Kawazu จ. Shizuoka

การประดับไฟในยามค่ำคืน ในช่วงงานเทศกาลชมซากุระ Kawazu Zakura Matsuri ที่เมือง Kawazu
การประดับไฟในยามค่ำคืน ในช่วงงานเทศกาลชมซากุระ Kawazu Zakura Matsuri ที่เมือง Kawazu

นอกจากนี้ เมือง Kawazu ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น เดินเที่ยวชมน้ำตก Kawazu Nanadaru ที่มีถึง 7 ชั้น (Kawazu Seven Waterfalls) หรือแช่น้ำแร่ออนเซนท่ามกลางบรรยากาศอบอวลของฤดูกาลแห่งดอกซากุระ

ข้อมูลเพิ่มเติม เตรียมตัวให้พร้อม กับฤดูแห่งการท่องเที่ยวชมซากุระที่ญี่ปุ่น
ข้อมูลเพิ่มเติม สถานที่เที่ยวเทศกาลชมดอกซากุระที่ญี่ปุ่น 

เที่ยวญี่ปุ่น ชมซากุระก่อนใคร ที่แหล่งชมซากุระริมน้ำ เมือง Kawazu จ. Shizuoka
[info-l ] เมือง Kawazu, จังหวัด Shizuoka ภูมิภาค Chubu
[info-t] ทุกวัน (ซากุระบานช่วงเดือนกุมภาพันธ์ –  ต้นเดือนมีนาคม)
[info-f] ฟรี
[info-w] www.kawazuzakura.net
[info-d] จากเมือง Atami ของจังหวัด Shizuoka นั่งรถไฟ JR สายสาย LTD. Exp Odoriko มาลงที่สถานี Kawazu จากนั้นเดินต่ออีกราวๆ 3 นาที ระยะทางประมาณ 200 เมตรจะเจอแม่น้ำ Kawazu ขวางอยู่ซึ่งต้นซากุระจะมีทั้งสองฝั่ง แต่จุดที่สวยที่สุดจะอยู่ทางฝั่งขวามือใกล้กับ Hosen Footbath (เลี้ยวขวาแล้วเดินเลียบแม่น้ำตรงไปอีกระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร)
[info-g] 39.924926,116.396692

เรื่อง : DPlus Guide Team | ขอขอบคุณภาพจาก : Kawazu Tourist Association

เทศกาล (ปราสาท) น้ำแข็งเมือง Sounkyo

ใครที่มีโอกาสมาเยือนเมืองโซอุนเคียว (Sounkyo) เที่ยวฮอกไกโดในช่วงฤดูหนาว จะมีโอกาสได้ชมเทศกาลน้ำแข็งซึ่งจะเปลี่ยนหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขาแห่งนี้ให้กลายเป็นจุดสนใจที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากพากันเดินทางมาเยี่ยมชมยาวต่อเนื่องกันถึงเดือนเศษๆ จนห้องพักของโรงแรมทั้งเล็กและใหญ่ที่มีอยู่มากมายนั้น ถูกจับจองไปเป็นส่วนมาก เทศกาลนี้มีชื่อเป็นทางการว่า Sounkyo Ice Fall Festival 

บริเวณที่จัดงาน มองจากรีสอร์ทบนเขาลงมา
บริเวณที่จัดงาน มองจากรีสอร์ทบนเขาลงมา
ปราสาทน้ำแข็ง มองจากไกลๆ อีกฝั่งถนน
ปราสาทน้ำแข็ง มองจากไกลๆ อีกฝั่งถนน
บรรยากาศในงาน
บรรยากาศในงาน

 

เทศกาลน้ำแข็ง Sounkyo Ice Fall Festival ที่นี่มีรูปลักษณะการจัดงานไม่เหมือนที่อื่น โดยเน้นการสร้างโดมและปราสาทน้ำแข็งขนาดใหญ่ซึ่งสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมภายในได้ บางหลังมี 2 ถึง 3 ชั้นพร้อมโครงสร้างเหล็กให้น้ำแข็งเกาะซึ่งแข็งแรงพอที่จะให้เดินขึ้นไปชมชั้นบนได้ด้วย ซึ่งจะได้เห็นทัศนียภาพแปลกตาไปอีกแบบ ทั้งจากการเล่นไฟแสงสีต่างๆและมุมมองออกมายังบริเวณภายนอกจากที่สูง ยิ่งไปกว่านั้นบางหลังยังมีงานแกะสลักน้ำแข็งเป็นรูปต่างๆอยู่ภายในอีกทีหนึ่ง จัดว่าเป็นเทศกาลน้ำแข็งที่มีรูปแบบแตกต่างและยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้เมืองอื่นๆ ในฮอกไกโดเลย

มีจุดพลุด้วย
มีจุดพลุด้วย
เดินขึ้นปราสาทน้ำแข็งกัน
เดินขึ้นปราสาทน้ำแข็งกัน

 

นอกจากนี้ภายในงาน Sounkyo Ice Fall Festival ยังมีการแสดงบนเวที จุดพลุ แสงสีเสียงต่างๆ เปิดให้เข้าชมเฉพาะช่วงเย็นเท่านั้น ระหว่างเวลาประมาณ 16:00 – 22:00 น. ของทุกวัน (แต่กิจกรรมบนเวทีและการประดับไฟแสงสีจะเริ่มค่ำๆ เหมาะที่จะไปดูกลางคืนมากกว่าครับ) ตลอดช่วงเทศกาล (ค่าเข้าชมจัดว่าไม่แพงแค่ราวๆ คนละ 200 เยนเท่านั้น)
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

 

สิ่งที่สำคัญสำหรับการมาเที่ยวเทศกาลหิมะและน้ำแข็งของที่นี่ คือการวางแผนว่าจะเดินทางยังไง พักที่ไหน เนื่องจากงานมีจัดเฉพาะเวลากลางคืน อีกทั้ง Sounkyo ก็เป็นหมู่บ้านรีสอร์ทบนเขาสูง ดังนั้นใครจะมาดูงาน Sounkyo Ice Fall Festival ก็ควรจะต้องพักที่หมู่บ้านโซอุนเคียว (Sounkyo) ไปเลย (โรงแรมที่นี่มักมีขนาดใหญ่สไตล์รีสอร์ท มีห้องอาหารให้เสร็จ เพราะหนาวเกินจะเดินออกไปหากินข้างนอก ราคาที่พักมักรวมอาหารเช้าและเย็นไว้ด้วยแล้ว) เพราะไปที่อื่นต่อลำบาก รถบัสประจำทางไม่มีวิ่งแล้ว และถึงมีรถบัสหรือเช่ารถขับมาเอง ก็ไม่เหมาะที่จะขับตามทางภูเขาที่หิมะตกในเวลากลางคืนเพื่อไปพักที่อื่นต่อ

ขั้นตอนการเดินทาง แนะนำให้มาถึง Sounkyo บ่ายๆ หรือเย็นๆ ถ้ามีเวลาพออาจขึ้นรถกระเช้าไปชม ยอดเขา Kurodake ก่อน กลางคืนชมงาน แล้ววันรุ่งขึ้นเช้าค่อยเดินทางไปชม น้ำตก Ginga และ Ryusei ซึ่งจะกลายเป็นน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาว อยู่ไม่ไกลนักจากตัวหมู่บ้านนัก (ทั้งสองที่จะกลายเป็นน้ำแข็งหมดทั้งน้ำตกในฤดูนี้ น้ำตกจะค้างแข็งอยู่บนหน้าผา และเป็นที่มาของชื่องานเทศกาลว่า Ice Waterfall Festival นั่นเอง) หรือจะยุบรวมทริป จัดตารางให้ขึ้นรถกระเช้ากับชมน้ำตกไว้ด้วยกันช่วงบ่ายหรือเช้าวันรุ่งขึ้นเลยก็ได้

 

สถานีรถกระเช้าขึ้นยอดเขา Kurodake เพื่อไปต่อ Chair lift (ปิดหน้าหนาว) แล้วเดินต่อถึงยอดเขา
สถานีรถกระเช้าขึ้นยอดเขา Kurodake เพื่อไปต่อ Chair lift (ปิดหน้าหนาว) แล้วเดินต่อถึงยอดเขา
เห็นยอดเขา Kurodake อยู่ไกลๆ ตรงหน้า
เห็นยอดเขา Kurodake อยู่ไกลๆ ตรงหน้า
น้ำตก Ginga เป็นน้ำแข็งหมดในฤดูนี้
น้ำตก Ginga เป็นน้ำแข็งหมดในฤดูนี้
น้ำตก Ryusei ที่อยู๋ข้างๆ ก็เป็นน้ำแข็งหมดเหมือนกัน
น้ำตก Ryusei ที่อยู๋ข้างๆ ก็เป็นน้ำแข็งหมดเหมือนกัน

 

ข้อควรระวังในการเดินชมงาน Sounkyo Ice Fall Festival นี้คือ พื้นจะค่อนข้างลื่น โดยเฉพาะในปราสาทน้ำแข็ง ยิ่งตรงไหนคนเดินมากจนเรียบแน่นก็จะยิ่งลื่น การเดินต้องใช้ความระมัดระวังมากพอควร หรือถ้าใครมีสายรัดรองเท้าแบบมีพื้นตะปู (Suberidome) ก็รีบงัดออกมาใช้เลยครับ ปลอดภัยกว่าแน่นอน

บริเวณที่จัดงาน Sounkyo Ice Fall Festival จะอยู่หน้าทางแยกเข้า Sounkyo ริมถนนสายหลักที่มาจากเมือง Kamikawa ซึ่งมีพื้นที่ว่างระหว่างถนนกับ แม่น้ำ Ishikari และอยู่ตรงที่ลำธารสายย่อยจาก Sounkyo ไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำพอดี (แม่น้ำ Ishikari ยาวเกือบ 268 กม. เป็นแม่น้ำสายยาวที่สุดของฮอกไกโด มีต้นน้ำจากภูเขาอิชิการิ ไหลไปทางตะวันตก ผ่านหมู่บ้าน Sounkyo ผ่านเมือง Kamikawa, เมือง Asahikawa แล้วไหลลงมาทางใต้เกือบถึง Sapporo จากนั้นวกออกสู่ทะเลที่อ่าว Ishikari ทางตะวันตกของฮอกไกโด) จุดที่จัดงานจะอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนกับสถานีรถบัสและศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวของ Sounkyo พอดี

โดยปกติแล้วโรงแรมที่อยู่ด้านบนเขาจะมีรถรับส่งแขกที่มาพักลงมาข้างล่างที่สถานีรถบัสอยู่แล้ววันละหลายๆ เที่ยว ดังนั้นใครพักโรงแรมสูงๆ ข้างบนก็สามารถใช้บริการรถดังกล่าวๆได้ จะประหยัดเวลากว่าเดินลงมาเองมาก จากสถานีรถบัสเดินข้ามถนนมาก็ถึงเลย

เทศกาลน้ำแข็งเมือง Sounkyo (Sounkyo Ice Waterfall Festival)
[info-c ]24 ม.ค. 58 – 29 มี.ค. 58
[info-t ]16:00 – 22:00 น. (เวลาเริ่มอาจปรับเปลี่ยนได้ตามเวลาอาทิตย์ตก งานจะเริ่มเมื่อมืดแล้ว เพื่อเน้นแสงสี)
[info-f]200 เยน
[info-d]จัดตรงทางแยกเข้า Sounykyo ตรงข้ามสถานีรถบัส แต่ละโรงแรมมักมี shuttle bus มาที่สถานีรถบัสทุกชั่วโมงอยู่แล้ว
[info-w] http://www.sounkyo.net/event/detail.php?id=3 เว็บไซต์หลักของ Sounkyo (ภาษาญี่ปุ่น)
[info-g]43.727454, 142.948704

ข้อมูล เรื่อง และภาพ: DPlus Guide Team / วศิน เพิ่มทรัพย์

เที่ยวฮอกไกโด Chitose Salmon Aquarium ดูปลาแซลมอนตัวเป็นๆ ใต้แม่น้ำจริง

เที่ยวฮอกไกโด ที่เมืองชิโตเสะ (Chitose) มีแม่น้ำชื่อเดียวกันไหลผ่าน เป็นแหล่งที่ปลาแซลมอนว่ายทวนน้ำขึ้นมาวางไข่ จึงมีการให้ความสำคัญกับการศึกษาและเพาะพันธ์ุปลานี้ โดยมีการตั้ง อควาเรียมและศูนย์อนุรักษ์พันธ์ุปลาแซลมอน (Chitose Salmon Aquarium) ขึ้นที่ริมแม่น้ำชิโตเสะ ไม่ไกลจากสถานี JR Chitose นัก

[หมายเหตุ : อควาเรียมปิดปรับปรุงใหญ่ตั้งแต่ ธันวาคม 2014 – กรกฎาคม 2015 กำหนดเปิดใหม่ที่แน่นอนโปรดติตามรายละเอียดที่เว็บ http://salmonpark.com ภาพทั้งหมดนี้เป็นภาพก่อนการปรับปรุง]

หน้าอาคาร Chitose Salmon Aquarium
หน้าอาคาร Chitose Salmon Aquarium
ตู้ปลาขนาดใหญ่ตรงโถงทางเข้า
ตู้ปลาขนาดใหญ่ตรงโถงทางเข้า
ปลาแซลมอนขนาดต่างๆ ในตู้
ปลาแซลมอนขนาดต่างๆ ในตู้

 

ในอาคารจะมีตู้กระจกขนาดใหญ่แสดงปลาแซลมอนสายพันธ์ุต่างๆ ตู้แสดงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการวางไข่ ห้องฉายวิดีโอแสดงวงจรชีวิตของปลา ตั้งแต่ออกจากไข่เป็นลูกปลา ไหลไปตามแม่น้ำชิโตเสะ ออกสู่ทะเลใหญ่ ว่ายไปในทะเลเป็นปีๆ ไกลถึงชายฝั่งอลาสก้า แต่เมื่อถึงเวลาก็ยังหาทางกลับมายังแม่น้ำชิโตเสะ และว่ายทวนน้ำขึ้นมาวางไข่ตามแหล่งเดิมได้ถูกที่

นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญ คือ ห้องกระจกที่เปิดออกใต้ระดับน้ำ ซึ่งจะแสดงให้เห็นสภาพปลาที่อาศัยอยู่กับพื้นทรายก้นแม่น้ำจริงๆ อีกด้วย

ห้องกระจกใต้ระดับน้ำของแม่น้ำชิโตเสะ
ห้องกระจกใต้ระดับน้ำของแม่น้ำชิโตเสะ
ลูกปลาแซลมอนในธรรมชาติที่ก้นแม่น้ำ
ลูกปลาแซลมอนในธรรมชาติที่ก้นแม่น้ำ

 

ในแต่ละปีเมื่อถึงฤดูวางไข่ คือระหว่างเดือนสิงหาคม – พฤศจิกายน จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ดักปลาที่เรียกว่า Fish Wheel เป็นวงแหวนคล้ายระหัดวิดน้ำ บนแท่นในแม่น้ำชิโตเสะซึ่งอยู่ด้านหลังอควาเรียม เพื่อดักจับและรีดไข่ปลาแซลมอนที่ว่ายทวนน้ำเหล่านั้นมาเพาะเพื่อช่วยขยายพันธ์ุด้วย เป็นการดำเนินการภายใต้นโยบายของกรมประมง เพื่อให้ในแต่ละปีจะได้ลูกปลาเกิดใหม่เป็นจำนวนมากไว้ทำพันธ์ุต่อไป

นักท่องเที่ยวจะสามารถชมการทำงานของอุปกรณ์นี้ได้จากสะพานข้ามแม่น้ำ ด้านหลังอควาเรียม

อุปกรณ์ดักปลา Fish Wheel ระหว่างที่ไม่ได้ใช้งาน จัดแสดงอยู่หน้าอควาเรียม
อุปกรณ์ดักปลา Fish Wheel ระหว่างที่ไม่ได้ใช้งาน จัดแสดงอยู่หน้าอควาเรียม
แท่นติดตั้ง Fish Wheel กลางแม่น้ำชิโตเสะ หลังอควาเรียม
แท่นติดตั้ง Fish Wheel กลางแม่น้ำชิโตเสะ หลังอควาเรียม

 

Chitose Salmon Aquarium ดูปลาแซลมอนตัวเป็นๆ ใต้แม่น้ำจริง
[info-t ]อควาเรียมปิดปรับปรุงใหญ่ตั้งแต่ ธันวาคม 2014 – กรกฎาคม 2015 กำหนดเปิดใหม่ที่แน่นอนโปรดติตามรายละเอียดที่เว็บ
[info-f]800 เยน
[info-d]เดินจากสถานี JR Chitose ประมาณ 1.1 กม. (15 – 2 0 นาที) หรือนั่งแท็กซี่
[info-w] http://salmonpark.com
[info-g]42.832718, 141.659102

ข้อมูล เรื่อง และภาพ: DPlus Guide Team / วศิน เพิ่มทรัพย์ 

เที่ยวญี่ปุ่นฤดูใบไม้ร่วง พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น

พยากรณ์ ใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น

ฤดูใบไม้ร่วงที่ญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่เดือน กันยายน – พฤศจิกายน ฤดูกาลแห่งสีสันนี้เป็นช่วงที่มีอากาศดี กำลังสบาย ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป อากาศจะค่อย ๆ เย็นลงช่วงเดือนตุลาคมอาจจะยังมีฝนตกบ้างประปรายต้นไม้ต่าง ๆ จะเริ่มผลัดใบจากสีเขียวเป็นแดง ส้มเหลือง โดยเฉพาะใบเมเปิ้ลจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ต้นแปะก๊วย (Ginkgo) จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะสร้างสีสันให้แต่ละเมืองเป็นเวลากว่า 1 เดือน ไล่มาตั้งแต่เกาะฮอกไกโดลงถึงทางใต้ที่เกาะคิวชู ฤดูนี้ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซันอีกช่วงหนึ่งในการการเที่ยวญี่ปุ่น เพราะเป็นช่วงที่ธรรมชาติตามป่าเขา วัด ศาลเจ้าและสวนสาธารณะต่าง ๆ จะมีสีสันมากที่สุด...