ช่วงใบไม้แดงจะมืดเร็ว และการจราจรติดขัด ในการเที่ยว 1 วัน อาจต้องเลือกเที่ยวระหว่างโซนมรดกโลกหรือโซนอุทยานแห่งชาติ

เช้า       ออกจากที่พัก เดินทางไปสถานี Asukusa

7:30     นั่งรถไฟเอกชนสาย Tobu-Nikko มาสุดสายที่สถานี Tobu Nikko ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. แนะนำให้ซื้อตั๋ว Nikko Pass ไปเลยเพราะคุ้มกว่า (คนที่ใช้ JR Pass จะสามารถนั่งรถไฟ Shinkansen มาลงที่สถานี Utsunomiya แล้วต่อรถไฟ JR เข้ามาลงที่สถานี JR Nikko ที่อยู่ใกล้ๆ กันได้ ซึ่งจะเร็วกว่าเล็กน้อยแต่ต้องรอต่อรถ)

10:00    นั่งรถบัสสายมรดกโลกหรือ World Heritage Bus จากหน้าสถานี Nikko ตรงจุดจอด 2C หน้าสถานี Tobu Nikko ไปลงป้ายเบอร์ 7 ชมสะพานชินเคียวหรือสะพานงู ซึ่งเป็นสะพานไม้โค้งสีแดง ที่ตามตำนานเล่าว่างูสองตัวแปลงร่างเป็นสะพานให้นักบวชเดินข้าม (ดูตารางวิ่งและจุดจอดที่ www.tobu-bus.com/en/nikko/pdf/nikko_en.pdf?201903)

10:30   เดินต่อไปยังวัดรินโน (Rinno-ji) ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 1,000 ปี ชมความงามของพระพุทธรูปไม้แกะสลักปิดทองที่อยู่ภายในศาลาใหญ่

11:30   เดินต่อไปยังศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine) ที่มีเจดีย์สีแดง 5 ชั้นอยู่ข้างหน้า งานแกะสลักรูปแมวหลับและลิง 3 ตัวที่ปิดตา ปิดหู ปิดปาก เดินต่อไปสักการะสุสานของโชกุนโทะงุคะวะ อิเอะยะสุ โชกุนผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยเอโดะ ที่อยู่บนเนินเขาหลังศาลเจ้า

13:00   เดินกลับมารอรถบัสที่ป้าย 81, 82 หรือ 83 แล้วขึ้นต่อไปลงที่ป้าย 9 Nishisando Iriguch  ต่อรถสาย Chuzenji Onsen ลงป้าย 24 รถกระเช้า Akeshidaira ขึ้นรถกระเช้า (3 นาที) ไปชมวิวทะเลสาบ Chuzenji และน้ำตก Kegon ในมุมสูง (แนะนำให้ทำเวลาโดยเตรียมอาหารง่ายๆ ที่นั่งทานตรงไหนก็ได้มาเอง จะได้ต่อรถไปทะเลสาบ Chuzenji ได้เลย) แล้วกลับลงมารอที่ป้ายเดิม (ต้องแวะขาขึ้นจาก Nikko มาทะเลสาบเท่านั้น ขากลับไม่ผ่านจุดนี้)

15:00    ต่อรถไปทะเลสาบ Chuzenji ลงป้าย 26 Chuzenji Onsen Bus Terminal เดินประมาณ 350 ม. ถึงน้ำตก Kegon ลงลิฟต์ไปชมน้ำตกแล้วเดินกลับมาที่ป้ายรถบัส

17:00    ขึ้นรถกลับมาลงที่ป้ายหน้าสถานี Tobu Nikko (ขบวนสุดท้ายออกจากสถานี Tobu Nikko เข้าโตเกียวประมาณ 19:35 เช็คตารางเวลาที่ www.tobu.co.jp/foreign/th/using/timetable.html)

19:00 เดินทางกลับโตเกียวด้วยรถไฟเอกชนสาย Tobu-Nikko นั่งสุดสายมาลงที่สถานี Asukusa

เราเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่นเกือบทุกภูมิภาคในหลากหลายฤดู และประเทศอื่น ๆ เช่น เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น รวมทั้งประเทศในโซนยุโรป เพื่อถ่ายภาพรวบรวมข้อมูล ออกมาเป็นผลงานในรูปแบบหนังสือ และสื่อสาระด้านท่องเที่ยว & ไลฟ์สไตล์ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ และภาคภูมิใจของพวกเรา DPlus Guide Team